บทที่ 123 ฉันอยากจะให้คุณชดใช้ด้วยชีวิต
คำพูดของเสิ่นอีเวยที่เพิ่งจะสิ้นสุดลง ข้าง ๆ หูพลันได้ยินเสียงแตกของโคมไฟ
เธอจึงได้ตกใจไปครู่หนึ่ง หันกลับไปมองปรากฏว่าเป็นเพราะเซิ่งเจ๋อเฉิงที่โกรธจนอยากจะอดทนได้เอามือไปปัดโคมไฟบนโต๊ะวางของข้างเตียง หลอดไฟแตกละเอียดเป็นเม็ดทราย สายไฟก็ยังมีเสียงไฟฟ้าสถิตอยู่ ณ ตรงนั้น ทันทีทันใดนั้นห้องนอนก็กลายเป็นห้องที่มืดมน
เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ยังคงจับตัวของเธอไว้อย่างแน่นอน ทำให้เธอไม่สามารถขยับได้แม้แต่นิดเดียว
ทั้งสองคนนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ พอผ่านไปสักครู่หนึ่ง ตาของเสิ่นอีเวยก็เริ่มปรับสภาพในที่มืดได้ แต่ว่าเขาก็ยังคงไม่สามารถมองเห็นเซิ่งเจ๋อเฉิงได้อย่างชัดเจนนัก เธอเห็นเพียงแต่แสงแวววับจากรูม่านตาของเขา
เสิ่นอีเวยมีความรู้สึกนิ่งไปสักครู่หนึ่ง แอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่น่าแปลกประหลาดยิ่งนัก ทำให้ความรู้สึกของคนและการใช้ร่างกายกลายเป็นคนเลอะเลือนได้ แต่กลับทำให้สายตาของคน ๆ หนึ่งกลับสว่างไสวขึ้นมา
ผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ ๆ เสียงของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็ได้เปล่งออกมาจากด้านบนของเธอ ออกพูดออกมาเธอก็ได้กลิ่นของสุราอย่างชัดเจน
“เป็นเพราะคุณปู่บอกสิ่งพวกนี้ให้คุณใช่ไหม ? ”
เสิ่นอีเวยตอบด้วยเสียงเงียบ ๆ ว่า “ใช่”
อารมณ์ของเซิ่งเจ๋อเฉิงเริ่มค่อย ๆ กลับมาคงที่แล้ว สองคนนั้นถูกขั้นด้วยความมืดของความสับสนวุ่นวาย ใครก็ไม่เข้าใจใครเลย แต่ว่ายิ่งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ชัดเจนเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้มนุษย์นั้นสามารถนำความในใจออกมา
“เพราะอะไร …… เพราะอะไรต้องบังคับฉัน ?”
เสิ่นอีเวยไม่รู้ว่าตัวเองนั้นฟังอะไรผิดไปหรือเปล่า น้ำเสียงของเซิ่งเจ๋อเฉิงที่มีความอ่อนแออยู่ข้างในนั้น ทำให้ใจของเธอรู้สึกตกใจ
ผู้ชายอย่างเซิ่งเจ๋อเฉิงก็ยังมีการใช้น้ำเสียงเช่นนี้ ทำให้เสิ่นอีเวยมีความรู้สึกแปลกไป เขา……น่าจะดื่มเมาไปแล้วแน่ ๆ เลยใช่ไหมนะ ? ไม่งั้นเขาจะแสดงออกถึงความอ่อนแอได้อย่างไร ?
เสิ่นอีเวยเงียบอยู่ภายใต้ความมืดไปสักครู่หนึ่ง ไม่ได้ตอบอะไร เธอได้ยกมือข้างขวาขึ้นได้รูปท้องน้อยของเธอ เพราะในนั้นเคยมีชีวิตเล็ก ๆ อยู่หนึ่งชีวิต ในใจของเธอทุกขณะอยากจะรักษาชีวิตน้อย ๆ นี้แต่ว่าเขากลับไม่ได้เห็นเสียแล้ว ในนั้นกลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่า ซึ่งทำให้ใจของเสิ่นอีเวยว่างเปล่าไปด้วย
ความรู้สึกของการแก้แค้นก็ได้เริ่มเข้ามาในความคิดในทันทีทันใด สายตาของเสิ่นอีเวยมองบนฝ้าเพดาน เธอได้กัดฟันและตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา ผ่านไปชั่วครู่หนึ่ง เธอจะเปิดปากพูดว่า “เพราะว่าชั้นอยากให้คุณลิ้มรสชาติของความเจ็บปวด แผลที่ถูกเปิดสด ๆ มันมีความรู้สึกอย่างไร ! ”
เสิ่นอีเวยรู้ตัวดีกว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นทับอยู่บนตัวของเธอ แต่ว่าในเวลานี้หัวใจสมองของเธอมีแต่เสียงคำรามที่เกรี้ยวกราด พันหมื่นคำพูดประโยคล้วนออกมาจากความเร่าร้อนจากอกขึ้นมายังบนลำคอ ซึ่งทำให้เธอรู้สึกอยากจะนำคำพูดเหล่านี้พูดออกมาให้หมดอย่างที่จะอดทนรอไม่ได้
“ทำไม นายก็รู้สึกเจ็บเป็นด้วยหรอ ? แต่ว่านายเจ็บกว่าชั้นหรอ ? แท้จริงแล้วนายไม่ได้รู้อะไรเลย ……”
ผ่านไปช้า ๆ เสิ่นอีเวยก็ได้พูดอย่างไม่มีลำดับ
“ชั้นรักลูกคนนั้นมากแค่ไหน แต่ว่านายล่ะ ? ถ้าหากไม่ใช่เพราะนาย ชั้นคงไม่ได้พบเจอเรื่องอะไรแบบนั้นที่เขาหวินมู่หรอก ชั้นก็คงไม่เสียเขาไป…….เซิ่งเจ๋อเฉิง…….”
ฉันอยากจะให้คุณชดใช้ด้วยชีวิต
คำนี้เป็นคำที่ถูกฝังลึกลงไปในใจของเสิ่นอีเวย แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้พูดมันออกมา เพราะว่าเธอรู้ว่าการชดใช้ด้วยชีวิตซึ่งเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์แล้ว
“ดังนั้น ความหมายของคุณคือคุณท้องลูกกับผู้ชายคนอื่น ? แต่ฉันจะยังต้องมีใจในการปกป้องเขารึ ? ”
น้ำเสียงอันเยือกเย็นที่ไม่นึกถึงความเป็นมนุษย์ได้เข้าสู่หูของเสิ่นอีเวยโดยตรง ในใจของเธอกลับไม่สามารถควบคุมตนเองได้จนสั่นไปหมด ซึ่งตามมาด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวใจที่ไม่สามารถจะปิดบังได้อีกต่อไป
เป็นเพียงเพราะคำพูดของเซิ่งเจ๋อเฉิง ทำให้เสิ่นอีเวยสั่นไปครึ่งตัวโดยไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งยิ่งอยู่ยิ่งรุนแรง มือทั้งสองข้างจับเสื้อตรงหน้าอกอยากรุนแรง ทำให้เล็บนิ้วมือนั้นเกือบจะสามารถเจาะทะลุผ่านเสื้อผ้าไปได้และทะลุไปจนถึงในจิตใจของเธอ
ในที่สุด เสิ่นอีเวยรู้ว่ามันไม่ค่อยถูกต้อง……ความเจ็บปวดแบบนี้เหมือนกับความรู้สึกกำลังจะหยุดหายใจ ไม่ใช่เพราะว่าคำพูดของเซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นได้ทำร้ายเธอ
แต่เป็นเพราะโรคของเธอได้กำเริบอีกครั้ง
ในระยะเวลาอันนั้น เสิ่นอีเวยกลับแสดงท่าทีที่กระวนกระวาย ณ เวลานั้นเธอไม่ได้ไปนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาหรือคำพูดของเซิ่งเจ๋อเฉิงที่พูดไปเมื่อสักครู่นี้ ตอนนี้เธอเพียงแต่อยากจะผลักเขาออกไป ยาระงับความปวดอยู่ที่โต๊ะข้าง ๆ เตียงนอนในลิ้นชักนั้น เธอจำเป็นที่จะต้องเอามาให้ได้
ชัดเจนว่าฤดูนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วง เวลากลางคืนอุณหภูมิเริ่มลดลง แต่เพราะว่ารู้สึกข่มขื่นเหลือคนานับ หน้าผากของเสิ่นอีเวยเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดใหญ่ ๆ กระทั่งเธอสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเหงื่อนั้นไหลไปทั่วร่างกายของเขา
เขาได้ยื่นมือเพื่อจะผลักเซิ่งเจ๋อเฉิงให้พ้ไป แต่ว่ากลับไม่สามารถทำให้พ้นไปได้ “ออก …… ออกไป ……”
ลักษณะสายตาในตอนนั้น เสิ่นอีเวยรู้ดีกว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงมีความหมายว่าจะไม่ปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน แต่ว่าเจ็บปวดนั้นยิ่งรุนแรงขึ้น ในที่สุด เธอก็หมดเหตุผลที่จะอดทนอีกต่อไปในภายใต้ความมืดมนได้คลำหาไหล่ของเซิ่งเจ๋อเฉิงและได้กัดอย่างรุนแรงลงไปด้วยความบ้าคลั่ง
เสิ่นอีเวยได้ใช้พละกำลังที่มากมาย แต่กลับไม่ได้ยินเสียงของเขาแม้แต่นิดเดียว เสิ่นอีเวยจึงจะกลับมาคิดได้ว่าเป็นเพราะเขาดื่มเหล้ามากไป ทำให้การรับรู้ทางความรู้สึกชินชาไปหมดแล้ว เลยทำให้ไม่มีความรู้สึกเจ็บอะไร
แต่ว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงได้เห็นเสิ่นอีเวยทำการกัดเขา ทำให้สีหน้าได้เปลี่ยนจนหน้าดูไม่ได้ไปขณะหนึ่ง สายตาของเธอราวกลับมีดดาบเช่นนั้นมองหน้าของเสิ่นอีเวย เธอเหมือนว่าจะรู้สึกอะไรบางอย่าง เลยได้ผลักเขาไปอีกครั้งหนึ่ง
แต่ ณ ขณะนี้เซิ่งเจ๋อเฉิงได้ใช้ปากที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าจูบลงไปบนริมฝีปากของเสิ่นอีเวย เสิ่นอีเวยตกใจจนลืมตาโตขึ้นมา แต่ว่าความเจ็บปวดของร่างกายที่สะท้อนกลับมายิ่งรุนแรงขึ้น และเพิ่มด้วยน้ำหนักตัวของเซิ่งเจ๋อเฉิงที่เพิ่มมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ยิ่งทำให้เธอไม่สามารถหายใจได้
เซิ่งเจ๋อเฉิงเหมือนกับสัตว์ประหลาดที่บ้าคลั่ง อีกมุมหนึ่งก็เหมือนจงใจจะลงโทษเสิ่นอีเวย ปากที่ตกลงสู่ริมฝีปากของเธอคงจะเรียกว่าจูบไม่ได้แล้ว แต่เหมือนกับการกัด เสิ่นอีเวยเจ็บจนถึงขั้นที่แม้ขนาดฟันยังสั่น เธอเพียงแต่รู้ว่าตอนนี้จะต้องรีบไปกินยา แต่ว่าร่างกายของเซิ่งเจ๋อเฉิงได้กดทับอยู่บนเรือนร่างเขา เธอควรจะทำอย่างไรดี…..
ในสถานการณ์ที่คับขัน เสิ่นอีเวยได้คลำหาสิ่งของที่แข็งมาก ๆ หนึ่งชิ้น เธอแม้แต่คิดก็ไม่ได้คิดหรือเตรียมพร้อมอะไรก็เอาของนั้นทุบลงบนหัวของเซิ่งเจ๋อเฉิง พอยกมือขึ้นมา ศีรษะของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็เอียงไปข้างร่างกายก็ไม่ได้มีการขยับเขยื้อนแล้ว ซึ่งในตอนนี้กลับไม่มีคนที่บ้าคลั่งแล้ว
เสิ่นอีเวยได้ดูสภาพไปรอบ ๆ
เธอไม่ทันได้มาดูด้วยซ้ำว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงแท้จริงแล้วนั้นเกิดอะไรขึ้น แต่เป็นเขาที่ผลักตัวเองออกไป เกือบจะโค้งตัวลงไปนอนกับเตียง และหาเจอยาระงับความปวด ซึ่งได้ยกแก้วน้ำดื่มไปพร้อมกับยา
ร่างกายของเธอก็ล้มลงไปนั่งกับพื้น ผ่านไปแล้วประมาณยี่สิบหน้าที เขาจะยื่นมือข้างที่เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้ดึงล้มลงไป ไปเปิดไฟ ในห้องที่มืดมิดสักครู่หนึ่งห้องก็เต็มไปด้วยแสงไฟสีเหลืองอ่อน ๆ
ร่างกายที่เจ็บปวดค่อย ๆ ได้รับการผ่อนคลาย ภายในระยะเวลาของความเงียบนั้น เซิ่งเจ๋อเฉิงที่นอนอยู่บนเตียงก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย เสิ่นอีเวยก็ได้รอเพียงแต่ตัวเองมีพละกำลังมากพอที่จะพาตัวเองลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง และได้เดินไปหาเซิ่งเจ๋อเฉิงอย่างช้า ๆ และได้มองเขา
ผมเผ้าของเขายุ่งเหยิง การหายใจที่หนักแต่กลับสม่ำเสมอ โดยทั้งหมดแล้วเป็นความเมาเป็นเหตุ เลยหันหัวแล้วก็นอนหลับไป
เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าตัวเองนั้นได้ผ่อนคลายไปอีกหนึ่งของการหายใจ หากว่าเมื่อครู่นี้เขาไม่ได้เมาแล้วหลับไป แต่เป็นการที่เขาได้เห็นเธอกินยาแก้ปวด เช่นนั้นเขาคงจะต้องถามเธออย่างแน่นอน
ยังดี ที่ไม่ได้เกิดขึ้น