บทที่ 128 เธอกับเขามีความสัมพันธ์ที่พัวพันไม่ชัดเจน
เสิ่นอีเวยได้กลับไปบ้านของตัวเองก็ประมาณสี่ทุ่มแล้ว เธอรู้สึกเหนื่อยล้ามาก จึงได้เดินไปยังกลางห้องแล้วค่อย ๆ ถอดรองเท้าส้นสูง
ในห้องรับแขกนั้นมีไฟเปิดอยู่ แต่กลับไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยเธอรู้สึกประหลาดใจมาก พอวางข้าวของเสร็จก็ได้หันตัวกลับไปแล้วเดินไปยังห้องรับแขก
คนที่อยู่บนโซฟานั้นคือ เซิ่งเจ๋อเฉิง
เสิ่นอีเวยได้รู้สึกตกใจไปครู่หนึ่ง หากผ่านโซฟาไปได้ก็อยากจะขึ้นไปบนห้องเสียที
“คืนนี้คุณไปไหนมา ? ”
เธอจึงได้กระตุกไปหนึ่งที แน่นอนว่าเธอไม่สามารถบอกเรื่องราวของวันนี้ให้กับเขาได้ เลยพูดตอกกลับไปว่า “แล้วมันมีปัญหาอะไรกับคุณหรือ ? ”
พอเธอกำลังจะเดินไป เซิ่งเจ๋อเฉิงจึงได้ปรากฏอยู่ด้านหลังของเธอ “คุณกับเซียวหันถิงมีความสัมพันธ์ที่พัวพันไม่ชัดเจนจริง ๆ ”
ในใจของเธอเต็มไปด้วยอาการสั่น หันกลับไปมองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาว่า “คุณหมายความว่าอะไร”
เซิ่งเจ๋อเฉิงจึงได้ค่อย ๆ ลุกขึ้นมา ทั้งสองคนห่างกันไม่มากนักเท่าใด “ความหมายของผมคุณไม่ชัดเจนรึ ? อาหารค่ำของคุณกับเซียวหันถิง อร่อยไหม ? ”
ในตอนนี้ต่อให้โง่เขลาขนาดไหนก็สามารถรับรู้ได้ เธอจึงได้ตกใจจนตาโต “เซิ่งเจ๋อเฉิงคุณได้สะกดรอยชั้นหรอ ? ”
เขาได้ยิ้มแสยะไปหนึ่งที สายตาคู่นั้นที่ปกคลุมไปด้วยความเยือกเย็น “ถึงว่าล่ะที่คุณพูดว่าอีกไม่นานก็จะได้เจอพ่อของเด็กแล้ว การกระทำไวเพียงนี้เชียวหรือ ? ไม่กลัวพวกแอบถ่ายบ้างหรือ ? ”
เสิ่นอีเวยได้คิดถึงเรื่องที่โกหกเขาไป ในใจก็เต็มไปด้วยความไร้เรี่ยวแรง จึงได้เพียงแต่พูดอย่างอาลัยอาวรณ์ว่า “เซิ่งเจ๋อเฉิงคุณนี่บ้าไปแล้วจริง ๆ ชั้นไม่อยากจะพูดอะไรกับคุณมากมายแล้ว คุณก็เล่นคนเดียวของคุณไปแล้วกัน ชั้นไม่ขอตามด้วยแล้ว”
ใบหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงมีความหมองคล้ำ เหมือนกับกำลังจะระเบิดได้ทุกเมื่อ
ภาพที่เซียวหันถึงได้ช่วยเสิ่นอีเวยจัดการหลิวไห่ก็ได้ปรากฏออกมา สัตว์ในหัวสมองของเขาก็ได้ปรากฏตัวออกมาอีกครั้งหนึ่ง
เขาจึงได้มองด้วยสายตาที่เหมือนมีดอันแหลมคมมองไปยังบันได เสิ่นอีเวยที่กำลังจะยกขาขึ้นบันไดทันใดนั้นแขนทั้งสองข้างกลับถูกแรงยิ่งใหญ่มหาศาลดึงกลับหลังไป ณ ขณะนั้นไม่สามารถรู้สึกอะไรได้อีกนิดเดียวก็จะตกลงพื้นเสียแล้ว
แขนของเธอได้ถูกเซิ่งเจ๋อเฉิงจับไว้อย่างแน่นหนา เสิ่นอีเวยใช้แรงเพื่อจะหลุดจากคนนี้ “ปล่อยมือ !”
เซิ่งเจ๋อเฉิงได้เข้าใกล้เขาอีกนิดแล้วบังคับให้เธอมองหน้า “มองที่ผม!”
เสิ่นอีเวยถูกบีบนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องเงยหน้าขึ้นมาเห็นชายคนหนึ่งที่กำลังเหมือนคนบ้าเหมือนกับคนที่เมาเหล้าในคืนนั้นอย่างไรอย่างนั้น
จูบก็ได้ตกลงบนริมฝีปาก ใบหน้าและคอของเสิ่นอีเวย เซิ่งเจ๋อเฉิงได้ใช้แรงในการจูบมาก ทำให้เธอรู้สึกถึงว่าอากาศในปอดถูกเขาดูดไปหมดแล้ว เธอจึงได้ใช้สองมือผลักออกไป ในคืนนี้พลังของเธอเยอะมากเช่นกัน จึงทำให้ผลักเขากระเด็นออกไปหลายก้าว
เซิ่งเจ๋อเฉิงที่ถูกผลักออกไปยิ่งทำให้เขาโกรธขึ้น วินาทีต่อมาทำให้ปรากฏเห็นถึงความต้องการของเขาอย่างมาก เสิ่นอีเวยเดิมทีนึกว่าเขาจะปล่อยไป แต่กลับกลายเป็นรู้สึกว่าตัวเองนั้นอยู่บนอากาศเช่นนั้น
“อา !” เสียงกรีดร้องของเธอ
เซิ่งเจ๋อเฉิงได้แบกเธอขึ้นไปยังบนห้อง
“เซิ่งเจ๋อฉิงนายปล่อยชั้นนะ ! นอกจากใช้วิธีนี้แล้วคุณยังมีวิธีอะไรอีกในการทำแบบนี้กับชั้น” เสิ่นอีเวยได้ใช้แขนผลักตีนถีบอย่างสะบักสะบอม
วินาทีต่อมา แขนทั้งสองข้างของเธอถูกเขานั้นนำไปไขว้ไว้ด้านหลังตัวเอง การกระทำเช่นนี้ทำให้เธอไม่สามารถมีอะไรต่อกรได้ ทันใดนั้นพลังกำลังก็หายสิ้นไปหมด
ในน้ำเสียงของเซิ่งเจ๋อเฉิงที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็นและน่ากลัว “ผมยังมีวิธีอะไรอีกน่ะหรือ ? อีกสักครู่คุณก็จะได้รู้มันเอง”
เขาพูดอะไร ?
เสิ่นอีเวยก็รู้สึกตระหนกตกใจ แน่นอนว่าเธอรู้สึกว่า “ความสามารถ” ของเขานั้นคืออะไร แต่ว่าตอนนี้……เธอไม่สามารถ
เธอเพิ่งแท้งไปไม่นานย่อมไม่สามารถถูกกระทำแบบนั้นได้ เธอจึงได้ครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรดี เพราะเขานั้นได้นำเธอไปยังบนเตียงแล้ว
เขาได้กดทับบนตัวเธอ และมือของเขาที่ได้ลูบไล้บนใบหน้าด้านซ้ายของเธอ น้ำเสียงที่มีความดุร้ายซ่อนอยู่ “เซียวหัวถิงได้สัมผัสตรงนี้ใช่หรือไม่ ? หืม ? ยังจัดทรงผมแทนคุณอีก ? ”
ลมหายใจได้รดอยู่บนหน้าของเธอ เธอไม่อยากจะอยู่ใกล้เขาขนาดนี้ เลยหัวหน้าไปทางอื่น
เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่กลับใช้มือนั้นกระชากเสื้อของเธอออกไป กระดุมเกือบจะหลุดออกหมด เธอจึงไม่ได้ทำการป้องกันแต่อย่างไร บนหน้าออกของเธอก็ถูกเปิดออกมาท่ามกลางอากาศที่เย็น
เสิ่นอีเวยเลยมีอาการสั่น
เธอจึงได้ใช้แรงเงยหน้าขึ้นมองไปยังสายตาของเขา ในสายที่เต็มไปด้วยความหวังซึ่งคาดหวังมากกว่าทุกครั้ง
เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าครั้งนี้เซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นเอาจริง ในใจที่วุ่นวายก็ยิ่งกลับขยายมากขึ้นในเวลานั้น
เธอจึงได้จับท้องน้อยของเธอไว้ ทั้งเรือนร่างของเธอไม่ใช่ถูกเซิ่งเจ๋อเฉิงคุกคามได้ เสิ่นอีเวยรู้ดีกว่าใครว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างมีความต้องการ ซึ่งไม่คำนึงถึงปัญหาร่างกายของเธอ
แขนทั้งสองข้าวถูกเขานั้นค่อย ๆ เปิดออก ทั้งร่างกายของเธอนั้นถูกครอบคลุมด้วยเขา ข้างทั้งสองข้างของเธอ ถูกเข่าทั้งสองข้างของเขาแยกออก
เสิ่นอีเวยรู้สึกกลัวเป็นอย่างยิ่งเลยพูดจาร้องขอความสงสาร ตาของเธอก็เต็มไปด้วยน้ำตา พอเปิดปากจะพูดน้ำเสียงก็สั่นไปหมดแล้ว “ชั้นขอร้องเธอเถอะนะ……อย่าทำแบบนี้เลย ร่างกายของชั้นไม่สามารถรับได้”
เรื่องราวที่เกินความคาดหมายก็เกิดขึ้น เซิ่งเจ๋อเฉิงกลับหยุดการกระทำทั้งหมด เขาได้เงยหน้าของเธอ นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา ในขณะนั้นเขาจึงได้สติอย่างแจ่มแจ้ง ในส่วนลึกของร่างกายที่ได้เกิดความหวังก็หายไปราวกับเมฑหมอกที่หายไป
เขาจึงได้สงบลงมา และได้พูดจากด้านบนและมองเธอว่า “เสิ่นอีเวย คุณฟังให้ชัดเจนนะ ผมไม่ใช่เพราะคิดว่าคิดถึงเรื่องสุขภาพร่างกายคุณน่ะ แต่เป็นเพราะว่า……”
เสิ่นอีเวยจึงได้หยุดน้ำตาของเธอ และมองไปยังเซิ่งเจ๋อเฉิง
“เพราะคุณถูกผู้ชายคนอื่นคุกคามแล้ว คุณสกปรกมาก ผมไม่ต้องการ”
พอพูดเสร็จก็ออกจากห้องเธอไป
พอฟังประโยคที่พูดเมื่อสักครู่นี้ ทุกคำเสมือนกับเหล้าพิษที่เหมือนดาบที่แหลมคมปักลงตรงกลางใจของเธอ เธอไม่มีแรงที่จะพลิกตัวเอง ร่างกายเพลียจนถึงขั้นสุด แม้แต่จะยกมือก็ยังไม่มีแรง
ณ บริษัทเซิ่งซื่อ
เสิ่นอีเวยแม้จะถูกแต่งตั้งให้เป็นรองประธานของบริษัทเซิ่งซื่อ แต่ความจริงแล้วทุกคนก็มองออกมาเธอไม่ได้มีอำนาจอะไร ตอนนี้อยู่ที่บริษัท แม้แต่คำพูดของสวีอันฉิงก็ยังมีอำนาจมากกว่าเธอ และเธอก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้ในข้อนี้
ใจของเธอแม้นจะดี แต่ว่าตั้งแต่เล็กจนโตก็ไม่เคยโดนใครย่ำยีขนาดนี้ เวลาผ่านคืนผ่านวันผ่านทำให้เธอรู้สึกว่าอยู่ที่นี่ต่อไปก็คงไม่มีความหมาย
เธอได้นั่งบนเก้าอี้ที่ห้องทำงาน ปากกาสีดำก็ได้หมุนไปหมุนมา ซึ่งใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคิด ในที่สุดเธอก็มีการตัดสินใจ
เสิ่นอีเวยลุกขึ้นแล้วนำเอกสารไป เปิดประตูกระจกออก ในนั้นได้วางเอกสารการหย่าร้างไว้สองซอง ซึ่งเธอจะนำใบหย่าไปหาเซิ่งเจ๋อเฉิง
หากว่าครั้งที่แล้วเธอจะเอาเอกสารหย่าไปหาเขาก็เป็นเรื่องที่ทะเลาะกับสวีอันฉิง แต่ทว่าครั้งนี้นั้นเธอมีสติที่ปลอดโปร่งที่สุดที่จะนำเอกสารนี้ไปให้กับเซิ่งเจ๋อเฉิงเซ็น
ซึ่งถึงเวลที่ตนเองนั้นจะได้สู้เพื่อบางสิ่ง
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”
เสิ่นอีเวยได้เคาะประตูห้องทำงานของเซิ่งเจ๋อเฉิง