บทที่ 153 ตอนนี้คุณจะต้องทำงานเพื่อฉันแล้ว
ในห้องน้ำหญิงบนกระจกใหญ่ได้เห็นร่างเงาเต้นรำของสวีอันฉิง ผมยาว มือข้างซ้ายก็ได้โทรศัพท์คุยเรื่องสำคัญ
“พวกคุณที่นั่นปรึกษากันเสร็จแล้วใช่ไหม ? อย่าถึงตอนนั้นก็ทำให้เรื่องเสียล่ะ “
ปลายสายมีน้ำเสียงที่เคารพ “คุณหญิงสวีโปรดวางใจ เมื่อก่อนบริษัทพวกเราก็ได้รับการดูแลจากคุณพ่อของคุณ ก็พูดได้ว่าติดค้างบุญคุณอยู่มาก ในงานครั้งนี้ที่คุณพ่อคุณให้พวกเราทำ พวกเราจะต้องทำให้ดีที่สุด วางใจเถอะ “
พอได้ยินคำพูดของปลายสาย สวีอันฉิงจึงวางใจลง
คืนนี้เดิมทีเธอจะไปหาลูกค้า จะต้องเซ็นสัญญาความร่วมมือ หลังจากติดต่อแล้วเพิ่งรู้ว่าเป็นบริษัทที่เคยทำความร่วมกับมือพ่อของเธอสวีโก๋วหมิง
พอรู้ถึงความเป็นมาตรงนี้ ในใจของสวีอันฉิงก็เลยมีความคิดใหม่ขึ้นมา
เธอได้ไปพูดกับเซิ่งเจ๋อเฉิงว่าวันนี้ตอนบ่ายมีธุระ เลยทำให้สำเร็จในการลากิจ ส่วนเรื่องการลงนามความร่วมมือในวันนี้เลยได้กล่าวถึงเสิ่นอีเวย แต่ว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงกลับไม่ได้สงสัยอะไรก็รับปากไป
ในคุณธรรมของผู้ร่วมลงนามความร่วมมือ สวีอันฉิงย่อมรู้ดี โลภมาก เห็นผลประโยชน์ คนเหล่าย่อมคู่ควรกับตัวเธอเอง เพราะว่าจุดประสงค์คือสิ่งเดียวกัน เพราะเป็นเช่นนี้ดังนั้นเธอเลยจงใจให้เสิ่นอีเวยไป!
พอคิดถึงตรงนี้ เธอไม่ได้เพียงแต่หัวเราะในสาย “นี่ยังไม่เท่าไหร่ พวกคุณคงรู้จักเสิ่นอีเวยใช่ไหม ? วันนี้พวกคุณก็จัดการเอาดีดีล่ะ อ่อ…ใช่แล้ว เธอดื่มสุราได้ไม่มาก หากว่าพวกคุณยินยอม ก็สามารถเพิ่มอะไรลงไปในนั้น พวกคุณจะเล่นอะไรก็เล่นไป แต่อย่างไรก็ตามครั้งนี้จะต้องทรมานเธอ งานเสร็จเมื่อไหร่ ชั้นจะตกรางวัลให้อย่างงาม”
ปลายเสียงนั้นมีหลายคนที่รับปากอย่างเต็มปาก “คุณหญิงสวีความหมายของคุณผมเข้าใจ วางใจเถอะ พวกเราจะไม่เหลือหลักฐานอะไรสักอย่าง”
สวีอันฉิงตอบเสร็จสรรพ ก็วางสายอย่างอิ่มเอมใจ พอหันตัวกลับไปกำลังเตรียมจะไปห้องทำงาน ทันใดนั้นกลับเห็นห้องน้ำข้าง ๆ เปิดออกมา ใบหน้าที่คุ้นตาเป็นยิ่งนักผ่านหน้าเธอไป
นั่นคือ ฉินจื่อเฟิง
สีหน้าของสวีอันฉิงเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก แต่ว่าก็กลับไปสู่หน้าเดิม “อ้อ ผู้ช่วยเล็กหรือ ?”
สีหน้าที่ไม่มีอะไรของฉินจื่อเฟิง เลยได้ถามอย่างชัดเจนว่า “ในสายโทรศัพท์คุณได้พูดถึงเรื่องอะไร ? “
สวีอันฉิงก็ได้ยิ้มแสยะแล้วพูดว่า “เกี่ยวอะไรกับคุณ ? ผู้ช่วยระดับอย่างคุณมีสิทธิ์อะไรใช้น้ำเสียงแบบนี้กับชั้น ? “
ต่อหน้ากับความยโสของสวีอันฉิง ในหน้าที่สุขุมของฉินจื่อเฟิงก็ไม่ได้มีความกลัวอะไรเลย ณ ตอนนี้ในสมองของเธอกลับเต็มไปด้วยความสงสัยของสวีอันฉิงที่คุยโทรศัพท์เมื่อสักครู่นี้
เธอรู้ว่า คืนนี้เสิ่นอีเวยจะได้พบกับความอันตราย
ฉินจื่อเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ผู้คุมสวี คำพูดที่พูดเมื่อสักครู่นี้ ชั้นได้ยินหมดแล้ว ในงานเลี้ยงคืนนี้คุณจะทำร้ายและใส่ร้ายรองประธานเสิ่นใช่ไหม ? “
สวีอันฉิงโกรธขึ้นมาและได้เดินเข้าใกล้ฉินจื่อเฟิงมากยิ่งขึ้น สายตาที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย “ชั้นจะบอกกับเธอนะฉินจื่อเฟิง เธอเข้ามาอยู่ภายใต้ร่มเงาของบริษัทเซิ่งซื่อที่ดีขนาดนี้ได้ ก็อย่าหาเรื่องอะมากกว่านี้ เธอได้ยินชั้นคุยโทรศัพท์แล้วทำไมล่ะ ? หรือว่าเธอจะไปบอกคนอื่นให้ไปบอกกับเซิ่งเจ๋อเฉิงรึ ? ”
“แน่นอน ชั้นจะให้คนทั้งหมดรู้เกี่ยวกับการกระทำของเธอ”
น้ำเสียงของเธอดังขึ้นไปถึงระดับแปด ใบหน้าที่แดงก่ำท่าทางที่ไม่มีความอ่อนข้ออย่างไร
สวีอันฉิงยิ้มแสยะแล้วพูดว่า “เธอไปสิ ชั้นจะดูว่าพอถึงตอนนั้นจะหลักฐานอะไรว่าชั้นพูดแบบนี้ ? “
พอพูดเสร็จ เธอจึงเอามือสองข้างวางไว้บนอก แล้วเอาเดินไปพิงยังอ่างล้างมือ และรอการตอบโต้ของฝ่ายตรงข้าม
อายุของฉินจื่อเฟิงช่างน้อยนัก ไม่รู้เรื่องราวของสังคม ในตอนนี้ถูกสวีอันฉิงยั่วโมโหเสียแล้ว เลยไม่ได้พูดอะไรแล้วก็กลับตัวไป ตอนนี้เธอกำลังจะไปหาเสิ่นอีเวย ประธานเซิ่ง
เธอจะให้ทุกคนในบริษัทรู้ว่าหัวหน้าสวีคนนี้แท้จริงแล้วเป็นอสรพิษที่แท้จริง เธอไม่ชอบสวีอันฉิงมาตั้งนานแล้ว
สวีอันฉิงได้มองไปยังเงาที่กำลังเดินออกไปของฉินจื่อเฟิง แล้วจึงหันกลับไปทาลิปบนริมฝีปากพร้อมหัวเราะที่น่าเกลียด เธอได้พูดออกมาว่า “ฉินจื่อเฟิง เธอจะต้องคิดให้ดีล่ะ ในโลกคนผู้ใหญ่บนมือของพวกเขานั้นไม่มีมือใครสะอาดไปกว่าใครหรอก แต่เธอกลับตัดสินใจแบบนี้ “
สวีอันฉิงจงใจให้เสียงสุดท้ายลากยาวออกมา แต่ว่าในประโยคครึ่งบนนั้นสามารถทำให้ฉินจื่อเฟิงหยุดการเดินได้อย่างสำเร็จ