บทที่ 159 เขาแพ้ใจเธอแล้ว
ทันใดนั้นได้ยินชื่อที่คุ้นหู เสิ่นอีเวยเลยตกใจไปชั่วครู่หนึ่ง
เธอได้ลืมตาของเธอขึ้นมาและได้มองเขาอย่างตั้งใจ สายตาที่เต็มไปด้วยความบริสุทธิ์แห่งใจ ริมฝีปากของเธอ แสงในแววตาของเธอไม่สามารถจะดูออกอย่างชัดเจน “คุณกำลังพูดอะไร ? ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหันเซียวถิงทั้งนั้น”
เขาจึงยิ้มแสยะแล้วพูดว่า “ตอนนี้สภาพคุณเป็นอย่างไร ตอนนี้พูดอะไรก็ไม่สามารถที่จะรับรู้ได้ใช่ไหม ? “
เสิ่นอีเวยได้มองเขาไปสักครู่ ใบหน้าที่แอบแฝงไปด้วยความเป็นทุกข์คณายิ่ง ตอนนี้ทั้งในและนอกร่างกายของเธอต่างได้รับความลำบากที่สุด ทั้งตัวร่างกายก็เหมือนกับไฟร้อนกำลังเผา
เสิ่นอีเวยไม่ได้มีความคิดจะตอบเขา เพราะว่าเธอไม่ได้มีแรงจะพูดกับใครทั้งนั้น เพียงเพราะว่าเขาไม่ได้จะเตรียมตัวดึงเธอออกมากจากตรงนั้น ดังนั้นเธอก็เลยเงียบลงมา
เขาได้มองเธอที่กำลังนอนอยู่ในอ่างอาบน้ำ ร่างกายและเสื้อของเขาก็ถูกน้ำเปียกหมด ถูกติดกับเนื้อของร่างกาย
ความจริงแล้วหน้าตาของเธอช่างสละสลวยเสียจริง ทวารทั้งห้าของเธอนั้นเหมาะสมที่สุด แม้กระทั่ง ณ เวลานี้ทั้งตัวอันสิ้นสภาพของเธอนั้นก็ยังไม่สามารถที่จะลบความสวยออกไปได้ ซึ่งทำให้เกิดเสน่ห์ความงามในตัวเธอ
ซึ่งคงไม่มีชายใดจะสามารถต้านทานการไหลเวียนของเลือดอย่างร้อนแรงได้
เขาได้หรี่ตาหลง สายที่อันเงียบงันและหยุดไปยังตรงหน้าของเธอ ทันใดทันในใจก็เกิดความโมโหในความคิดขึ้น เพราะว่าเขาได้คิดไปถึงที่เซียวหันถิงได้เห็นสภพาแบบนี้ของเธอ
ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ในตอนที่ยังเด็ก ๆ ชอบที่จะอยู่ข้างหลังตนเอง เขาจึงไม่เคยที่จะใช้เวลาในการมองเขาอย่างละเอียดเลย ดังนั้นตอนนี้เสิ่นอีเวยที่อยู่ต่อหน้าเขา ซึ่งเขาไม่เคยได้เห็นเลย
ทันใดนั้น เซิ่งเจ๋อเฉิงในสีหน้าของเขาก็อึมครึม เพราะว่าอารมณ์เย็นลงมาเขาก็ได้เริ่มจากการตรวจสอบตัวเองแล้วก็ได้พบกับการย้ำเตือนเบา ๆ ใช้ชีวิตมายี่สิบกว่าปี เขาเพิ่งรู้สึกครั้งแรกว่า ครึ่งหนึ่งของอีกชีวิตที่เหลือเป็นสิ่งของที่ไม่สามารถที่พึ่งพิงได้
ในคืนนี้ เขากลับแพ้ใจให้กับผู้หญิงคนนี้
ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี เขากลับพบว่าเขาเริ่มมีความรู้สึกกับเธอค่อย ๆเปลี่ยนไป แต่ว่าในส่วนลึกของหัวใจกลับไม่สามารถที่จะยอมรับได้ ไม่สามารถยอมรับได้ว่าตั้งแต่ที่ยืนหยัดเพื่อการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นเขาก็ได้เพียงแต่เย็นชาในเสิ่นอีเวยครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ครั้งนี้เป็นการเตือนตนเอง ตักเตือนตนเองกับการกระทำที่ตัวเองทำกับเขา ซึ่งไม่เคยเห็นใจอะไรเธอเลย
แต่ณ เวลานี้เขาเห็นผู้หญิงคนนี้ที่มักง่ายและสับสน ชัดเจนว่าความรู้สึกและการกระทำตนเองนั้นไม่สามารถที่จะบังคับได้แล้ว
ความรู้สึกกระวนกระวาย เขาได้คุกเข่าลงแล้วกอดเธอ หยดลงร่วงหล่นลงพื้นด้วยเสียงแม๊ะ ๆ เสิ่นอีเวยก็เปิดตาได้เพียงครึ่ง เพราะว่าฤทธิ์ยานั้นได้กำเริบสุดฤทธิ์ ในขณะที่เธอไม่สามารถจะบังคับตัวเองได้เหมือนเมื่อสักครู่ ก็ได้เพียงแต่ให้เขากอดเธอไว้
ร่างกายของหญิงสาวก็ถูกวางไว้บนเตียงนอน เขาได้อยู่บนตัวของเธอ เขาได้มองเธออย่างจริงจัง และในขณะนี้ เขาได้ยื่นมือออกมาแล้วบีบไปตรงหน้าอกของเธอหนึ่งที เพราะว่าความมึนของยา ดังนั้นตอนนี้เธอจึงไม่สามารถที่จะป้องกันอะไรได้
เธอกลับมีเสียงที่รู้สึกเจ็บออกมา เสียงของเธอได้เข้าไปยังหูของเขา ซึ่งทำให้ร่างกายของเธอรู้สึกชาไปทั้งหมด เขารู้สึกชัดเจนว่าเลือดที่ไหลเวียนอยู่นั้นในระยะเวลาอันนั้นก็อากาศธาตุ ผู้ชายที่มีสายตาลุ่มลึกเหมือนมหาสมุทร เพราะว่าความต้องการของร่างกาย
รู้สึกถึงอุณหภูมิของร่างกายที่เพิ่มระดับที่สูงขึ้น เสิ่นอีเวยเลยค่อยๆ ลืมตา แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่สามารถที่จะรู้สึก มือทั้งสองของเธอไม่รู้ว่าไปกอดคอของเขาได้อย่างไ ทั้งตัวของเธอถูกเขาล็อกเอาไว้ จมูกก็ได้กลิ่นของน้ำหอมนั้น
รอยจูบก็ได้ประกบเข้าปากของเธอ เลื้อยไปเลื้อยมาแล้วรู้สึกตัวว่าตัวเองนั้นถูกจูบจนไม่สามารถที่จะหายใจได้ แต่เขากลับจูบกดแบบไม่ปล่อย ร่างกายของทั้งสองคนกลับไม่มีช่องว่างระหว่างกันเลย
เมื่อกี้เซิ่งเจ๋อเฉิงได้ถอดเสื้อกันหนาวออก เสิ่นอีเวยได้เอามือดันหน้าอกของเขาไว้ แต่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
ในที่สุด เธอก็สามารถพูดได้อย่างยากลำบาก “คุณ…..คุณออกไปนะ….
เขาได้เปิดปากพูดมา ตัวเองก็รู้สึกตกใจ น้ำเสียงที่ไร้เรี่ยวแรง ลมหายใจร้อย ๆ เหมือนมาจากที่ปลายจมูกของเขา
พอได้ยินเธอพูดว่า “ออกไป” เขาก็ยิ่งโกรธไปใหญ่
เขาได้ออกห่างจากปากของเธอ สายตาที่เย็นชานั้นบอกว่า “คุณกล้าดียังไงให้ผมออกไป”