บทที่ 205 ทำไมคุณหญิงเสิ่นกลัวถึงขนาดนี้
เจิ้งอวิ๋นชวนได้พูดประโยคเมื่อสักครู่นี้ได้เน้นคำว่า “บอกตัวเองว่า” เสิ่นอีเวยก็ได้ยินอย่างชัดเจน
เมื่อสักครู่นี้เสิ่นอีเวยได้บอกว่าระดับแอลกอฮอล์ไม่ดี แต่ในตอนนี้เจิ้งอวิ๋นชวนก็ฟังเข้าไปในใจแล้ว ดังนั้นเขาจึงได้ทำการทดสอบเธอ แต่ว่าเสิ่นอีเวยรู้สึกไม่สนใจเพราะว่านิสัยของเธอก็เหมือนหิน ไม่ว่าใครจะอะไรก็ตามเธอก็ไม่ทำอะไรมั่ว ๆ
เสิ่นอีเวยได้วิเคราะห์ใจของเจิ้งอวิ๋นชวนอย่างลึกซึ้งแล้ว ก็ได้ยินแล้วพูดว่า “ขอบคุณคุณเจิ้งที่ชม ชั้นเพียงแต่รู้เพียงผิวเผินเพราะเป็นพ่อของชั้นที่ชื่นชอบยี่ห้อเหล้าต่าง ๆ ดังนั้นก็เลยเรียนรู้กับพ่อของชั้นค่ะ”。
ในสายตาของคนทั่วไป ในเมื่อรู้เรื่องเหล้าดีขนาดนี้แสดงว่าเป็นคนที่ชื่นชอบการดื่มเหล้า
การตอบของเสิ่นอีเวยก็ไม่ได้มีอะไรผิดพลาด เจิ้งอวิ๋นชวนก็ฟังแล้วก็ไม่ได้รู้สึกเอะใจ เพียงแต่ความรู้สึกมันชัดเจนมาก เลยทำให้เจิ้งอวิ๋นชวนมีสายตาที่ร้อนแรงมากขึ้น
ซึ่งจุดนี้ทำให้เสิ่นอีเวยรู้สึกไม่สบายใจ เหมือนกับตัวเองนั้นเป็นแบรนด์สินค้าที่อยู่บนชั้นวางของ ที่ดึงดูดสายตาของผู้ชายคนนี้ ทำให้รู้สึกถึงความไม่เคารพ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เสิ่นอีเวยรู้สึกถึง
สองคนนี้ได้มองสายตาที่จดจ่อ เจิ้งอวิ๋นชวนก็ได้มองเสิ่นอีเวยด้วยสายตาที่สุขุมเรียบง่าย ด้านหนึ่งได้ทำการพยักหน้า ด้านหนึ่งก็ได้เดินไปปิดประตู
พอปิดประตูเหมือนทำให้อยู่คนละโลก เหมือนกับถูกปิดผนึกไว้ เหมือนอยู่คนละภพอย่างไรอย่างนั้น
ในห้องเล็ก ๆมีสวิตช์ไฟอยู่ด้านขวาของประตู เจิ้งอวิ๋นชวนได้ปิดประตูเบา ๆ เสิ่นอีเวยได้หันหลังให้กับประตู
เธอได้ยินเสียงปิดประตู “ปั้ง” ทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น ในวินาทีต่อมา เธอก็เลยหันกลับไปมอง แต่ก็ไม่ได้มองเห็นอะไรอย่างชัดเจน เลยทำให้ทั้งห้องเต็มไปด้วยความมืด
หัวสมองของเธอเต็มไปด้วยความว่างเปล่า เหมือนกับถูกโยนลงไปในทะเลลึกที่มืดมิด เลยทำให้ถ่างตามากยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้เห็นอะไร ไม่ได้ยินเสียงอะไร
ขั้นตอนทั้งหมดฟังไปแล้วเหมือนจะยาวนาน แต่ว่าสถานการณ์ในหัวของเธอก็คือเพียงแค่หนึ่งวินาที ในไม่กี่วินาทีต่อมา เสิ่นอีเวยก็ได้กรีดร้องอย่างเสียงดัง
“อาาาาาาาา !”
ความกลัวเต็มไปทั่วเรือนร่าง เสิ่นอีเวยรับรู้ถึงเหงื่อแห่งความกลัวที่ไหล่ทั่วเรือนร่าง ตอนที่เธอกรีดร้องนั้น สองมือได้กอดตัวเองเอาไว้ และทันใดนั้นก็ได้นั่งลงกับพื้นที่แสนจะเยือกเย็น
เสิ่นอีเวยหายใจอย่างรุนแรง ความคิดที่เต็มไปด้วยสิ่งต่าง ๆ นานา มากมาย เธอไม่ได้ยินถึงเสียแห่งโลกความเป็นจริง ได้เห็นแต่เสียงไหลเวียนของเลือด ทำให้เธอรู้สึกไม่คุ้นอะไรเลย
ระยะความยาวนานถึงสองนาทีกว่า ในห้องนั้นไม่มีใครพูดอะไรเลย เสิ่นอีเวยคิดว่าเจิ้งอวิ๋นชวนได้ปิดประตูแล้วก็จากไป พอเธอได้สติขึ้นมาก็เพิ่งจะรู้ว่าเจิ้งอวิ๋นชวนได้ปิดไฟไป
ในหัวของเสิ่นอีเวยเต็มไปด้วยความคิดต่าง ๆ เธอไม่เคยคิดว่าภายในหนึ่งวันจะเรื่องร้าย ๆ แบบนี้
หัวสมองก็มีเพียงดัง ๆอยู่ในนั้น เสิ่นอีเวยที่นั่งอยู่ก็ได้ยินเสียงเดินเท้า เหมือนมีคนกำลังจะเดินมาหาเธอ ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเป็น เจิ้งอวิ๋นชวน
เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าเจิ้งอวิ๋นชวนได้ย่อตัวลงมา เจิ้งอวิ๋นชวนได้ยินแม้กระทั่งเสียงหายใจของเสิ่นอีเวย
เธอหายใจอย่างรุนแรง ทำให้รู้สึกความลำบาก ผ่านไปสักครู่ก็ได้ยินเสียงคนพูดออกมา “คุณหญิงเสิ่น คุณเป็นอะไรหรือ ? ”
เสิ่นอีเวยหัวเราะเย้ย ในที่สุดก็ยอมรับแล้วว่าตัวเองโชคร้ายขนาดไหน
เจอปัญหาในลิฟต์ไม่พอ ยังต้องมาตอบคำถามเจิ้งอวิ๋นชวนอีก เมื่อเขารู้ว่าเธอเป็นโรคอาหารหวาดกลัวในที่มืด ก็เลยคิดจะจัดการเธอ
ใช่แล้ว เจิ้งอวิ๋นชวนในเมื่อรู้จักกับเจ้าของที่นี่ เลยทำให้คุ้นกับสถานที่ และสามารถพาเธอมาได้อย่างสำเร็จ โดยไม่ยากอะไร
พอได้ยินเจิ้งอวิ๋นชวนถามปัญหาของตัวเธอ เสิ่นอีเวยก็ได้บังคับความกลัวไว้ในจิตใจ พยายามที่จะเก็บอารมณ์ให้ได้มากที่สุด “เปิดไฟแล้วปล่อยชั้นออกไป”
เจิ้งอวิ๋นชวนได้มีน้ำเสียงที่ดูถูก หัวเราะแล้วตอบไปว่า “อะไรหรือ? คุณหญิงเสิ่นกลัวแล้วหรือ ? เมื่สักครู่คุยกับผมไม่ใช่มีความยึดมั่นในตนหรอกหรือ? ”
เสิ่นอีเวยไม่ได้ไปสนใจคำพูดของเขา แต่กำลังพยายามเก็บอารมณ์ของตน
“คุณเจิ้งชั้นเคารพในตัวคุณ ดังนั้นเลยเรียกคุณว่าคุณเจิ้ง”
เสิ่นอีเวยพูดอย่างติด ๆ ขัด ๆซึ่งน้ำเสียงมีความสั่น แต่คำพูดท้ายๆ เหมือนไม่มีแรงจะพูดออกมา
ภายในห้องมีความเงียบมาก เสิ่นอีเวยได้ยินเจิ้งอวิ๋นชวนเดินมาใกล้ยิ่งขึ้น และริมฝีปากของเธอก็เจิ้งอวิ๋นชวนบีบอยู่
แม้ว่าแรงฝ่ายตรงข้ามจะไม่ได้ออกแรง แต่ความกลัวของเธอทำให้ร่างกายไม่มีพละกำลัง ร่างกายของทั้งสองสัมผัสกัน ทำให้เสิ่นอีเวยรู้สึกถึงความขยะแขยง เสิ่นอีเวยได้ยกมือแขนของตนเองจะเอามือไปปัดมือของเจิ้งอวิ๋นชวนออกไป แต่ว่าไม่สามารถที่จะทำได้เพราะว่าเธอไม่มีแรงเลย
กลิ่นอายแห่งความเร่าร้อนมันแพร่ไปถึงเสิ่นอีเวย เธอพยายามที่จะอยู่ให้ห่างเขาให้มากที่สุด แต่ว่าพละกำลังของชายคนนี้มากเหลือเกิน ทำให้เธอไม่สามารถขยับได้เลย
“ผมแปลกใจมากจริง ๆ ทำไมคุณถึงตระหนกได้ถึงขนาดนี้ ? เมื่อห้าปีก่อน คุณให้คนมามัดผมไว้ ถ่ายรูป เอารูปไปขึ้นบนเว็บในตอนนั้น ความกล้ามันมีมากไม่ใช่หรอ ? ”
เสิ่นอีเวยทันใดนั้นก็มีน้ำตาออกมาจากตา แต่ว่าเป็นเพราะแสงไฟที่กระทบเข้าใส่ เลยทำให้ไม่สามารถมองเห็นความรู้สึกกันและกันได้ แต่ทำให้เสิ่นอีเวยเดาได้ว่า เจิ้งอวิ๋นชวนกำลังมีความสุขที่สุด
การแก้แค้นเมื่อห้าปีก่อนของเจิ้งอวิ๋นชวน ทำให้คุณชายผู้ร่ำรวยคนนี้ได้รับการตำหนิว่าร้าย เช่น ไม่มีการวางตัวที่ดี ไม่คำถึงนึงกิจการบ้านของตน วัน ๆ หาแต่เรื่องมาให้