บทที่ 214 ศึกระหว่างชายสองคน
เจิ้งอวิ๋นชวนพอพูดเสร็จ เสิ่นอีเวยก็มีสีหน้าที่ตกใจ เมื่อสักครู่นี้เธอได้ทำการขอโทษเขาไปแล้ว แล้วตอนนี้ทำไมจะต้องถามคำถามนี้อีก ?
บรรยากาศในห้องมีความเงียบงัน ไม่มีใครพูดอะไร
เสิ่นอีเวยมีความตื่นตกใจ ที่เธอแอบมาเพราะไม่อยากจะขอโทษต่อหน้าเซิ่งเจ๋อเฉิง ซึ่งเธอคิดว่าเหมือนถูกกระทำเกินไป หากพูดอีกแง่หนึ่งคือ ขายหน้า
เสิ่นอีเวยก็ได้ทำการคิดมาตลอด จะต้องอยู่ในสถานการณ์แบบไหน ถึงจะไม่ให้มีการขายหน้าได้ แต่ตอนนั้นก็ไม่สามารถหาคำตอบได้ จนถึงตอนนี้เธอจึงได้เข้าใจแล้ว
ซึ่งคำตอบมีอยู่สองข้อคือ หนึ่งคนที่ได้รับความอับอายนั้นคือคนที่ตัวเองรักที่สุด เพราะว่าเหมือนกับสาบเลือดข้นกว่าน้ำ จึงไม่ได้ไปแคร์ถึงว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นอย่างไร
อีกประการหนึ่ง คนที่ได้รับความอับอายทั้งหมดเป็นคนที่ไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ ในเมื่อไม่มีความรู้จักกัน ต่อให้ฝ่ายตรงข้ามจะเป็นอย่างไรก็ตาม ก็ไม่ได้มีผลอะไร
หากพูดไปคือสองคนนั้นเป็นความสัมพันธ์ที่แปลกต่อกัน ความจริงก็ไม่มีเหตุผลอะไรมากมาย
เสิ่นอีเวยและเซิ่งเจ๋อเฉิงรู้จักกัมานาน สองคนนี้ผ่านเรื่องราวมามากมาย ซึ่งสองคนนี้มีความเหมือนกันก็คือ แต่ละฝ่ายมีความให้ความสำคัญซึ่งกันและกัน โดยไม่ได้สังเกตตรงจุดนี้
ตอนที่เสิ่นอีเวยคิดว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงจะไม่พูดอะไรแล้วหรือรอเธอพูดขอโทษเจิ้งอวิ๋นชวนด้วยตัวเอง แต่ทันใดนั้น เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ได้พูดขึ้นมา
เพราะว่าห้องนั้นมีความเงียบมาก เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ใช้เสียงที่ไม่สูงไม่ต่ำเหมือนกับไข่มุกหล่นลงบนพื้นแล้วกระแทกไปยังในใจของสิ่นอีเวยว่า “ผมไปตอบรับคุณตอนไหน ? ”
เสียงของเซิ่งเจ๋อเฉิงที่ไม่มีความรู้สึกอะไร ระดับเสียงก็ไม่ได้สูง แต่กลับทำให้ทุกคนรู้สึกถึงการรอคอย
เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดเช่นนั้นจึงทำให้เสิ่นอีเวยชะงักไป
ณ ตอนนี้เจิ้งอวิ๋นชวนก็รู้สึกตกใจ แต่ว่าเขาก็เป็นคนที่ผ่านเรื่องราวมาเยอะ เลยทำให้ใบหน้าไม่ได้เกิดสีหน้าหรืออารมณ์ใด ๆ
เจิ้งอวิ๋นชวนได้นั่งลงบนโซฟาแล้วพูดยอ่างช้า ๆว่า “อ้าว หากเป็นเช่นนี้ แสดงว่ากลับกลอกน่ะสิ”
เซิ่งเจ๋อเฉิงตอบด้วยความง่าย ๆ เรียบ ๆ ว่า “คุณชายเจิ้ง คำพูดนี้ผมฟังไม่เข้าใจ ตั้งแต่แรกจนถึงตอนจบผมไม่เคยตอบรับเงื่อนไขในข้อนี้ กลับกลอกคำนี้ มันมาจากไหนล่ะ ? ”
ความคิดของเซิ่งเจ๋อเฉิงที่เต็มไปด้วยความชัดเจน ความหมายของประโยคที่กำลังพูดก็คือความหมายอย่างชัดเจน
เสิ่นอีเวยที่กำลังดูอยู่ก็ไม่คาดคิดว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงจะไม่เห็นด้วยกับเจิ้งอวิ๋นชวน
เพราะครั้งนี้เป็นเจิ้งโป๋หงได้พาลูกชายเขาเข้ามาที่บริษัทเซิ่งซื่อ แท้จริงแล้วใช่เป็นการลงนามความร่วมมือกับเซิ่งเจ๋อเฉิงหรือ ? เมื่อก่อนเธอก็เคยได้ยินที่เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดถึงเรื่องพลังอำนาจของบริษัทเจิ้งซื่อ เซิ่งเจ๋อเฉิงในใจก็ชัดเจนว่าหากไม่ได้ลงนามความร่วมมือกับเจิ้งโป๋หงแล้วก็จะมีความเสียหายอย่างมาก
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เซิ่งเจ๋อเฉิงทำไมต้องทำเพื่อตัวเองและได้ปฏิเสธเช่นนั้นไป
และได้มองไปยังเจิ้งอวิ๋นชวนที่นั่งอยู่บนโซฟา แล้วเขายิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ขอปิดบังละกัน ตอนที่ผมอยู่ที่ต่างประเทศ ก็ได้ยินข่าวและสิ่งที่พ่อผมพูดถึงท่านประธานเซิ่งแล้ว ทุกคนก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคุณเป็นคนที่มีความเป็นผู้นำ เป็นนักธุรกิจอันดับหนึ่ง แต่ว่าวันนี้มาเห็นแล้ว ประธานเซิ่งก็ไม่ได้เป็นอย่างที่พูดไว้ พอผมมาดูแล้วก็เหมือนกับมีความหมายที่ไม่ชัดเจนเลย”
ความกล้าของเจิ้งอวิ๋นชวนมีมหาศาล ที่พูดอย่างนั้นไป หากเปลี่ยนเป็นคนธรรมดา แล้วพูดเหมือนเจิ้งอวิ๋นชวนที่อาศัยบารมีพ่อแบบนี้แล้ว ก็คงจะหมดสิ้นสภาพอย่างแน่นอน
เสิ่นอีเวยได้มองไปยังเซิ่งเจ๋อเฉิงที่มีสีหน้าสงบนิ่งไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลย
ถูกเจิ้งอวิ๋นชวนใช้วิธีเช่นนี้แต่ยังไม่เปลี่ยนสีหน้า สมกับเป็นเซิ่งเจ๋อเฉิงจริง ๆ
หลังจากนั้นเซิ่งเจ๋อเฉิงก็ได้ยิ้มและพูดว่า “น่าชื่นชมยิ่งนักที่คุณชายเจิ้งใช้ความทุ่มเทในการตรวจสอบท่าทีการดำเนินงานของผม แต่ว่า……..”
เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ได้เงียบลง แล้วมองไปยังเจิ้งอวิ๋นชวน และคนที่ถูกมองก็ไม่ได้หลบสายตาแต่อย่างไร
เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดต่อไปว่า “แต่ว่า พอพูดมาถึงตรงนี้ก็น่าละอายยิ่งนัก ชัดเจนว่าที่คุณชายเจิ้งและท่านประธานเจิ้งมาบริษัทเซิ่งซื่อครั้งนี้ และเป็นการพูดเรื่องการค้าครั้งแรกนั้น ผมก็ไม่ได้ไปเรียนรู้เกี่ยวกับคุณมากนัก”
เสิ่นอีเวยเริ่มรู้สึกอึดอัด เรื่องอะไรกัน ? สองคนนี้เริ่มมีการสนทนาเกิดขึ้น เธอรู้สึกงง ๆ
“แต่ว่า เรื่องราวของคุณชายเจิ้งนั้น ในแวดวงข่าวก็มีเนื้อหาที่มากมาย แต่ความไม่เหมือนของคุณและผมคือ ล้วนเป็นข่าวที่สื่อดัง ๆมากมายออกข่าว แต่เรื่องของคุณ ก็เป็นเพียงสำนักข่าวกระจอกงอกง่อย เป็นเพราะคุณชายเจิ้งยังอายุน้อย ชอบการละเล่น หากผมพูดไม่ผิดแล้วล่ะก็ คุณก็ยังจมอยู่กับพวกบุหรี่เหล้ามากกว่าธุรกิจใช่ไหมล่ะ ? ”
เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดอย่างไม่หยุด เสิ่นอีเวยและเจิ้งอวิ๋นชวนก็ได้ฟังอย่างชัดเจน
ความหมายในคำพูดของเขาก็ชัดเจนแล้ว และเสียดสีไปถึงเรื่องที่เจิ้งอวิ๋นชวนอาศัยบารมีของพ่อเขา
เจิ้งอวิ๋นชวนได้ย้อนเมื่อสักครู่นี้ก็เลยรู้สึกถึงการกระทบกระทั่งอย่างรุนแรง
เขาจึงได้นำบุหรี่ไปขยี้ที่ที่รองบุหรี่ให้ดับ แล้วพ่นควันออกมาแล้วพูดว่า “ความหมายของคุณคืออะไร ? ”
เซิ่งเจ๋อเฉิงยิ้มแล้วมีสายตาที่ไม่อ่อนโยนแล้วตอบไปว่า “ความหมายของผมคืออะไร คุณชายเจิ้งไม่รู้เชียวหรือ ? ภรรยาผมไม่ใช่เมื่อห้าปีก่อนมาทำร้ายคุณไม่ใช่หรือ และหากผมไม่ได้เดาผิดล่ะก็ หากพูดตามนิสัยของภรรยาผม ก่อนที่ผมจะมาถึงที่นี่นั้นก็ได้ขอโทษคุณไปแล้ว แต่ว่าผมเห็นในความหมายของคุณ ผมคิดว่าคุณคงไม่ปล่อยให้อย่างแน่นอน”
เสิ่นอีเวยตกใจจนลืมตากว้างขึ้นมา เมื่อสักครู่นี้คำพูดของเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้มีความชัดเจนอะไรมากมายที่จะปกป้องเธอ แต่วันนี้ผู้ชายคนนี้เป็นอะไร ? ทำไมแปลก ๆไป
เจิ้งอวิ๋นชวนยิ้มแล้วยิ้มอีก ยืนขึ้นแล้วพูดว่า “ประธานเซิ่งอย่าพูดให้เรื่องราวมันหนักหนาไปกว่านี้เลย”