บทที่ 237 การทะเลาะกันแบบเงียบๆของทั้งสองคน
ด้วยความกว้างของรถและแรงที่เสิ่นอีเวยเขวี้ยงไปไม่ได้ทำให้เซิ่งเจ๋อเฉิงโดนเสื้อผ้าของตัวเองต้องตัวเลยสักนิด เสื้อโค้ทตัวหนาพัดลมมาหอบนึงแล้วหล่นลงบริเวณมือของเขา
เซิ่งเจ๋อเฉิงถึงกับขมวดคิ้วเอาไว้ พอเงยหน้าขึ้นมามองออกไปด้านหน้ารถก็ไม่เห็นเงาของเสิ่นอีเวยแล้ว?
เซิ่งเจ๋อเฉิงมองรอบๆ พอหันไปมองอีกด้านหนึ่งก็เห็นเสิ่นอีเวยเวยที่กำลังเดินไปตามถนนมุ่งหน้าไปยังทิศที่เป็นทางกลับบ้าน เหลือไว้แค่เงาสลัวๆให้เขาไว้ดู
ถนนที่กำลังใช้เดินทางอยู่เป็นถนนเลียบชายทะเล สีขาวกว้างใหญ่ที่อยู่ด้านล่างมันเป็นทะเลที่สุดลูกหูลูกตา ทะเลที่ลึกลับซับซ้อนในยามค่ำคืนก็เหมือนกับสัตว์ร้ายที่กำลังหลับใหลอยู่นาน คนที่อยู่ด้านบนนั้นไม่สามารถรู้ได้เลยว่าด้านล่างแท้จริงแล้วกำลังมีอะไรซ่อนเร้นอยู่กันแน่
สิ่งที่สายตาเห็นทุกอย่างมันดูมืดมิดจนลึกลับซับซ้อนจนน่าหวาดกลัวไปหมด
ด้านข้างมีกระแสลมพัดในยามค่ำคืนมันทำให้หนาวจับใจ แถมบริเวณข้างๆยังเป็นทะเลขนาดใหญ่สุดลูกหูลูกตาอีก ลมที่พัดมานั้นก็ถือว่าเย็นกว่าปกติ เสิ่นอีเวยที่กำลังเดินอยู่บนถนนไม่เพียงแค่กำลังต่อสู้กับความหนาวเย็น แต่หล่อนกำลังโอบกอดเสื้อโค้ทบนร่างกายตัวเองไว้อย่างอดไม่ได้
หล่อนเงยหน้ามองไปยังด้านหน้า ช่วงนี้เป็นช่วงต้นฤดูหนาว ยิ่งในยามค่ำมืดเช่นนี้บริเวณถนนด้านหน้าค่อยๆมีหมอกจางๆปกคลุมไปทั่วบริเวณ สิ่งของพวกนั้นดูไม่ออกจริงว่ามันคืออะไรกันแน่
นอกจากแสงไฟจากรถของเซิ่งเจ๋อเฉิง บริเวณถนนรอบๆก็มืดสนิท ในใจของเสิ่นอีเวยเริ่มหวาดกลัวขึ้นมาที่ใจร้อนไปหน่อยถึงได้รีบลงมาจากรถเลยนึกเสียใจขึ้นมาแต่ก็แค่นิดหน่อยเท่านั้น
เอาจริงความกล้าบ้าบิ่นของเสิ่นอีเวยแทบน้อยมาก หล่อนเป็นคนขี้กลัวตั้งแต่เด็กอันนี้หล่อนรู้ดีอยู่แก่ใจ แต่เมื่อครู่ที่กำลังเผชิญหน้าอยู่เวลาที่เขากำลังโกรธ หล่อนถึงเลือกแบบไม่คิดเลยถึงได้ยอมลงจากรถ
แต่กลับไม่ได้ตรึกตรองเลยสักนิดว่าหลังจากที่ตัวเองรถจากรถแล้วจะทำยังไงต่อ
ณ เวลานี้ เซิ่งเจ๋อเฉิงที่กำลังนั่งอยู่บนรถในใจเขากำลังก่อกองไฟมาอีกครั้ง
สิ่งที่เขามองออกคือ ขนาดคนโง่ๆยังฟังออกเลยว่าที่เขาบอกให้เสิ่นอีเวยลงจากรถนั่นมันก็แค่ล้อเล่นกับหล่อนเท่านั้น แต่ทำไม ผู้หญิงคนนั้นถึงได้คิดว่ามันเป็นเรื่องจริงไปได้? ช่างเป็นผู้หญิงที่ไม่เต็มบาทเอาซะจริง!
เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่เพียงแต่กำลังครุ่นคิดอยู่ในใจ
แต่ความคิดของเซิ่งเจ๋อเฉิงที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เมื่อครู่ที่เสิ่นอีเวยไม่ควรที่จะลงไปจากรถ งั้นถ้าเมื่อครู่เขายอมหล่อนสักหน่อย เรื่องคืนนี้คงไม่ไปถึงแบบนี้หรอก เหมือนว่าคงไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
ทว่าตอนนี้หล่ะ? เรื่องมันไม่สามารถควบคุมได้แล้ว เซิ่งเจ๋อเฉิงคาดไม่ถึงเลยว่าคนอย่างเสิ่นอีเวยจะเป็นผู้หญิงที่กล้าบิ่นได้ขนาดนี้
ดูเหมือน..ว่าตัวเองยังไม่ค่อยเข้าใจหล่อนจริงๆ
เขาใช้มือจับพวงมาลัยไว้แน่น
สิ่งที่เสิ่นอีเวยตัดสินใจลงจากรถนั่นมันยิ่งทำให้เซิ่งเจ๋อเฉิงหงุดหงิดมากขึ้นอีก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยเข้าใจผู้หญิง แต่ว่าเขาทราบดีว่าหล่อนเป็นคนขี้ขลาดมากแล้วก็กลัวความมืด
เซิ่งเจ๋อเฉิงคิดแผนร้ายขึ้นมาเพื่อให้เสิ่นอีเวยรู้ว่าเมื่อครู่นี้ไม่สมควรที่จะลงจากรถ แถมยังอยากทำให้หล่อนได้รู้ว่าเสิ่นอีเวยเวยกำลังทำผิดอยู่
ไม่ผิดหรอก เขาแค่ยื่นเงื่อนไขให้หล่อน แค่หล่อนรับเอาไว้แล้วขึ้นรถมา เขาก็จะไม่ถือโทษโกรธอะไรกับเรื่องคืนนี้ที่หล่อนก่อเรื่องเอาไว้
ตอนที่เขากำลังคิดแผนอยู่นั้น เสิ่นอีเวยก็เดินลิ่วไปไกลจนยี่สิบเมตรได้แล้ว ดวงตาเซิ่งเจ๋อเฉิงยิ้มขึ้นมาได้แต่มองเงาด้านหลังหญิงสาวที่เดินเงียบเหงาเปล่าเปี่ยวโดดเดี่ยวเดียวดายอยู่ด้านหน้าถึงกับหัวเราะอยู่ในใจ
วินาทีต่อมา นิ้วมือเรียวยาวในรถของเขาก็ขยับเบาๆในความมืด ไม่รู้ว่าเสียงเบาๆดังมาจากไหนเหมือนกันไฟที่กำลังสาดส่องแทงตาของไฟด้านหน้ารถก็ดับลงทันที
ทันใดนั้น ไม่ใช่แค่ในรถบริเวณโลกด้านนอกก็มืดสนิท
อากาศในคืนนี้ช่างแปลกพิกล ตอนที่ทั้งคู่เพิ่งออกมาจากโรงพยาบาลก็มีฝนตกพรำๆมาจากท้องฟ้า ทว่าในตอนนี้ ในคืนเดือนมืดกับกลับมีพระจันทร์ส่องแสงลงมาบ้าง
ถึงแม้ว่าแสงจันทร์จะไม่ได้ส่องสว่างมากมายนักแถมมีก้อนเมฆเป็นห้อนคอยบดบังแสงสว่างจากพระจันทร์อยู่บ้าง แต่ว่าสามารถที่จะใช้แสงสว่างที่มีอยู่เล็กน้อยนั่นก็สามารถเห็นทางได้อย่างชัดเจน แต่ก็มีมองไม่ชัดอยู่บ้าง
คืนนี้เสิ่นอีเวยใส่เสื้อโค้ทสีเนื้อช่างตัดกับบริเวณรอบๆได้อย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นแค่เซิ่งเจ๋อเฉิงเงยหน้าขึ้นมามองแทบไม่ได้ใช้พละกำลังอะไรก็เห็นเงาด้านหลังของหล่อนอย่างชัดเจน
ตอนที่ดับไฟลงไม่กี่วินาทีนั้นเงาด้านหลังของเสื้อโค้ทสีเนื้อที่อยู่ด้านหน้าก็หยุดลง
ณ ตอนนั้น เสิ่นอีเวยที่กำลังเดินอยู่ถึงกลับหยุดเท้าของตัวเองลง ในใจของหล่อนมันช่างเย็นยะเยือก ความหวาดกลัวที่อยู่ในใจก็ค่อยๆประดังประเดขึ้นมาทวีคูณจนใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ
ในวินาทีที่ไฟดับลงนั้น เสิ่นอีเวยถึงกับหยุดเท้าและไม่เลือกที่จะก้าวเท้าเดินไปยังด้านหลัง หล่อนด่าเขาอยู่ในใจ หล่อนรู้ว่าผู้ชายคนนั้นจงใจทำ!
ตัวหล่อนเองก็ลงมาจากรถแล้ว เขายังคิดจะทำอะไรอีก! เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าตัวเองโมโหจนใกล้จะระเบิดเข้ามาทุกที แต่ว่าในตอนนี้หล่อนกลับไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อ
เสิ่นอีเวยยังคงยืนอยู่ตรงจุดเดิม เสียงคลื่นกระทบก้อนหินบริเวณหน้าผาสูงด้านล่างดังเข้ามากระทบโสตประสาท จังหวะมันค่อนข้างอ่อนแรง ยามค่ำคืนที่เงียบสนิทกลับได้ยินเสียงดังชัดเจน
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ที่ดังเข้ามาในโสตประสาทจนทำให้ส่งผลกระทบต่อจิตใจ
เสิ่นอีเวยไม่ได้หันศีรษะกลับไปมองรถของเซิ่งเจ๋อเฉิงด้วยซ้ำ สักพัก หล่อนคิดว่าด้านหลังของหล่อนกลับไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมา? ผู้ชายคนนี้ทำอะไรกันแน่? คงนั่งหัวเราะหล่อนอยู่ในรถแน่ๆ?
เสิ่นอีเวยคิดอยู่ในใจเงียบๆ
ทว่า— เซิ่งเจ๋อเฉิง ฉันจะไม่ยอมเอาอกเอาใจคุณอีก! ฉันอดทนมาจนถงขั้นนี้แล้วนะ หากยอมแพ้แล้วงั้นก็เสียหน้ากันพอดี
คิดได้อย่างนั้น เสิ่นอีเวยจับชายเสื้อด้วยมือทั้งสองข้างไว้แน่นแล้วค่อยๆก้าวไปยังด้านหน้าที่ละก้าว ด้านหน้านั้นกลับมืดสนิท
ทันใดนั้นเอง เสิ่นอีเวยที่กำลังสู้อยู่กับความหนาวที่คนอื่นแทบไม่มีใครรู้ ด้วยความที่หล่อนหนาวเย็นและความกลัว ขาทั้งสองข้างของหล่อนเกือบจะก้าวไม่ออกแล้ว
ในช่วงเวลานี้มันเกิดเรื่องขึ้นมามากมาย สมองและหัวใจหล่อนใช้ไปกับเรื่องวุ่นวายนั้นไปจนหมดแล้ว ทว่าหล่อนไม่มีแรงที่จะต่อกรอีกแล้ว เสิ่นอีเวยได้ยิ้มที่มุมปาก
เท้าที่กำลังก้าวไปยังด้านหน้านั้นยิ่งก้าวยิ่งหนักอึ้ง ในเวลานั้น หล่อนรู้สึกว่าหรือมันเหมือนว่าจะล้มลงไป
เซิ่งเจ๋อเฉิงที่นั่งอยู่ในรถได้แต่มองหล่อนจากด้านหลังที่หล่อนกำลังก้าวไปด้านหน้าอย่างเงียบๆ
ขอแค่ประโยคเดียว เสิ่นอีเวย ฉันขอแค่เธอยอมหันกลับมาคุยกับฉันดีๆสักคำ ฉันก็จะทำว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
เรื่องที่เธอคอยปิดบังฉันไว้ คำถามต่างๆที่เธอมักถามฉัน ฉันจะทำเหมือนว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น
ระยะห่างของทั้งคู่แค่ห่างกันไม่ถึงสามสิบเมตร แต่ว่าไม่ยอมที่จะปริปากคุยกัน คนหนึ่งอยู่ในรถ อีกคนอยู่นอกรถ ความห่างระหว่างกันเหมือนความมืดมิดทำให้ทั้งคู่ยิ่งห่างกันไปมากทุกที
ดังนั้นผลลัพธ์ในท้ายสุดคือ—
อีกคนคิดว่าตัวเองยังไงก็จะไม่หันกลับไป
ทว่าความคิดของอีกคนกลับคิดว่าถ้าเธอหันกลับมาทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิม
เซิ่งเจ๋อเฉิงกับเสิ่นอีเวยในขณะนี้ก็เหมือนกับเส้นขนานกัน ถึงแม้ว่าจะมาบรรจบกันได้แต่มันยิ่งไกลจากกันไปทุกที
ไม่มีใครจะแสดงท่าทียอมใครเลยจริงๆ
ไม่รู้ว่าในใจของเสิ่นอีเวยกำลังคิดอะไรอยู่ ถึงแม้ว่าจะหนาวเย็นจนทนไม่ไหวแล้ว แต่ความเร็วของเท้าที่ก้าวเดินออกไปกลับเร็วขึ้นกว่าเมื่อครุ่มาก
ผู้ชายที่นั่งประจำคนขับอยู่จ้องมองเงาด้านหลังของคนที่อยู่ด้านหน้าคนนั้นว่ากำลังเดินเร็วขึ้นมาก เขาชักเริ่มหนักใจขึ้นเรื่อยๆ อารมณ์ในดวงตาเขายิ่งเย็นยะเยือกกว่าเดิม
“ผลัก!”
เสียงกำปั้นของผู้ชายที่ทุบลงอย่างแรงบริเวณพวงมาลัยรถ