บทที่ 298 เอาเหมียนเหมียนคืนมาให้ฉัน
เวลาผ่านไปทุกที ความอดทนเสิ่นอีเวยของเสิ่นอีเวยที่สุดจะเหลืออด ไม่อยากที่จะต้องมาวุ่นวายกับเซิ่งเจ๋อเฉิงอีกแล้ว
พอเห็นเซิ่งเจ๋อเฉิงที่มองเป็นฟืนเป็นไฟ เธอก็อยากจะยกมือขึ้นมาปัดตรงที่เขานั้นจับไว้อยู่ แต่เขานั้นกลับมองเห็นมือที่เธอกำลังจะยกเสียก่อนแล้ว
เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ไม่อยากให้เธอนั้นสมหวังก็เลยมีการหยุดการกระทำของเธอไว้ แต่ไม่ได้คิดเลยก็คือว่า มือของเซิ่งเจ๋อเฉิงกลับจับอากาศอย่างนั้น เสิ่นอีเวยก็ไม่รู้ว่าทำท่าอะไร อยู่ดีดีก็ปัดมือเขาออก
ค่อย ๆ สบายขึ้น
หลังจากหลุดออกมาได้ เสิ่นอีเวยก็ถอยหลังก้าวใหญ่ ๆ เพื่อให้หลุดออกจากระยะห่างอันใกล้ แล้วเธอก็ยืนกอดอกเชิดอยู่เช่นนั้น ซึ่งทำให้เซิ่งเจ๋อเฉิงรู้สึกไม่ชอบเอาเสียเลย
“ไม่คิดหรอกใช่ไหมล่ะ ? ตอนที่ฉันอยู่อังกฤษ ขณะเวลาที่ว่าง ๆ ก็เลยได้เรียนวิชามวยอยู่บ้าง ต่อกับการกระทำของคุณน่ะฉันก็มีวิธีป้องกันอยู่บ้างแล้ว ดังนั้นฉันขอเตือนในฐานะภรรยา คราวหลังอย่าทำเช่นนี้อีก ไม่งั้นล่ะก็อาจจะทำให้คุณได้รับบาดเจ็บได้ พอถึงตอนนั้นอย่าโทษฉันละกันนะ”
เสิ่นอีเวยใช้คำพูดที่เสียดสี เซิ่งเจ๋อเฉิงได้ขมวดคิ้ว ซึ่งทำให้รู้สึกว่าไม่รู้จะจัดการกับผู้หญิงคนนี้ยังไง
“เซิ่งเจ๋อเฉิง บอกฉันมา เหมียนเหมียนอยู่ที่ไหน ” เสิ่นอีเวยมองด้วยสายตาแหลมคมเหมือนมีดที่กำลังจะทิ่มแทงไปยังเขา
เมื่อสักครู่นี้เธอนั้นสับสนวุ่นวายเหลือเกิน เพราะว่าเป็นครั้งแรกที่เอาเหมียนเหมียนกลับประเทศ และได้พบกับความเลวร้ายก็คือมีคนเอาเหมียนเหมียนไป หลังจากที่ได้รู้จากเซิ่งเจ๋อเฉิงนั้น เธอก็รู้สึกหมดอาลัยเข้าไปอีก
เพียงแต่เพราะอยู่ต่อหน้าเซิ่งเจ๋อเฉิง ดังนั้นเธอไม่อยากจะขายหน้า เลยพยายามเก็บอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ เพียงในมุมมองของเธอนั้น เธอรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เกินไปอย่างมาก
นั่นน่ะสิ เมื่อเผชิญกับคนอย่างเซิ่งเจ๋อเฉิงที่มีความละเอียดรอบคอบและจิตวิทยาสูงเช่นนี้ ทางที่ดีที่สุดก็คือเก็บอารมณ์ สุขุมลุ่มลึก อย่าทำอะไรมั่ว ๆ ไม่งั้นก็จะถูกผู้ชายคนนี้ได้เปรียบเอา
เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดตอบด้วยความไม่ยินยอม “วันนี้คุณมาเหมือนจะต่อสู้กับผม คุณคิดว่าผมจะตกลงกับคำขอของคุณหรือ ? จะนำเอาลูกสาวของคุณคืนคุณหรือ? ”
เสิ่นอีเวยฟังแล้วก็รู้สึกตลกนัก “ความหมายของคุณชายเซิ่งคือ จะเปลี่ยนอาชีพไปทำค้าขายแล้วหรือ ? ”
เสิ่นอีเวยก็ได้เสียดสีเซิ่งเจ๋อเฉิง แต่สายตาของเขาก็ยังเย็นชาอยู่เช่นนั้น
ไปผ่านนาน เขาก็เลยเปิดปากพูดว่า “นั่นคือสิ่งที่ผมไม่อยากบอกกับคุณ คุณจะทำอะไรผมล่ะ ? ”
เสิ่นอีเวยยิ้มแล้วก็ไม่เหมือนกลัวเขาแล้วพูดว่า “หากวันนี้คุณจะกวนจนขนาดน่าเกลียดขนาดแล้วล่ะก็ ฉันก็คงไม่มีวิธีอื่น นอกจากจะแจ้งความ ฉันพูดจริง ไม่ได้ล้อเล่น ”
เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ยังมองเสิ่นอีเวยด้วยสายตาที่เย็นชาอยู่เช่นนั้น อากาศในห้องที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็น ไม่มีใครยอมใคร
เซิ่งจ๋อเฉิงมองหน้าเสิ่นอีเวย เขานั้นรู้จักเธอนั้นนานแล้ว ผู้หญิงคนนี้มองตัวเองด้วยสายตาเช่นนี้ ซึ่งไม่มีตั้งใจขนาดนี้มาก่อน ดู ๆ แล้ว เธอจะพูดจริง ๆ หากบีบบังคับไปอีก เธอคงจะลงมือแจ้งความจริง ๆ
เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ในใจก็คิดอยู่สักครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ได้วิธีแล้ว
ใบหน้าของเขาไม่ได้แสดงกิริยาใด ๆ ไม่อาจจะมีใครคาดเดาอะไรได้ “ได้ ผมตอบรับคำขอของคุณ”
พอพูดเสร็จ เขาก็โทรศัพท์หาหลินอวี้ หลินอวี้ตอบกลับว่า “ประธานเซิ่ง”
“พากลับมา”
เสิ่นอีเวยก็ครุ่นคิดอยู่ในใจ คนอย่างเซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นเป็นคนที่ยืนหยัด แต่ได้ยินคำว่าแจ้งความ ก็กลัวขนาดนี้เลยหรือ ?
ในขณะนั้น ในใจก็เหมือนจะรู้ถึงอะไรบ้างสิ่ง แล้วมีความคิดบางอย่างที่ทำให้ชอบใจ เธอได้มองเซิ่งเจ๋อเฉิง แล้วรู้ว่ากำลังคุยโทรศัพท์กับหลินอวี้
ไม่ผิดคาดเลย สักครู่หนึ่งก็ได้มีเสียงเคาะประตู
“เข้ามา” เซิ่งเจ๋อเฉิงพูด
เสิ่นอีเวยได้เห็นหลินอวี้ตามคาด แล้วก็มีเด็กน้อยคนหนึ่งเดินเข้ามา ก็คือเหมียนเหมีย
“มามี๊” เสียงที่ดังกังวานไปทั่ว
ในขณะนั้นใจของเสิ่นอีเวยเหมือนจะสลาย เหมียนเหมียนได้อ้างแขนออกมาแล้ววิ่งมาหาเธอ เสิ่นอีเวยก็ได้ลืมเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้จนหมดสิ้น แล้วก็นั่งย่อลงเพื่อรับเหมียนเหมียน
พอได้กอดเหมียนเหมียน ก็รู้สึกมีความปลอดภัยขึ้นมา
เธอบอกว่าเหมียนเหมียนคือชีวิตของเธอ คำพูดนี้ไม่ได้เกินจริงเลยสักนิด เพราะว่าความจริงก็เป็นเช่นนี้ เหมียนเหมียนเป็นกำลังสำคัญในการที่ให้เธอนั้นเอาบริษัทกลับคืน
เหมียนเหมียนเมื่อเข้าสู่อ้อมกอด เธอก็ได้ตรวจดูสภาพร่างกายและอารมณ์ของเหมียนเหมียน ผลคือปกติไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยิ้มออกมาแล้วก็มีความน่ารักเลยทีเดียว
เสิ่นอีเวยได้เงยตามองขึ้น แล้วมองไปยังหลินอวี้ หลินอวี้ก็ได้พยักหน้าแสดงการทักทาย แล้วเสิ่นอีเวยก็ยิ้มไป
เธอกับเซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันแล้ว แต่หลายปีที่ผ่านมา หลินอวี้เป็นคนอย่างไหน เธอก็รู้ดี ดังนั้นเลยไม่ได้อคติกับเขา
เสิ่นอีเวยก็เป็นคนที่มีเหตุและผลในการวิจารณ์คน
เซิ่งเจ๋อเฉิงเห็นสภาพของแม่ลูกเช่นนี้ สายตาก็ได้มองไปยังเด็กตัวน้อย ๆ ที่น่ารัก หน้าแดงเช่นนั้น คิ้วที่ขมวดก็เริ่มคลายออก
เสิ่นอีเวยอุ้มเหมียนเหมียนแล้วพูดกับเซิ่งเจ๋อเฉิงว่า “ดูแล้ว คุณเป็นคนที่โอมอ้อมอารีเหมือนกันนะ ไม่ได้ทำร้ายลูกสาวฉัน แต่ฉันก็ต้องขอเตือนคุณสักอย่างหนึ่ง หากคราวหลังทำเช่นนี้ แล้วไม่บอกฉัน ฉันขอแจ้งความก็แล้วกัน ขอให้คุณเข้าใจ”
เซิ่งเจ๋อเฉิงที่ได้มองสีหน้าเย็นชาของเสิ่นอีเวย แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร แสดงอาการอะไรออกมาก
เสิ่นอีเวย ระยะเวลามันแสนยาวนาน เวลาของพวกเรายังมีอีกมาก
เซิ่งเจ๋อเฉิงถามว่า “อาการโรคของคุณเป็นอย่างไรบ้าง ?” เสิ่นอีเวยตกใจแล้วก็ยิ้มพูดว่า “อาศัยบารมีของคุณชายเซิ่ง หายดีหมดแล้ว แต่ว่าก็จะต้องบอกข่าวดีกับคุณนะ ในเมื่อฉันรักษาหายแล้ว สามารถใช้ชีวิตได้ดีแล้ว คุณคงไม่สบายใจสินะ