แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 300 กลับบ้านเก่าตระกูลเสิ่น
และเป็นเพราะอะไรทำไมเซิ่งเจ๋อเฉิงถึงแน่ใจว่าเหมียนเหมียนน้อยคือลูกสาวของตนเองกับเสิ่นอีเวย เหตุผลนั้นง่ายนิดเดียว
อย่างแรกดูจากหน้าตา ใบหน้าของเหมียนเหมียนน้อยกับตนเองมีความคล้ายคลึงกันมากมาย นอกจากนี้เสิ่นอีเวยไปประเทศอังกฤษเมื่อสี่ปีก่อน เขาให้หลินอวี้ไปตรวจสอบดู พบว่าอายุที่แท้จริงของเหมียนเหมียนน้อยคือสามขวบห้าเดือน ทำให้นึกย้อนกลับไปถึงครั้งสุดท้ายของพวกเขาก่อนที่เสิ่นอีเวยจะจากไป……
เมื่อลองคำนวณระยะเวลาทั้งหมด เขาเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่เชื่อว่าบนโลกจะมีความบังเอิญแบบนี้
เพียงแต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดคือเสิ่นอีเวยจะสามารถพูดโกหกต่อหน้าเขาอย่างเย็นชาเช่นนี้ เธอพูดว่าเหมียนเหมียนน้อยคือลูกของเธอกับผู้ชายคนอื่น ตามลักษณะนิสัยส่วนตัวของเขา เขาทนไม่ได้อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เขาไม่รู้จะต้องทำอย่างไรดี
ในใจของเซิ่งเจ๋อเฉิงรู้ดีกว่าใคร เมื่อก่อนระหว่างเขากับเสิ่นอีเวยเกิดความเข้าใจผิด ในใจของเธอลึกๆแล้วยังคงหลงเหลือความเจ็บปวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ——
เซิ่งเจิ้นอวี๋นพ่อของตนเอง ในงานเลี้ยงของตระกูลเซิ่งเมื่อแปดปีก่อน สิ่งที่พ่อของเขาทำกับพ่อแม่ของเสิ่นอีเวย มันร้ายแรงมากนัก และหลังจากผ่านไปเนิ่นนานเซิ่งเจ๋อเฉิงถึงจะมีท่าทีโต้ตอบ ดังนั้นเสิ่นอีเวยจึงจากไปเมื่อสี่ปีก่อน ซึ่งอาจจะประจวบเหมาะกับที่เธอตัดสินใจให้ความเป็นธรรมแก่พ่อแม่ ดังนั้นเธอจึงต้องการจากไปสักพัก
ในปัจจุบันต้องใช้คำว่า ”คมในฝัก“ กับเสิ่นอีเวย อาจจะดูไม่ค่อยเหมาะสม แต่ผู้หญิงคนนั้นอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษสี่ปี นิสัยคงเปลี่ยนไปมากแล้วจริงๆ
ก่อนหน้านี้ไม่ว่าเธอจะเผชิญหน้ากับอารมณ์ที่ดุเดือดมากมายแค่ไหน มักจะใจเย็นและใช้เหตุผล แต่เขามักเป็นฝ่ายที่กดดันความรู้สึกของเสิ่นอีเวยมาตลอด
แต่ตอนนี้ ทุกอย่างดูเหมือนแตกต่างกัน ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเสิ่นอีเวย หากตอนนี้ลองพิจารณาดูอย่างละเอียด แท้จริงแล้วตัวเขาเองอยู่ในฝ่ายที่เสียเปรียบเป็นอย่างมาก
เป็นอย่างที่คิดไว้ เซิ่งเจ๋อเฉิงถอนหายใจอย่างหนักหน่วงในใจ
เมื่อคนมีความรัก โดยเฉพาะผู้ชาย อารมณ์ต่างๆเริ่มจะไม่ค่อยมั่นคงขึ้นมา
แต่สถานการณ์ในตอนนี้ เขาจะทำอะไรได้บ้าง?ในช่วงเวลาสี่ปีที่เสิ่นอีเวยจากเขาไป ในที่สุดเซิ่งเจ๋อเฉิงก็ค่อยๆเข้าใจเรื่องราว นั้นคือเขาเองที่แยกออกจากเสิ่นอีเวยไม่ได้ ตอนที่เขาสังเกตเห็นปัญหาเรื่องนี้ แม้แต่ตัวเขาเองก็ตกใจ เพราะเขาแต่ไหนแต่ไรไม่เคยคาดคิดว่าตนเองจะมีความผูกพันธ์กับเสิ่นอีเวยเช่นนี้
แต่ถึงแม้จะรู้ว่าเสิ่นอีเวยอยู่ในประเทศอังกฤษ แต่ช่วงก่อนหน้านี้เขากลับไม่คิดที่จะทำอะไรเพื่อขอร้องให้เธอกลับมา เพราะว่าความรู้สึกของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็เปลี่ยนไปแล้วเช่นกัน
เสิ่นอีเวยภายนอกอาจดูอ่อนแอ ไม่มีปากมีเสียง แต่ความจริงภายในใจของเธอรู้สึกไม่ปลอดภัยเป็นอย่างมาก แถมการป้องกันทางจิตวิทยานั้นก็สูงมาก แต่สิ่งนี้ ประจวบเหมาะกับตอนที่เผชิญหน้ากับตนเองเมื่อก่อน จึงไม่ใช่แบบนั้น
ถ้าเซิ่งเจ๋อเฉิงยินยอม สามารถใช้สิ่งนี้บังคับให้เสิ่นอีเวยกลับประเทศ แต่เขาไม่ยินยอม เพราะเขาไม่แน่ใจว่าตอนนี้ในใจของเสิ่นอีเวยเขาอยู่ในสถานะอะไร
หรือจะพูดว่า ในใจของผู้หญิงคนนั้น แท้จริงแล้วยังมีเขาอยู่หรือไม่?
คำถามนี้ ตอนนี้ยังไม่รู้คำตอบ ตนเองทำเรื่องที่ผิดต่อเธอมากมาย ถ้าเธอไม่สามารถให้อภัยตัวเขาได้ มันก็คงสาสมแล้ว
ดังนั้นในครั้งนี้เขาจึงใช้สื่อสำนักข่าวใหญ่ ปล่อยข่าวว่าเขากำลังจะขายบริษัทหัวยู่น เพราะในใจของเซิ่งเจ๋อเฉิงรู้ดีว่า มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นถึงจะทำให้เสิ่นอีเวยกลับประเทศในเวลาที่สั้นที่สุด
เขาไม่สามารถควบคุมความคิดถึงที่มีต่อเธอได้ ดังนั้นเขาจึงลงมือทำ
อาจดูไม่ค่อยสมเกียรติสมศักดิ์ศรี อาจเป็นวิธีที่ไม่มีศีลธรรมและใจแคบจนทำให้โดนเสิ่นอีเวยด่าทอ แต่เซิ่งเจ๋อเฉิงกลับไม่รู้สึกเสียใจภายหลัง เพราะเขาคิดถึงเธอมากเหลือเกิน แต่เนื่องจากความไม่แน่นอนหลายอย่าง เขาจึงไม่สามารถไปประเทศอังกฤษเพื่อรับเธอกลับมาด้วยตนเองได้
ดังนั้น มีทางเดียวคือต้องบังคับเธอ
นึกถึงตรงนี้ เซิ่งเจ๋อเฉิงถอนหายใจแรงๆในใจ มองดูภูมิทัศน์ที่อยู่ห่างไกล ดูเหมือนว่าจะมองออกไปอย่างลึกซึ้ง
รถของเสิ่นอีเวยขับด้วยความเร็วบนถนนกว้าง เหมียนเหมียนน้อยนั่งอยู่ในคาร์ซีทอย่างว่านอนสอนง่ายอยู่ข้างๆ เธอกอดตุ๊กตาหุ่นกระบอกตัวโปรดไว้ในมือเผลอหลับไป
ในขณะที่รอสัญญาณไฟสีเขียว เสิ่นอีเวยหันไปมองลูกสาวของตนเอง เพราะกำลังหลับสนิทไปพร้อมกับจมูกเล็กกระจุ๋มกระจิ๋มและขนตางอนยาวที่สั่นไหวเล็กน้อย เดิมทีมีเสียงเจี๊ยวจ๊าว กลับกลายเป็นสงบลงไปอย่างไม่คาดคิด
ไม่นานนัก สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว เธอเหยียบคันเร่งเบาๆ วิวบนถนนด้านนอกหน้าต่างปรากฏให้เห็นความสวยงามยามพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า
เดิมทีเสิ่นอีเวยคิดว่าการกลับมาเจอเซิ่งเจ๋อเฉิงครั้งนี้ จะไม่มีผลกระทบต่อความรู้สึกของตนเอง เพราะเธอคิดว่าผู้ชายคนนั้นได้ตายจากหัวใจของเธอไปนานแล้ว แต่สิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็คือ เซิ่งเจ๋อเฉิงจะยังคงเป็นเหมือนคลื่นลูกใหญ่ที่ถาโถมหัวใจของเธอ
แม้จะเป็นเพียงแค่กิริยาท่าทางปกติทั่วไปของเขา แววตาหรือแม้แต่ถ้อยคำที่เคยชิน รายละเอียดพวกนี้ ทำให้เสิ่นอีเวยนึกถึงภาพความทรงจำเก่าๆเมื่อครั้งที่ตนเองใช้เวลาอยู่กับเขา
ก่อนจะออกมาจากบริษัทเซิ่งซื่อ เธอทำเป็นเข้มแข็งตลอดเวลาอยู่ต่อหน้าเซิ่งเจ๋อเฉิงและหลินอวี้ ราวกับไม่มีอะไรที่ตนเองไม่สามารถแก้ไขได้ แต่ไม่มีใครรู้ว่า เมื่อถึงเวลากลับออกมา แท้จริงแล้วเธอกำลังกัดฟันแน่น
มาจนถึงวันนี้ ในที่สุดเสิ่นอีเวยได้เรียนรู้สิ่งหนึ่ง นั้นคือการคุมเชิงเมื่อเผชิญหน้ากับเซิ่งเจ๋อเฉิง ต้องใช้ความพยายามทางจิตใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขาที่เป็นแบบนี้ เพราะในอดีตที่ผ่านมามีเหตุการณ์ทั้งความรักและความแค้นมากมาย
สองมือจับพวงมาลัยออกแรงขยับตามที่คิดในใจ เสิ่นอีเวยกัดฟันแน่น เธอพยายามทำให้ตนเองอารมณ์สงบลง แต่มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย จนกระทั่งใกล้จะถึงจุดหมายปลายทาง ความรู้สึกที่สับสนวุ่นวายของเธอจึงค่อยๆผ่อนคลายลงมาหน่อย
อาจจะเป็นเพราะเส้นทางกลับบ้านเต็มไปด้วยความรู้สึกต่างๆนานาที่ไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจน
เมื่อลงจากรถ เสิ่นอีเวยยืนอยู่ข้างหน้ารถ มองดูบ้านตระกูลเสิ่นที่เธอคิดถึง
เหมียนเหมียนน้อยยังคงไม่ตื่น เสิ่นอีเวยไม่ได้ปลุกเธอ
พูดถึงบ้านเก่า แท้จริงเป็นเหมือนลานที่กว้างขวางมากๆ ที่นี่คือเขตชานเมือง ตัวบ้านเป็นคฤหาสน์ แต่รูปแบบสถาปัตยกรรมไม่ใช่ประเภทของคฤหาสน์ที่พบได้ทั่วไปในใจกลางเมือง การตกแต่งค่อนข้างเรียบง่ายกว่า
ที่นี่ เมื่อก่อนคือบ้านของเสิ่นอีเวย และก็เป็นสถานที่ที่พ่อแม่เคยอาศัยอยู่มาเป็นเวลานาน
อาจเป็นเพราะห่างหายจากบ้านเป็นเวลาหลายปีจึงทำให้เกิดความรู้สึกที่ยากจะอธิบายได้ เมื่อสักครู่ตอนที่เสิ่นอีเวยรู้ว่าใกล้จะถึงบ้าน ตนเองจึงค่อยๆลดความเร็วในการขับลง
หลังจากที่พ่อแม่จากโลกใบนี้ไป เธอแทบจะไม่ได้กลับมาที่นี่เลย ตอนยังไม่ได้แต่งงานกับเซิ่งเจ๋อเฉิง ตนเองเช่าห้องพักอยู่ข้างนอก และแทบไม่เคยกลับมาที่นี่หลังจากแต่งงานกับเซิ่งเจ๋อเฉิง
ไม่ใช่เพราะลืมเรื่องราวในอดีต แต่เป็นเพราะเธอคิดถึงเรื่องราวในอดีตมากเหลือเกิน ดังนั้นอิฐทุกก้อนกระเบื้องทุกแผ่น หญ้าทุกเส้นต้นไม้ทุกต้น ณ ที่แห่งนี้ ทำให้เธอคิดถึงพ่อแม่ของเธออย่างสุดหัวใจ
คนที่สำคัญที่สุดในครอบครัวจากไปแล้ว เพียงพอที่จะทำให้ภายในใจของคนๆหนึ่งกลายเป็นดินแดนที่แสนแห้งแล้ง