สามีเก่าอ้อนรัก – ตอนที่ 334

ตอนที่ 334

บทที่ 334 ขอลูกสาวคืนมาให้ฉัน

เขาเห็นเสิ่นอีเวยเอาแต่ยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนอะไรเลย ในใจเซิ่งเจ๋อเฉิงกลับไม่รีบไม่ร้อนเพราะเขาเตรียมตัวมาพร้อม เขาได้แต่มองดวงตาของเสิ่นอีเวยพร้อมกับเอ่ยขึ้นเบาๆ : “ฉันนับถึงสามนะ ที่เหลือเธอก็คิดเอาเอง–”

เสิ่นอีเวยถึงกับขมวดคิ้วอย่างุนงงแต่ในใจกลับเครียดขึ้นมาแล้วคิดตามที่เขาพูด: ยังไงนะ? ตานี่ขู่เธองั้นหรอ? จะเอาจริงใช่ไหมเนี่ย!

แม้ว่าเสิ่นอีเวยจะรู้ดีว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงพูดคำไหนคำนั้นก็ตาม แต่ด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าแถมต่อหน้าคนอื่นที่ไม่รู้จักมักจี่เนี่ยนะ ด้านหลังเขายังมีหลินอวี้แล้วก็ลูกน้องบอดี้การ์ดอีกไม่ใช่หรอ?

หลายปีก่อนที่เธอยังอาศัยอยู่ภายในประเทศนั้น เธอก็เคยสัมผัสกับคนเหล่านี้มาไม่น้อย ทว่าตอนนี้เซิ่งเจ๋อเฉิงอยากให้เธออ่อนข้อให้ต่อหน้าพวกเขาเนี่ยนะ?

เหอะ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

คิดได้ดังนั้น เสิ่นอีเวยเลยไม่สนใจกับคำพูดที่เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดเมื่อครู่ว่าจะนับถอยหลังอีกเลย

“3 –”

เซิ่งเจ๋อเฉิงเขานับเลขขึ้นมาจริงๆด้วย เสิ่นอีเวยถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว

เดี๋ยวนะ!? อีตานั่นกำลังทำอะไรหน่ะ? เขานับเลขถอยไปด้วยแถมเดินตรงดิ่งมาทางเธออีก!? เสิ่นอี

เวยถึงกับตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเลย

ช่วงเวลานี้ของคนเราก็มักจะมีการที่ร่างกายตอบสนองขึ้นมาด้วยตัวเอง สิ่งที่ร่างกายสั่งอยู่ในใจนั่นก็คือการวิ่งหนี ใช่ เป็นไปตามที่คาดไว้ เสิ่นอีเวยทั้งที่ยังตั้งสติไม่ได้แต่ร่างกายของเธอนั้นกลับเริ่มทำการตอบสนองได้ไวกว่ามาก

ตอนนี้ในสายตาของทุกคนก็คือเสิ่นอีเวยหันหลังเตรียมจะวิ่งหนี

แต่เธอแทบไม่รู้ระดับความเร็วปานจรวดของเซิ่งเจ๋อเฉิงเอาเลย เธอได้แค่หันกลับแล้วเดินก้าวออกไปนิดเดียวแต่กลับรู้สึกว่าแขนของตัวเองนั้นกลับถูกมืออีกมือหนึ่งเหนี่ยวรั้งเอาไว้

ใจของเสิ่นอีเวยส่งสัญญาณเตือนภัยขึ้นมาเลยหันกลับไปดูอย่างรวดเร็วถึงได้พบว่าใบหน้านิ่งๆของเซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นอยู่ในสายตาของเธอเข้าให้แล้ว

เสิ่นอีเวยโมโหอย่างสุดขีดทั้งส่งสายตาความโกรธนั้นไปให้เขาอย่างเต็มที่ ทั้งคู่ต่างจ้องตากันอยู่นาน สักพัก เซิ่งเจ๋อเฉิงค่อยๆยิ้มขึ้นมาจนเห็นเขี้ยวฟันแสนเสน่ห์นั้นโผล่ออกมา แต่ว่าการพูดของเขาก็ยังคงนิ่งๆเหมือนเดิม แต่ดีหน่อยที่เสิ่นอีเวยคุ้นเคยกับวิธีการพูดของเขามาหลายปีแล้ว

“เสิ่นอีเวย ครั้งนี้ เธออย่าคิดที่จะวิ่งหนีอีก”

ห๊า?

เสิ่นอีเวยถึงเกิดคำถามขึ้นมาอยู่ในใจ ที่อีตานี่พูดออกมามันหมายความว่ายังไง หรือว่าเขาพร้อมที่จะให้ตัวเธอมาอยู่ข้างกายเขาหรอ? เป็นไปไม่ได้หรอก

เสิ่นอีเวยได้แต่ยิ้มแห้งๆแล้วตอบกลับเขา: “คุณเซิ่งน่าจะคิดมากไปนะคะ คุณน่าจะทราบอยู่นานอยู่แล้วว่าระหว่างฉันกับคุณนั้น เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว ฉันจะไม่ฟังคำสั่งบ้าบออะไรนั่นจากคุณอีก”

ขณะนั้นเองในใจเสิ่นอีเวยมันเหมือนกับการทุกข์ทรมานไม่จบไม่สิ้นสักที ส่วนทางด้านกลุ่มหัวโจกนั่นไม่ใช่ว่าอวดเก่งหรอกหรอ? นานแล้วทำไมไม่เห็นพูดอะไรสักอย่างเลย ขนาดออกมาสักทียังไม่กล้าเลยหรอ? หรือว่าหวาดกลัวกับอำนาจของคนของเซิ่งเจ๋อเฉิงหรอ คงไม่ถึงขนาดนั้นมั้ง?

หากจะพูดถึงหลักความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะพูดยังไงก็ตามผู้ชายคนนี้ก็เคยเป็นคนที่เธอรักคนหนึ่ง แต่เสิ่นอีเวยก็ยังคงรู้สึกว่ามันช่างยากแก่การเข้าใจ

ในเวลานั้นเอง เซิ่งเจ๋อเฉิงเริ่มพูดอีกครั้ง: “งั้นได้ คุณเสิ่นไม่ทำตามที่ผมพูด งั้นผมขอเสนอเงื่อนไขให้คุณหนึ่งข้อได้ไหม?”

เสิ่นอีเวยถึงกับใจเต้นโครมครามแล้วใช้หางตาแสดงวิธีการดูถูกคำพูดของเซิ่งเจ๋อเฉิงแทน : “อ้อ? เงื่อนไขอะไร? ลองพูดดู ถ้าน่าสนละก็ไม่แน่นะ ฉันอาจจะลงไปเล่นกับคุณด้วย”

เสิ่นอีเวยพูดตรงๆกับเขาแต่ว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงที่ฟังเธออยู่กับกระดกหัวคิ้วขึ้นมา เพราะเขาไม่ชอบที่เสิ่นอีเวยใช้วิธีนี้พูดกับเขา เมื่อก่อนผู้หญิงคนนี้ก็เป็นผู้หญิงที่เรียบร้อยนี่ แล้วเปลี่ยนไปกวนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

นิสัยทุเรศๆนี่เลียนแบบมาจากใครกันนะ? เซิ่งเจ๋อเฉิงอยากจะถามหล่อนให้รู้เรื่อง

แต่ว่าในตอนนี้ เขาไม่อยากจะหาเรื่องหล่อนเท่าไหร่ เซิ่งเจ๋อเฉิงกวาดสายตามองคนที่อยู่โดยรอบ แต่ที่เพ่งมองเป็นพิเศษก็คือแก๊งหัวโจกพวกนั้น ส่วนพวกนั้นเองก็หัวหดตดหายกันไปหมด ราวกับว่าโดนสายตาของจอมปีศาจที่เวลาจ้องมองคนแล้วสามารถฆ่าคนตอนที่มันกระพริบตาแล้วฆ่าคนได้แบบนั้น

สายตาของเขาแทบไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรพร้อมกับมองกลับมาที่ใบหน้าของเสิ่นอีเวย อีกทั้งเอ่ยขึ้นมา : “ดูจากสถานการณ์แล้ว เธอน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ใช่ไหม? ขอแค่เธอตกลงในเงื่อนไขฉัน ฉันก็จะช่วยเธอให้รอดจากเรื่องนี้”

เสิ่นอีเวยรู้ดีอยู่แกใจว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงเป็นคนที่พบปะกับผู้คนมากหน้าหลายตา แล้วจะดูไม่ออกได้ยังไงว่าตาหัวล้านนั่นทำงานด้านไหนกัน

เพราะงั้นด้วยเหตุผลนี้นี่เอง เขาเลยสรุปเอาว่าเสิ่นอีเวยน่าจะไปก่อเรื่องอะไรไว้แล้วไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้

เสิ่นอีเวยถึงกับสนอกสนใจในสิ่งที่เซิ่งเจ๋อเฉิงขึ้นมา เพราะว่าในตอนนี้เหมียนเหมียนยังตกอยู่ในมือลูกน้องของอวี๋มั่นมั่น หากตอนนี้เธอไม่สามารถปลีกตัวเพื่อไปตามหาลูกสาวได้ละก็ เธอแทบไม่อยากจินตนาการจริงๆว่าท้ายสุดแล้วจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาบ้าง

เสิ่นอีเวยครุ่นคิดอยู่สักครู่แล้วพลางเอ่ยถามเซิ่งเจ๋อเฉิงว่าเงื่อนไขของเขาคืออะไรกันแน่ : “งั้นก็ได้ คุณลองพูดมาสิว่าเงื่อนไขอะไรที่ฉันจะต้องทำข้อตกลงกับคุณ–”

ความคิดในสมองของเสิ่นอีเวยรีบคิดตลบไปมา ในใจเธอก็เริ่มวางแผนขึ้น ยังไม่ทันที่เซิ่งเจ๋อเฉิงจะพูดตอบเธอ เธอก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน : “ฉันขอพูดดักคอคุณไว้ก่อนแล้วกัน เงื่อนไขของคุณที่ต้องการให้ฉันตกลง หากมันเกินความสามารถของฉันที่จะให้คุณได้ ฉันไม่มีเวลามานั่งเสียเวลากับคนแบบคุณอีก เรื่องนี้คุณก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ”

สาเหตุที่เสิ่นอีเวยพูดแบบนี้ก็เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงเรื่องที่เธอไม่สามารถจัดการกับมันได้ เพราะตอนนี้เธอสามารถยืนหยัดในจุดยืนของเธอเองโดยที่ไม่ต้องกลัวเซิ่งเจ๋อเฉิงจะคอยมาเล่นเกมโง่ๆกับเธออีก

เมื่อน้ำเสียงเสิ่นอีเวยสิ้นสุดลง เซิ่งเจ๋อเฉิงถึงกับพยักหน้าทันทีแล้วเอ่ยตอบเธอทันควัน : “เงื่อนไขนี้สำหรับเธอแล้วก็ไม่หนักหนาสาหัสอะไร แค่เธอคิดว่าจะทำความเข้าใจยังไงกับเงื่อนไขนี้ดีเท่านั้นแหละ เอาลูกสาวผมส่งคืนกลับมาให้ผม ผมก็จะช่วยให้คุณหลุดพ้นสถานที่แห่งนี้”

เมื่อเสียงคำพูดของเซิ่งเจ๋อเฉิงสิ้นสุดลง บรรยากาศโดยรอบเงียบสนิท ไม่เพียงแต่เสิ่นอีเวยที่เบิกตาโตเท่านั้น ขนาดพวกไอ้หัวล้านยังไม่คิดว่าตัวเองจะได้ยินเรื่องอะไรที่สดใหม่ๆขนาดนี้

หัวใจของเสิ่นอีเวยเริ่มบีบรัดจนแน่นสาเหตุมาจากคำพูดที่เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดมาเมื่อครู่นั้นมันทำให้สมองของเธอตีกันวานวายหลายตลบ ไม่ว่าเธอจะตอบตกลงหรือไม่ก็ตามยังไงก็ไม่มีวิธีอื่นอยู่ดี เพราะอะไรนะหรอ ก็เพราะตอนนี้เหมียนเหมียนไม่ได้อยู่ข้างกายเธอ เหมียนเหมียนหายไปแล้วนะสิ..

เป็นเพราะว่าเธอไม่ดูแลลูกให้ดี… เสิ่นอีเวยเริ่มมีอาการเจ็บแปลบในหัวใจอยู่เป็นระยะๆ

เอาเถอะ ตอนนี้ต้องใช้โอกาสหลอกเขาไปก่อน เพื่อที่จะให้เขายอมช่วยเธอออกจากเงื้อมือของคนพวกนี้ไปก่อน แล้วเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง

“ตกลงไหม?” เซิ่งเจ๋อเฉิงเขยิบเข้ามาใกล้อีกนิดพร้อมทั้งจ้องมองดวงตาของเธอเพื่อเป็นการกดดันไปในตัว

เสิ่นอีเวยครุ่นคิดอยู่สักพักแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอพยายามครุ่นคิดอยู่ในใจจนได้คำตอบที่ดีที่สุดออกมา เธอช้อนสายตาขึ้นเพื่อสบตากับเขา : “ได้ ฉันตกลง”

เมื่อเสียงพูดว่าเธอตอบตกลงนั้น เซิ่งเจ๋อเฉิงถึงกับยิ้มบริเวณมุมปากอย่างพออกพอใจ ผู้หญิงนี่ช่างโง่จริงๆ ก่อนหน้านี้ยังมาโกหกว่าเหมียนเหมียนไม่ใช่ลูกสาวของเขากับเธอซะงั้น?

ถึงตอนนี้แค่เขาพูดประโยคเดียวออกมาเท่านั้นก็ยอมเผยความลับออกมาทันทีงั้นหรอ?

ใครบางคนรู้สึกพออกพอใจลึกๆอยู่ในใจ

สามีเก่าอ้อนรัก

สามีเก่าอ้อนรัก

Status: Ongoing

เสิ่นอีเวยได้แต่งงานกับเชิงเจ๋อเฉิงแล้วแต่เธอรู้ดีว่าที่เขาแต่งงานกับ เธอไม่ใช่เพราะรัก แต่เป็นเพราะอยากจะทรมานเธอ มันจะทรมาน แล้วยังไง เธอรักเขา ตั้งแต่เด็กก็รักเขามาจนถึงตอนนี้ แต่เขาไม่รู้ ชีวิตคู่แต่งงานสองปีเธอทุกข์ทรมานมาก เธอตายใจแล้วและเสนอ หย่าร้างกับเขา ไปจากชีวิตเขาไกลๆ แต่เขากลับเปิดโหมดรักเมีย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท