บทที่ 368 เจียงเฉิงหวินที่ไม่เหมือนกัน
เจียงเฉิงหวินได้ฟังเสิ่นอีเวยพูด แล้วก็ได้ขมวดคิ้วขึ้น ซึ่งเขานั้นเก็บงำความรู้สึกจริงอยู่ในส่วนลึกของความรู้สึก แต่ว่าเสิ่นอีเวยนั้นก่อนหน้านั้นก็ได้มีปัญหาเกี่ยวกับอารมณ์เกิดขึ้น ถึงกระทั่งเป็นโรคกลัวในที่มือ
ดังนั้นตอนอยู่ที่อังกฤษสี่ปี เพื่อเป็นการรักษาตัวเอง นอกจากจะไปหาหมอจิตวิทยาแล้ว ก็ยังเรียนรู้เกี่ยวกับจิตวิทยาอีกด้วย
ในการเรียนรู้นั้น ก็ได้มีการอธิบายเกี่ยวกับสีหน้าท่าทางและอารมณ์ของบุคคล ซึ่งจากการแสดงท่าทางออกจากทวารทั้งห้าของมนุษย์แล้ว ก็จะสามารถดูออกถึงความเป็นจริงของบุคคลได้
ถึงแม้อาจจะไม่สามารถชัดเจนได้เต็มรูปแบบ แต่เสิ่นอีเวยก็รู้สึกว่าไม่ไกลไปจากนี้
ดังนั้นตอนนี้ที่เธอมองสายตาของเจียงเฉิงหวิน สามารถตัดสินได้ว่า เขากำลังเก็บความลับอยู่ในใจ
เจียงเฉิงหวินยิ้มแล้วพูดว่า “คุณหญิงเสิ่นกล่าวเกินไปแล้ว ผมจะให้คนสะกดรอยตามคุณทำไมล่ะ ? ”
โบราณกล่าว มือไม่ตีหน้าคนอื่น เสิ่นอีเวยก็เลยได้เพียงยิ้มด้วยสีหน้าที่ไม่ได้มีความอบอุ่นเลย
“เราเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว และไม่ได้โง่ด้วย การคบหากันจะโกหกฉันหรือไม่นั้น ฉันก็มองออกอยู่แล้ว” หากไม่รีบขนาดนี้ จะเป็นใครล่ะ ?
ซึ่งผู้ชายที่มาเซ้าซี้แล้วเสิ่นอีเวยก็ได้อดทนนั้นก็เพราะว่าเหมียนเหมียนทำงานในบริษัทของเขา
เขาไม่อยากจะให้เรื่องส่วนตัวนี้ เป็นเหตุให้การทำงานของเหมียนเหมียนมีเหตุจะต้องติดขัด
ดังนั้นการที่เสิ่นอีเวยนั้นยังคงให้ความเคารพก็เพราะมีเหตุผล
และในตอนนี้ เธอไม่รู้ว่าคุณผู้ชายคนนี้มาหาเธอนั้นจะมีเรื่องอะไรอีก ก็คงจะต้องตามสถานการณ์ไปก่อน การที่ได้รู้จักฝ่ายตรงข้ามมานาน เธอก็มีประสบการณ์อยู่บ้างเล็กน้อย
เพียงแต่ครั้งนี้ เสิ่นอีกเวยจะต้องใช้คำว่า “เกรงใจ” ในการขีดเส้นระหว่างกันให้มากขึ้น
เสิ่นอีเวยได้มองเจียงเฉิงหวิน แล้วก็ยิ้มอยากสุภาพว่า “ประธานเจียง ฉันจะต้องพูดความจริงกับคุณเรื่องหนึ่ง ความจริงแล้วฉันก็มีแฟนแล้ว”
เสิ่นอีเวยกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้าใจแล้วมองไปยังเจียงเฉิงหวิน เหมือนกับฝ่ายตรงข้ามนั้นได้นั้นรู้สึกถึงความตกใจ แล้วก็ชัดเจนมากก็คือ เธอนั้นรู้สึกผิดหวัง เพราะว่าความรู้สึกของเจียงเฉิงหวินนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย
เขาผู้ชายนั้นก็ได้ยิ้มออกมา แล้วมองหน้าเสิ่นอีเวยแล้วพูดว่า “แต่พวกคุณไม่ใช่เลิกกันแล้วหรือ ? ”
เสิ่นอีเวยตกใจ แล้วก็ถามว่า “คุณรู้ได้อย่างไร ? ”
หลังจากถามคำนี้ไป เสิ่นอีเวยก็รู้สึกเสียใจ เพราะว่าการตามเจียงเฉิงหวินเช่นนั้นแสดงว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริง
เสิ่นอีเวยก็รู้สึกแปลกใจ เรื่องของเธอและสวี่เส้าเหิง นอกจากหยางอันหราน แล้วก็เซิ่งเจ๋อเฉิงแล้ว ก็คงไม่มีคนอื่นที่จะรู้อีก และตอนนั้นหยางอันหรานก็คิดถึงเรื่องชื่อเสียงของเหมียนเหมียน ก็ใช้เงินมหาศาลในการปิดข่าวลดผลกระทบ ไม่งั้นก็คงจะต้องถูกชาวเน็ตประณามเป็นแน่แท้
และหากชื่อเสียงของเสิ่นอีเวยนั้นถูกทำลายจนหมด เช่นนั้น เหมียนเหมียนที่เป็นลูกสาวของเธอนั้น ก็จะต้องได้รับผลกระทบทางด้านการงานแน่ ๆ
ความจริงแล้วเสิ่นอีเวยก็ไม่อาจจะไม่ยอมรับได้ว่า เจียงเฉิงหวินนั้นจะดีร้ายก็เป็นคนที่ประสบความสำเร็จ ก็ยังเป็นลูกเจ้าของบริษัทการบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศด้วย ความรู้ต่าง ๆ ก็ไม่จำกัด ดังนั้นดูไปแล้วเขาก็มีความเก่งอยู่ในตัวเลยทีเดียว
เช่นในตอนนี้ เขาได้เข้าใกล้เสิ่นอีเวยแล้วก็ได้ฟังถึงน้ำเสียงของเขาว่า “แต่ว่าอีเวย….”
ฝ่ายตรงข้ามใช้คำเรียกที่ไม่เหมาะสม เลยทำให้เสิ่นอีเวยขมวดคิ้ว
เจียงเฉิงหวินพูดว่า “ความจริงแล้วผมีฐานะอย่างไร คุณก็รู้ชัดเจนอยู่แล้ว หากผมอยากจะรู้เรื่องอะไร ให้คนไปตรวจสอบก็จบแล้วนี่ ไม่ต้องใช้ความคิดอะไรมากมาย”
“ยิ่งกว่านั้น….” เจียงเฉิงหวินพอพูดถึงตรงนี้ก็ได้เสียงเบาลง เหมือนจะบอกความลับอะไรออกมา
“ยุคนี้เป็นยุคสมัยของเทคโนโลยี เรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นก็สามารถปกปิดได้ง่ายอยู่ เพียงแต่มีนักข่าวการบันเทิงที่มีความสนใจไปหาข้อมูลมา ก็คงจะเป็นเรื่องใหญ่ ครั้งนั้นที่เหมียนเหมียนถูกลักพาตัวไปหลายชั่วโมง สุดท้ายเรื่องราวก็ไม่ได้ถึงหูผู้บริหาร เพราะว่าหย่งอันหรานมีความสามารถ เลยทำให้เรื่องพวกนี้เก็บเอาไว้ แต่เธอนั้นเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเหมียนเหมียน เรื่องราวต่าง ๆ ก็ต้องรายงานถึงผู้บริหารระดับสูงแน่นอน ดังนั้นคนที่รู้ความจริงนั้นไม่น้อยเลย รวมถึงผมด้วย”
เจียงเฉิงหวินพูดออกมา มีน้ำเสียงที่เรียบง่าย และก็ไม่ได้ใส่น้ำเสียงมากมายขนาดนั้น ดังนั้นเสิ่นอีเวยฟังไปแล้วก็ไม่ได้มีความรู้สึกอะไร
ความจริงแล้ว เสิ่นอีเวยก็ได้ผลสรุปออกมา หากผู้ชายคนนี้พูดจาดีดีไม่เหมือนตอนธรรมดาที่พูดออกมา ก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร
และในตอนนี้ เจียงเฉิงหวินอยากจะพูดแต่ก็กลับหยุดคาใจเอาไว้ เหมือนกับกำลังจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็เก็บเอาไว้ในใจ
เสิ่นอีเวยตลอดมาก็ไม่ชอบคนที่มีลักษณะเช่นนี้ แล้วเรื่องนี้เกี่ยวกับลูกสาวของตัวเอง
“ประธานเจียงมีอะไรจะพูดอีกไหม ?” เสิ่นอีเวยเปิดปากถามด้วยตัวเอง
ไม่คาดคิดว่าเธอจะเห็นสีหน้าของเจียงเฉิงหวินที่มีความลับอยู่ข้างใน
“ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนั้นแล้ว ตอนที่ผมรู้เรื่องก็อยากจะยื่นมือมาช่วยคุณ แต่ก็ไม่อาจจะไม่พูดได้ว่า หยางอันหรานเป็นคนที่เก่งจริง ๆ สุดท้ายเรื่องราวก็ไม่ได้เกิดอะไรขึ้น ผมก็วางใจแล้ว”