บทที่ 364 เพราะวิสัยทัศน์ในการหาแฟนของม่ามี้แย่มาก
เมื่อดาราดาวรุ่งเสิ่นเหมียน ประกาศต่อหน้าเหล่าแฟนคลับว่าต้องการหาแฟนให้กับม่ามี้ของตนเอง จึงถูกสื่อมวลชนและเหล่าแฟนคลับในงานอีกทั้งคนที่เดินผ่านไปผ่านมาถกเถียงและตีความกัน จนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต เรื่องนี้จึงกลายเป็นข่าวดังของวงการบันเทิงไปอีกหลายวัน
ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับบริษัทการบันเทิงทั่วไป และอยู่ในมือของผู้จัดการส่วนตัวธรรมดาๆ ก็อาจจะไม่ได้รับความสนใจจากมหามวลชนมากขนาดนี้ แต่อย่างที่รู้กันดีว่า บริษัทการบันเทิงเฟิงสิงและหยางอันหรานนั้นไม่ธรรมดา
ปัจจุบันนี้เฟิงสิงคือบริษัทการบันเทิงที่มีขนาดใหญ่และทรงพลังที่สุดในประเทศ ส่วนหยางอันหราน ถึงแม้จะยังสาว แต่กลับมีประสบการณ์ด้านการจัดการนักแสดงอย่างมากมาย เธอเคยผ่านดาราเด็กที่มีชื่อเสียงมาแล้วหลายต่อหลายคน เหมียนเหมียนไม่ใช่คนแรก
ดังนั้นสำหรับเรื่องที่แฟนคลับของเหมียนเหมียนน้อยได้เห็นเธอประกาศหาแฟนให้แม่ของตนเอง จึงถูกกลุ่มของบริษัทการบันเทิงเฟิงสิงจัดการต่อ ในช่วงเวลาสั้นๆภาพลักษณ์ที่ฉลาดหลักแหลมของเหมียนเหมียนน้อยเพิ่มขึ้นอีกมากมาย
ไม่เพียงแค่นั้น แม้แต่หัวข้อนี้ยังกลายเป็นรายการค้นหายอดนิยมไปอีกหลายวัน สถานการณ์นี้เป็นข่าวที่เฟิงสิงพอใจ มีเพียงคนเดียวที่กังวลในเป็นที่สุด นั้นคือเสิ่นอีเวย
ตอนนี้ไม่เพียงจะได้รับความสนใจจากแฟนคลับของเหมียนเหมียนน้อยที่อยู่ในเหตุการณ์ แม้แต่ความสนใจของตัวของเธอเองขึ้นสูงขึ้นมากเช่นกัน ก่อนหน้านี้เวลาเสิ่นอีเวยเข้างานหรือออกไปซื้อของข้างนอก อย่างน้อยที่สุดต้องใส่ผ้าปิดปาก หมวกและแว่นกันแดด
แต่ตอนนี้กลับไม่เหมือนเดิม ของสามชิ้นนั้น กลายเป็นสิ่งที่เสิ่นอีเวยต้องสวมใส่เมื่อออกจากบ้าน เพราะสิ่งนี้ เธอถึงจะไม่โดนผู้คนที่เดินข้างทางหรือแฟนคลับ จนแม้กระทั่งสื่อมวลชนเข้ามารบกวน
นอกจากนี้คะแนนความสวยเสิ่นอีเวยยังสูงมาก สี่ปีก่อนตอนอยู่ประเทศอังกฤษ ตัวเธอเองสามารถผ่อนคลายจิตใจได้อย่างเบิกบานเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นในความเป็นจริงเธอไม่จำเป็นต้องปฏิเสธเรื่องนี้เป็นพิเศษ ว่าเธอไม่ต้องการ เพียงแต่การเป็นที่สนใจอย่างสูงที่เกิดขึ้นโดยฉับพลัน
ในท้ายที่สุด เธอยังต้องการให้ตนเองมีชีวิตที่สงบสุข
ตอนนี้เธอรู้สึกชีวิตมืดมนไร้หนทาง เนื่องจากเหมียนเหมียนน้อยหยิบยกเรื่องที่ต้องการขอให้เพื่อนๆแนะนำผู้ชายให้กับเธอขึ้นมาในงานมีตแอนด์กรี๊ดของตนเอง อย่างน้อยแสดงให้เห็นว่าคือปัญหาอย่างหนึ่ง——
เหมียนเหมียนน้อยไม่ยอมลบบทบาทของ“พ่อ”ออกไปจากชีวิต
ถ้าไม่อย่างนั้น ตามที่คนตัวเล็กปรารถนาอย่างแรงกล้า เธอจะสามารถอดทนต่อบุคคลที่สามที่เข้ามาแทรกกลางระหว่างสองแม่ลูกได้อย่างไร
ดังนั้นสำหรับเรื่องนี้ ดังนั้นเมื่อถูกสัมภาษณ์จากสื่อมวลชน จึงถูกตามเกี่ยวกับเสปคของแฟนในอนาคต เธอก็สามารถตอบโดยไม่ต้องอ้อมค้อม อธิบายได้อย่างชัดเจน
อย่างไรเสีย ถ้ายึดตามสิ่งที่เหมียนเหมียนน้อยต้องการ พบเจอคนที่ตรงใจของพวกเธอสองแม่ลูก ก็คงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เสิ่นอีเวยรู้ดีว่า ความคิดที่แท้จริงของเหมียนเหมียนน้อยเป็นอย่างไร เพราะหลังจากงานงานมีตแอนด์กรี๊ดครั้งนั้น หยางอันหรานเคยถามเหมียนเหมียนน้อยต่อหน้าว่า ทำไมถึงอย่างหาแฟนให้ม่ามี้
ตอนนั้นคนตัวเล็กตอบว่า:“ เพราะวิสัยทัศน์ในการหาแฟนของม่ามี้แย่มาก!หนูทนไม่ไหวจริงๆ จึงต้องยื่นมือเข้ามาช่วย!”
เสิ่นอีเวย:“……”
หยางอันหรานกลับพูดไม่ออก เพราะหลังจากที่เธอได้ฟังประโยคนั้นของเหมียนเหมียนน้อยก็หลุดหัวเราะออกมาอย่างเต็มที จนแทบคุมตัวเองไม่อยู่
เสิ่นอีเวยพยายามระงับความคิดที่อยากจะพุ่งเข้าไปจัดการคนตัวเล็กตรงหน้า เธอแกล้งถามด้วยรอยยิ้ม :“วิสัยทัศน์ของม่ามี้ แย่ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”
เมื่อถามจบ เหมียนเหมียนน้อยจึงทำท่าทางอธิบาย:“ก็ครั้งที่แล้วไงคะ สวี่เส้าเหิงคนนั้น ไม่ใช่เพราะวิสัยทัศน์ของแม่แย่หรอกหรอ?”
เสิ่นอีเวยสาบานว่า เธอใช้ชีวิตมา 28 ปี แต่ไหนแต่ไรไม่เคยโดนเด็กอายุ 5 ขวบ พูดจาให้เธอรู้สึกอับอายเช่นนี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ เธอร้องไห้ไม่ออกจริงๆ …..
เสิ่นอีเวยจึงไม่พูดโต้ตอบเหมียนเหมียนน้อยเกี่ยวกับเรื่องของสวี่เส้าเหิง เพราะเรื่องนี้เธอรู้สึกสะอิดสะเอียนจนทิ้งไปหมดแล้ว
แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่เคยปฏิเสธปัญหาข้อนี้ นั้นคือตัวตนเดิมของเธอ ที่ชอบเก็บเรื่องทุกอย่างเอาไว้ในใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี หลังจากเวลาผ่านไปเนิ่นนาน ในใจของเธอก็ยิ่งหดหู่และทุกข์ทรมาน
ความทรงจำช่วงเหล่านั้นที่ไม่มีความสุข บ่อยครั้งในตอนกลางดึกที่เงียบสงัด มักจะปรากฏขึ้นมาในความคิดของเธอ ส่งผลให้เธอเศร้าโศกจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่
แต่สี่ปีที่ไปประเทศอังกฤษ เสิ่นอีเวยค่อยๆปล่อยวาง เธอเพิ่งจะค้นพบว่าเมื่อใช้ชีวิตโดยลำพังกับเหมียนเหมียนน้อย เรื่องราวและความทรงจำต่างๆที่ไม่มีความสุข ตราบใดที่คุณเลือกที่จะลืม ก็สามารถทำได้อย่างประสบความสำเร็จ
ดังนั้นสี่ปีในประเทศอังกฤษ เธอจึงพยายามแล้วพยายามอีกที่จะบังคับตนเองไม่ให้คิดถึงเซิ่งเจ๋อเฉิง ไม่คิดถึงเรื่องราวการใช้ชีวิตในเมืองนี้อยู่หลายปี
แต่มีอีกวิธีหนึ่ง นั้นคือต้องคิดว่าตนเองจะมีชีวิตที่ดี ไม่ว่าตนเองจะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ หรือตนเองจะต้องเจอกับเหตุการณ์อะไร เสิ่นอีเวยจะใช้ความคิดจัดการที่ละเรื่องๆออกไป
คนมักจะชอบทำให้ตนเองยุ่งจนไม่มีเวลา เพื่อทำให้เรื่องที่รบกวนจิตใจและความรู้สึกของตนเองให้โดนกำจัดทิ้งไป ตนเองจึงจะมีความอบอุ่นจากแสงสว่างที่ส่องเข้ามาในชีวิตมากกว่าเดิม
ดังนั้นตั้งแต่ต้นจนจบ เสิ่นอีเวยจึงเชื่อมั่นสิ่งนี้มาตลอด
ดังนั้นหลังจากเกิดเรื่องของสวี่เส้าเหิง ตอนนั้นเมื่อเสิ่นอีเวยรู้ว่าเหมียนเหมียนน้อยถูกลักพาตัวไปจึงโกรธอย่างมาก แต่เธอไม่เคยตำหนิใครอีกเลยหลังจากนั้น
เพราะเสิ่นอีเวยรู้อยู่แก่ใจว่า สวี่เส้าเหิงเป็นพวกเหลือเดนอย่างแท้จริง ผู้ชายเหลือเดนก็เป็นเพียงสิ่งไร้ค่าในชีวิตของตนเอง ในเมื่อทั้งสองต่างไม่มีวาสนาต่อกัน ไม่สามารถร่วมทางกันได้ จึงไม่จำเป็นต้องรำลึกความหลังอีก ยิ่งไม่จำเป็นต้องมองย้อนกลับไป
เรื่องราวที่ไม่สำคัญเหล่านั้น มนุษย์เราต้องมองหาสิ่งใหม่ให้กับชีวิตเสมอ ใช่หรือไม่?
อีกทั้งคนอย่างสวี่เส้าเหิง บนโลกใบนี้ก็มีคนที่สามารถเข้ากับเขาได้โดยปริยาย อย่างเช่นอวี๋มั่นมั่น เธอและเขาเข้ากันได้ดี
เป็นเพราะแบบนี้ เสิ่นอีเวยจึงสามารถทำให้ตนเองลืมเรื่องราวหลอกลวงของสวี่เส้าเหิงได้อย่างรวดเร็ว
และถ้าเหมียนเหมียนน้อยไม่อธิบายอย่างละเอียดอีกครั้ง เธอคงคิดว่าการที่เหมียนเหมียนน้อยพูดว่า“วิสัยทัศน์แย่”คงหมายถึงเรื่องที่ตนเองแต่งงานกับเซิ่งเจ๋อเฉิง
แต่คิดดูอีกที เหมียนเหมียนน้อยเพิ่งจะอายุ 5 ขวบ ก็ดันถูกตนเองพากลับมาจากประเทศอังกฤษ ถึงแม้หลังจากกลับมาจะพบหน้าเซิ่งเจ๋อเฉิงเพียงสองครั้ง และเหมียนเหมียนน้อยก็มีความฉลาดพอ
แต่เสิ่นอีเวยยังคงไม่เชื่อว่า คนตัวเล็กจะสามารถสังเกตเห็นได้ว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงคือพ่อที่แท้จริงของเธอ
ดังนั้นเมื่อเสิ่นอีเวยคิดได้เช่นนี้ เธอจึงค่อยวางใจ