แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 377 เรียกชื่อของฉัน
ภายใต้การทรมานตามใจฉันของเซิ่งเจ๋อเฉิง สุดท้ายแล้วเสิ่นอีเวยก็ได้แต่ยอมแพ้ไป
พอฟังเสียงโอดร้องของเสิ่นอีเวย เซิ่งเจ๋อเฉิงก็รู้สึกว่าวิธีนี้ใช้ได้ผลเลยทีเดียว เขาก็เลยเอาสายตาออกไปจากเสิ่นอีเวย แต่มือก็ยังถูลูบไล้อยู่เช่นนั้น
เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงที่สะใจและเสียดสีว่า “ตอนนี้รู้จักเจ็บแล้วหรือ ? แล้วเมื่อสักครู่ไปทำอะไรล่ะ ? ”
ในท้องของเสิ่นอีเวยก็รู้สึกมีไฟร้อนอยู่ข้างใน ดังนั้นตอนแรกอยากจะพูดออกมาว่า “ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ” แต่พอคำพูดจะออกมาแต่ก็กลับกลืนลงไป ก็ยังใช้คำนั้นอยู่ว่า กับคนมีอำนาจแล้วไม่ก้มหัวคงไม่ได้
รอเธอออกจากรถก่อน เธอก็จะเอาสิ่งที่ถูกเอาเปรียบนี้คืนไปให้หมด
เสิ่นอีเวยในใจก็โกรธเต็มทน เลยใช้แรงที่มีทั้งหมดในการเพื่อที่จะหลบการกระทำของเซิ่งเจ๋อเฉิง แต่ทั้งร่างกายก็เหมือนถูกสกัดไว้หมดแล้ว
ผู้ชายคนนี้ก็ได้หายใจรดไปยังปลายจมูกของเส่นอีเวย ขณะนั้นใบหน้าของเธอนั้นก็เต็มไปด้วยความกลัว
“เสิ่นอีเวย คุณมองตาผม” เซิ่งเจ๋อเฉิงพูด
เสิ่นอีเวยในใจมีความโกรธอยู่ ดังนั้นก็เลยไม่ได้คิดที่จะมองหน้าของเขา แม้กระทั่งไม่เหลือบตาไปมอง
นี่เหมือนกับรถใหม่ของเซิ่งเจ๋อเฉิงน่าจะขับได้ไม่นานเท่าไหร่ เพราะว่ายังได้กลิ่นของเบาะหนังและกลิ่นรถใหม่
เป็นเพราะการดีไซน์ของรถ ดังนั้นเลยทำให้ช่องว่างนั้นจะว่าเล็กก็ไม่เล็ก แต่ถ้าจะพูดว่ากว้าง เสิ่นอีเวยก็ไม่รู้สึกถึง แต่ลมหายใจของผู้ชายคนนี้รู้สึกมีความรุนแรงเหลือเกิน
เกือบจะทำให้เธอนั้นรู้สึกหายใจไม่ออก ร่างกายก็อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เสิ่นอีเวยก็เหมือนกับถูกกดทับเอาไว้ ถูกกดทับไว้จนมือของเธอนั้นจับแน่นอยู่บนชายเสื้อของเธอ
ตอนที่เสิ่นอีเวยกำลังคิดอยู่ว่าจะออกจากตรงนี้อย่างไร หรืออาจจะให้หยางอันหรานออกมาช่วย ร่างกายของเธอนั้นก็พิงอยู่บนเบาะรถ แต่ทันใดนั้นก็ต้องปล่อยความคิดนี้ไป
ร่างกายของเธอไม่อาจจะรับความเจ็บปวดนี้ได้ก็เลยร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
“อาาาาา” เสิ่นอีเวยมีสีหน้าซีดขาว เหมือนสติหายไปหากคนอื่นมาดูแล้วช่างน่าสงสารยิ่งนัก เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ได้มองผู้หญิงคนนี้อย่างชัดเจน และไม่รู้สึกผิดอะไร กลับเหมือนมองเห็นสิ่งที่ตัวเองนั้นไม่เคยเห็นมาก่อน
เช่น การคาดเดาด้วยความไม่พอใจ ไม่อาจจะเชื่อถือได้ จนกระทั่งสายตาแห่งความเกลียด
ทำให้เขารู้สึกถึงความไม่พอใจ ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยได้รับการอบรมสั่งสอนแน่นอน
เซิ่งเจ๋อเฉิงมีการกระทำที่รวดเร็ว เสิ่นอีเวยก็ไม่อาจจะตามทันได้เลย ทั้งเรือนร่างนั้นก็ถูกกดไว้เช่นนั้น
เหมือนกับความทรงจำที่เคยโดยแบบนี้ไม่มีผิด
สองคนนี้ใกล้กันมาก เสิ่นอีเวยรู้สึกอยากจะร้องไห้
ใครบอกว่าความทรงจำนี้ไม่มีความรู้สึกล่ะ ? เรื่องราวก็ผ่านไปนานแล้ว แต่ทุกครั้งที่สัมผัสความทรงจำแบบนั้น ก็เหมือนกับการโดนกัดกินจนถึงส่วนลึกของหัวใจเธอ
ความจริงแล้วได้ผ่านเรื่องราววันที่ไม่มีความสุขนั้นแล้ว เสิ่นอีเวยก็ไม่ได้กลับไปคิดมันอีกเลย หลังจากสี่ปีที่เลิกรากับเซิ่งเจ๋อเฉิงไป เธอก็เปลี่ยนกลายเป็นคนละคนไป ซึ่งคิดว่าเรื่องราวมันจะต้องดีกว่าที่ผ่านมาไม่มากก็น้อย
แต่ตอนนี้ นับประสาอะไรล่ะ ? หลังจากที่ใกล้ชิดกับเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่กี่วินาที เธอได้ดมน้ำเสียงจากผู้ชายคนนี้ ทำให้ทั้งคนนั้นกลับสู่ห้วงแห่ง “ความทรงจำ” เรียบร้อยแล้ว
เสียงของผู้ชายนั้นก็ได้พูดออกมาอยากสุขุมและทำร้ายว่า “ไม่ใช่ขาดผู้ชายไม่ใช่หรือ ? งั้นผมมาเติมเต็มความต้องการของคุณ”
หลังจากนั้นจูบก็ได้จูบลงบนปากของเสิ่นอีเวยอยากหนักแน่น จนเกือบจะขาดใจตาย
พอถึงเวลานี้ทีว่าเพราอะไร? เพราะไร เสิ่นอีเวยก็ไม่อยากจะไปต่อสู้อะไร เพราะว่าเธอนั้นเข้าใจชัดเจนที่สุดว่า ขัดขืนไปก็เสียเปล่า เพราะเหตุผลนี้เธอก็เลยเข้าใจมานานแล้ว
เธอก็เลยไม่พูดอะไรมากมายและยอมเซิ่งเจ๋อเฉิงอย่างจริงใจ แล้วก็มองไปยังกระจกด้านหน้าที่ว่างเปล่า เสิ่นอีเวยก็ไม่ได้ทำอะไร และก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร
เธอก็เพียงแต่รอโอกาสที่ปากของเซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นห่างจากเธอแล้วพูดขึ้นว่า “เซิ่งเจ๋อเฉิง หรือว่าคุณไม่มีจิตสำนึกเลยหรือ ? ”
ความจริงแล้วเธอรู้ว่าหากเป็นการต่อต้านในเรื่องความรู้สึกแล้ว เซิ่งเจ๋อเฉิงก็จะมีความโกรธมากยิ่งขึ้น แต่เธอก็ยังไม่อาจจะบังคับอารมณ์ตัวเองได้เลย
เซิ่งเจ๋อเฉิงก็เริ่มมีสายตาที่โมโห แล้วก็ไม่ได้ตอบอะไรเธอ แล้วก็ได้ก้มหัวไปกัดคอของเสิ่นอีเวย แต่ก็ค่อย ๆ เลื้อยลงมาถึงจี้สร้อย เสิ่นอีเวยก็มีร่างกายที่ค่อนข้างผอม ดังนั้นก็เลยทำให้เธอนั้นรู้สึกเจ็บมากมาย
“เป็นสุนัขหรือ ? ”เส่นอีเวยพูดออกไป
เธอไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเพราะอะไร ? เพราะอะไรประธานที่สูงส่งเช่นนี้ มาอยู่ต่อหน้าเธอแล้วกลับกลายเป็นเช่นนี้
ฟ้ารู้ ฟ้าเป็นพยาน ว่าเธอนั้อยากจะเลาะสมองของเขาออกมาแล้วทิ้งไปซะ ดูว่าข้างในนั้นใส่อะไรไว้ ?
เธอไม่ใช่หนีออกไปสี่ปีแล้วไม่ใช่หรือ ? ทำไมต้องกลับมามุมเดิม ๆ เช่นนี้ ให้เธอกลับไปสู่ตอนที่ก่อนจะถูกปลดปล่อยออกมา ? ไม่ เธอไม่อยากจะไปเป็นเช่นนั้นอีกแล้ว
เสิ่นอีเวยก็คิดแบบนี้ มือเท้าก็เลยเริ่มขัดขืน แต่เธอเริ่มรู้สึกว่าเสื้อผ้าของเธอนั้นเริ่มถูกเปิดออกมาทีละน้อย
กระโปรงก็ค่อย ๆ ถูกดันขึ้นมา ถึงตรงที่ขาข้างบนพอดี แล้วอากาศในรถก็มีความเย็นมาก เสิ่นอีเวยก็รู้สึกว่ามีความเย็นปกคลุมอยู่ แต่ในสมองของเธอนั้นก็มีความสับสนไปหมด แต่หน้าผากก็ยังมีไอร้อนอยู่
หรือว่า สภาพตัวเองตอนนี้ ถูกผู้ชายคนนี้ข่มขู่ไว้แล้ว ? เสิ่นอีเวย คุณนี่แย่เสียจริงแล้วล่ะ
เสิ่นอีเวยก็มองเซิ่งเจ๋อเฉิงอย่าเกลียด แต่เขาก็ไม่ได้ไปสนใจอะไร แล้วก็ยังจูบลูบไล้อยู่เช่นนั้น ทำให้เสิ่นอีเวยรู้สึกมีเสียงดังไปทั่วสมอง
ปากของผู้ชายก็ยังทำการกระทำนั้นอยู่ แล้วก็ขึ้นไปยังข้าง ๆ หูของเธอแล้วพูดว่า “เรียกชื่อของฉัน”
เสิ่นอีเวยเดิมทีคิดว่าฟังผิดแล้ว ก็เลยเงียบไปสองวินาที หลังจากนั้นฝ่ายตรงข้ามก็ได้กัดไปยังปากของเขา แล้วถึงรู้สึกตัว่าเขานั้นพูดอะไร
แต่เธอก็ไม่อยากจะฟังพวกนี้ คิดแล้วคิด แล้วก็พูดออกมาว่า “เดรัจฉาน”
การเรียกเช่นนี้ ทำให้เซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง เลยทำโทษเธอแรง ๆ ไปหนึ่งที่
เสิ่นอีเวยรู้สึกเจ็บจนไม่พูดอะไรออกมาเลย