บทที่ 380 มีใบสั่งสินค้าล๊อตใหญ่เข้ามา
สายตาล่าเหยื่อที่เปล่งประกายของเขา เสิ่นอีเวยได้ยินสิ่งที่เขาเอ่ยออกมา: “มันแน่นอนอยู่แล้ว ทางที่ดีที่สุดคือเธอเอาเวลาคอยคิดถึงฉันแต่กลับจิกกัดฉันตลอด ฉันจะให้เธอร้องขอให้ยอมแพ้อย่างราบคาบ ”
เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดด้วยความโมโห แต่เสิ่นอีเวยที่ฟังเขาพูดจนจบถึงกับตกใจจนอ้าปากค้างตาเบิกโต
ในตอนนี้เองเธอถึงเข้าใจว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้มีเสน่ห์ตั้งแต่เด็กจนถึงในตอนนี้ เหตุผลที่คอยดึงดูดความสนใจของคนอื่นได้ง่ายอีก ทั้งหมดมันมาจากมาเชื่อมั่นในตัวเอง สิ่งที่เขาอยากได้เขาต้องได้มันมา หากเป็นเรื่องที่เขาต้องทำให้สำเร็จเขาต้องทำมันให้สำเร็จตามเป้าหมายให้ได้
ข้อนี้ตั้งแต่เสิ่นอีเวยได้รู้จักเขามามันเหมือนอะไรที่เขาเชื่อมั่นและไม่เปลี่ยนเป้าหมายไปแต่อย่างใดเลย
จากนั้น เสิ่นอีเวยก็จำไม่ได้ว่าวันนั้นแยกตัวออกมาจากเซิ่งเจ๋อเฉิงตอนไหน เธอจำได้แค่เขาขับรถมาส่งที่บ้าน ตลอดทางเขาแทบไม่ได้ระเบิดอารมณ์ใส่เธอเลย ทั้งคู่ต่างเงียบสนิทตลอดทาง
คืนวันนั้น เสิ่นอีเวยเอาแต่คิดคำพูดของเซิ่งเจ๋อเฉิงที่พูดกับหล่อนคิดทั้งคืนจนดึกดื่นค่อนคืนก็ยังนอนไม่หลับ
วันนี้ เสิ่นอีเวยไม่ต้องไปทำงานเพราะต้องไปที่ศูนย์กลางการประเมินคุณภาพเครื่องประดับ
ศูนย์กลางการประเมินคุณภาพเครื่องประดับเป็นการประเมินคุณภาพและคุณค่าของเครื่องประดับที่มีมาตรฐานที่ดีที่สุดอีกแห่งหนึ่ง เสิ่นอีเวยทำงานอยู่ที่นี่เกือบค่อนวันแค่เสร็จงานครึ่งเดียวจากการประเมินคุณค่าเครื่องประดับ
ศูนย์กลางการประเมินเครื่องประดับระยะทางไม่ได้ไกลมากนัก ในช่วงพักกลางวัน เสิ่นอีเวยรีบบึ่งกลับห้องทำงานของตัวเองเพื่อกลับมาเอาสิ่งของบางอย่าง
เสิ่นอีเวยกำลังย่างเท้าเข้าประตูห้องทำงานของตัวเองแต่กลับโดนเจ้าของบริษัทเรียกตัวเธอเข้าห้องทำงานเขาไปซะก่อน
เธอค่อยๆผลักประตูเข้าไป: “Alex มีธุระอะไรหรือคะ?”
Alex เป็นเจ้าของบริษัทการออกแบบเครื่องประดับบริษัทนี้ เขาเป็นลูกครึ่งจีนอเมริกา ที่อเมริกาก็มีบริษัทเป็นของตัวเองถือได้ว่าเป็นวัยรุ่นที่มากความสามารถจริงๆ
“เมื่อวานนี้ทางบริษัทของเราได้รับใบสั่งสินค้าที่ค่อนข้างเยอะทีเดียว” Alexพูดตรงๆไม่อ้อมค้อม
เสิ่นอีเวยถามกลับทันที: “ใบสั่งสินค้าอะไรเยอะขนาดนั้น?”
“บริษัทเครื่องประดับAuteเคยได้ยินชื่อนี้ไหม? ทางเราต้องการที่จะทำข้อตกลงในการร่วมมือการทำธุรกิจ เมื่อวานพวกเขาก็ให้คนมาที่นี่แล้ว ทางนู้นแจ้งว่าคราวหน้าหากมีเคสการตรวจสอบเครื่องประดับทั้งหมดก็จะต้องมาตรวจสอบที่นี่”
เสิ่นอีเวยถึงกับตกใจจนตาค้าง สีหน้าแสดงออกว่าไม่เชื่อ: “นี่พูดเล่นหรือพูดจริงเนี่ย Alex? Alexคุณไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย? บริษัทยักษ์ใหญ่แถมโด่งดังอย่าง Aute บริษัทเขาใหญ่กว่าเรามาก แถมวิทยาการด้านการตรวจสองของพวกเขาในประเทศเขาจัดอยู่ในอันดับแถวหน้าไม่หนึ่งก็อันดับสอง ในความเป็นจริงพวกเขาไม่จำเป็นต้องส่งเคสการตรวจสอบเครื่องประดับมาให้ทางบริษัทเราด้วยซ้ำ! ”
Alex ถึงกับเอามาลูบคลำหนวดเคราดกดำของตัวเองบริเวณคางแล้วเอ่ยตอบ: “เอาจริงฉันก็แปลกใจอยู่ บริษัทของเรากับบริษัทAute ก็ไม่ได้ทำธุรกิจไปในทิศทางเดียวกัน เพราะงั้นถือว่าไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้กันอยู่ดี ทางบริษัทนั้นไม่จำเป็นต้องมาสร้างกับดักให้พวกเราตกหลุมด้วยซ้ำไป อีกอย่างเจ้าของบริษัทดูท่าทีแล้วก็ไม่ใช่คนที่ชอบหาเรื่องหักหลังคนอื่น”
“ที่เรียกคุณมา นอกจากแจ้งเรื่องนี้แล้ว ผมยังอยากขอคำแนะนำจากคุณด้วยว่า คุณรู้สึกว่าเราต้องรับใบสั่งสินค้านี่ไหม? เดี๋ยวฉันขอพูดแนวคิดของฉันก่อนนะ ไม่ว่าความร่วมมือระหว่างบริษัทเรากับบริษัทเครื่องประดับAute เป้าหมายที่แท้จริงของทางนู้นคืออะไรก็ตามพอ ถึงเวลาเซ็นสัญญาลงในกระดาษจวบจนเวลาที่มีปัญหาจริงๆ ทางนู้นต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบ ”
เสิ่นอีเวยทำงานตำแหน่งผู้อำนวยการการออกแบบเครื่องประดับของบริษัทนี้ การทำงานต่างๆของเธอ Alex ต่างรู้ดีมาตลอด เพราะฉะนั้นบางครั้งที่เขาตัดสินใจไม่ได้เขาจะเรียกเสิ่นอีเวยมาพูดคุยเสมอ
เสิ่นอีเวยใช้มือดึงคางเบาๆเพื่อครุ่นคิดอยู่สักครูหนึ่งถึงได้ตอบเขากลับมา: “ฉันคิดว่าที่คุณพูดก็มีเหตุผลอยู่นะ งั้นรับไว้เถอะค่ะ!”
Alex ได้แต่ยิ้มหน้าบานเพราะเขารู้สึกดีที่เสิ่นอีเวยคอยสนับสนุนความคิดของตัวเขา
ทว่ากลับมีจุดหักเหความดีใจทันที เสิ่นอีเวยเกิดคำถามอยู่ในใจแล้วถามเขา : “เจ้านายคะ เมื่อครู่คุณพูดว่าเจ้าของบริษัทAuteท่าทางดูดี แล้วไม่ใช่คนที่จะมาหักหลังคนเล่นแบบนั้นใช่ไหม หรือว่าคุณรู้จักเขามาก่อนใช่ไหมคะ?”
Alexยิ้มอย่างชื่นมื่นแล้วตอบคำถามเธอ: “ที่จริงก็ไม่เคยรู้จักจักกันมาก่อน ทางเราไม่เคยทำธุรกิจร่วมกับทางนั้นมาก่อนเลย ชื่อเสียงของเจ้าของบริษัทเซิ่งซื่อในวงการธุรกิจนั้นเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากอีกทั้งยังลงหนังสือพิมพ์อยู่บ่อยครั้ง หากการทำงานของเขามันแย่ขนาดนั้นละก็เขาคงไม่พัฒนาจนบริษัทเซิ่งซื่อใหญ่ได้ขนาดนี้หรอก—- ”
Alexพอพูดถึงเรื่องนี้ได้ก็ทำเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้เลยพูดแทรกเพิ่มเติมเข้าไปอีก: “แถมบริษัทAute เจ้าของที่ยังหนุ่มของบริษัทเซิ่งซื่อเพิ่งเปิดบริษัทได้สองปีเอง การที่ออกแบบเครื่องประดับแถมใช้เวลาแค่สองปีในการทำธุรกิจได้ดีขนาดนี้ เขาเชิญนักออกแบบจากต่างประเทศเข้ามาออกแบบตั้งมากหน้าหลายตา อีกทั้งผลตอบแทนก็ค่อนข้างสูงทีเดียว อีกอย่างความสามารถในการจัดการบริหารงานและทัศนคติด้านความสัมพันธ์ต่างๆก็แยกจากกันไม่ได้เลย”
Alex พูดจบ เสิ่นอีเวยถึงกับตกใจจนตาเบิกโต เจ้าของที่ยังหนุ่มของบริษัทเซิ่งซื่อหรอ? เธอรู้สึกเหมือนว่าตัวเองคงฟังอะไรผิดไป
เสิ่นอีเวยแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเลยถามกลับอย่างระมัดระวัง: “ที่คุณพูดเมื่อครู่ว่าบริษัทเซื่งซื่อ ไม่ทราบว่า…เจ้าของที่ยังหนุ่มที่คุณพูดถึงเขาชื่ออะไรคะ?”
“เซิ่งเจ๋อเฉิง” Alex พูดโพล่งชื่อออกมาอย่างปกติธรรมดา
เสิ่นอีเวยถึงกับอ้าปากค้าง ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อดี
ตอนนี้จะอยู่ในสถานการณ์ไหนดีเนี่ย? ตัวเองเพิ่งจะแยกจากผู้ชายคนนั้นไม่ถึงอาทิตย์ด้วยซ้ำ แถมตอนนี้ก็ต้องมารับใบสั่งสินค้าอีกหรอ?
อีกอย่าง เธอสังสัยจริงๆว่าเขาสนใจในการออกแบบเครื่องประดับตอนไหนกันนะ? เมื่อก่อนไม่เห็นสนใจอะไรเลยสักอย่างแถมสองปีผ่านไปมาเปิดบริษัทใหม่ซะงั้น
บนโลกใบนี้คงไม่มีเรื่องบังเอิญขนาดนี้มั้ง? บังเอิญไปไหมเนี่ย เสิ่นอีเวยแทบไม่อยากคิดเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับ “พรหมลิขิต” คำนี้มาอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้เลย ตอนนี้เธอแค่มุ่งมั่นอยู่เรื่องเดียวก็คือพฤติกรรมของผู้ชายคนนั้นต้องมีความหมายที่ลึกล้ำอยู่เสมอ
Alex เห็นท่าทางเสิ่นอีเวยผิดปกติไปจากเดิมเลยถามเธอกลับ: “ผู้อำนวยการเสิ่นคุณโอเคไหม? ไม่สบายหรือเปล่า?”
การที่ถูกเขาเรียก เสิ่นอีเวยถึงได้ดึงสติกลับมาได้: “ไม่มีอะไรค่ะ ฉันไม่เป็นไร….”
มีแค่สวรรค์เท่านั้นแหละที่รู้ว่าในใจของเธอมันวุ่นวายไปถึงระดับไหนแล้ว…
หลังจากคุยงานกับAlex เสร็จ เสิ่นอีเวยก็รีบออกจากห้องทำงานของเธอแล้วตรงแน่วไปยังศูนย์กลางการตรวจสอบทันทีพร้อมกับทำงานตลอดช่วงบ่ายเพื่อให้เสร็จงานของการตรวจสอบงานในวันนี้ทุกอย่าง
ตอนที่เธอออกมาจากศูนย์ตรวจสอบนั่นเวลาก็ปาเข้าไปทุ่มครึ่งเข้าไปแล้ว เสิ่นอีเวยไม่ได้กลับไปที่บริษัทในทันที หลายวันมานี้เหมียนเหมียนมีถ่ายโฆษณาค่อนข้างเยอะ เพราะฉะนั้นเลยพักอยู่ที่บริษัทถ่ายละครนั้นหลายวัน เสิ่นอีเวยถึงเบาใจลงไปเยอะยังดีที่มีหยางอันหรานคอยดูแลอีกคน
เธอหาร้านอาหารกินข้าวสักพักหลังกินเสร็จค่อยตรงกลับบ้าน
เวลาสามทุ่มรถของเสิ่นอีเวยจอดอยู่หน้าประตูวิลลาตระกูลเซิ่ง ท้องฟ้าสีดำสนิทกลับมีพระจันทร์สว่างไสวประดับตกแต่งอย่างงดงามวิจิตร ด้านข้างก็มีดวงดาวสว่างไสวระยิบระยิบอยู่ไปทั่ว ช่างคล้ายคลึงการออกแบบเครื่องประดับที่ส่องแสงแพรวพราวของเธอยิ่งนัก
พอคิดถึงเรื่องเครื่องประดับขึ้นมา เสิ่นอีเวยก็พาลคิดถึงเรื่องวันนี้ที่Alexพูดถึงเรื่องนั้นขึ้นมาด้วย จนทำให้เธอเงียบไปสักพัก