บทที่ 394 คืนนี้ฉันจะนอนที่นี่กับเธอ
เสิ่นอีเวยที่โมโหจัดทำได้แค่กัดฟันกรอดเอาไว้แทนเพราะเธอแทบไม่คิดเลยว่าผู้ชายคนนี้จะใช้คำพูดที่เธอใช้คุยกับเขามาพูดล้อเธอ สรุปว่าในตอนนี้เขาอารมณ์ไหนกันแน่?
ดูท่าท่ามีความสุขเอาซะจริงหรือว่าเขาคิดว่าตัวเธอกำลังชื่นชมเขาอยู่งั้นหรอ?
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นในใจของเสิ่นอีเวยทั้งหมด อีกทั้งเพื่อหลบเลี่ยงความโกรธที่จะคอยไปกระตุกความบ้าระห่ำของเซิ่งเจ๋อเฉิงขึ้นมาอีก
เสิ่นอีเวยพยายามข่มใจของตัวเองเอาไว้ไม่ให้เซิ่งเจ๋อเฉิงรับรู้ความรู้สึกขึ้นมาได้ ทำได้แต่แสร้งยิ้มหวานหยดย้อยแล้วเอ่ยขึ้น : “ถือว่าฉันขอร้องได้ไหมคะ?”
เซิ่งเจ๋อเฉิงฟังแล้วถึงกับทำตาใสขึ้นมาทันที แวบเดียวเขาก็เขยิบให้ชิดบริเวณขอบหัวเตียงบุนุ่มๆแล้วเอ่ยอย่างช้าๆ :“ได้ก็ได้อยู่นะ แต่ว่าเธอรู้หรือป่าว? การขอร้องนั้นมันต้องมีความจริงใจเข้ามาด้วย”
เมื่อเขาพูดจบ เสิ่นอีเวยถึงกับตะลึงไปสักพักแล้วเอ่ยถามเขาอย่างระแวดระวัง :“คุณหมายความว่ายังไง?”
มุมปากเขากระดกขึ้น น้ำเสียงก็ปรับดูสบายลงเยอะ:“นี่เป็นหลักการในการทำธุรกิจ เธอต้องการให้ฉันอยู่ในห้องต่อและให้ออกไปจากที่นี่ งั้นอำนาจทั้งหมดตกมาอยู่ที่ฉัน พูดให้เข้าใจคือ ตอนนี้เธอต้องฟังฉันเท่านั้น”
เสิ่นอีเวยถึงกับไม่พอใจและไม่ได้รู้สึกดีใจเลย แต่เธอก็ไม่มีวิธีอื่น เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดถูก อำนาจในตอนนี้ตกไปอยู่ในมือเขาทั้งหมด
อีกทั้งเซิ่งเจ๋อเฉิงเป็นคนที่มีพละกำลังมาก หากว่าเดี๋ยวอีกสักเขาเกิดแข็งข้อขึ้นมาอีก เธอแทบไม่มั่นใจเลยว่าตัวเอาจะรอดจากมือเขาเป็นครั้งที่สองไหม เพราะงั้นลองดูสักครั้ง
หลังจากคิดเรื่องนี้เสร็จสิ้นแล้ว ความหนักใจที่มีมาตั้งแต่แรกค่อนผ่อนคลายลงมาเยอะทีเดียว เธอเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาใสซื่อ และเอ่ยถามเขาอย่างไม่กดดันไม่รีบร้อน: “งั้นคุณต้องการให้ฉันทำอะไร?”
เธอรู้สึกว่าเสียใจที่พูดประโยคนี้ออกไป เพราะเธอรู้ดีว่าเดี๋ยวเซิ่งเจ๋อเฉิงต้องหาวิธีมาจัดการความคิดของเธอ เพราะว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นปีศาจ
“จูบฉัน” เซิ่งเจ๋อเฉิงเอ่ยขึ้นมา
อะไรนะ? เสิ่นอีเวยรู้สึกเหมือนว่าฟังอะไรผิดไปหรือป่าว สักพักเธอเข้าใจความหมายเลยเบิกตาโตมองตาของแทน
ยากมากที่เซิ่งเจ๋อเฉิงทนยอมพูดกับเธอเป็นครั้งที่สอง: “จูบฉัน”
เสิ่นอีเวยถึงกับหน้าแดงแปร๊ด ในใจมันเต็มไม่ด้วยการไม่ยินยอมทำ แต่ก็ไม่อยากเสียหน้า แต่ว่า… เธอไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว เธอพยายามกัดฟันทนต่อไปแล้วเขย่งเท้าให้สูงขึ้นเพื่อจูบเขาแบบขอไปที
การจูบรีบเร่งของเธอทำได้แค่ประกบกับมุมปากเท่านั้น
“โอเคแล้วนะ?” เสิ่นอีเวยอยากจะให้เสร็จไวๆเพื่อเป็นการปลอบใจเขาแล้วเธอจะได้รีบไปอาบน้ำให้เหมียนเหมียนต่อ อีกอย่าง ด้วยนิสัยและความเคยชินของเหมียนเหมียนอีกสักหนึ่งนาทีถ้าเธอยังไม่ไปหา เดี่ยวก็เรียกเธอลั่นบ้าน
“แบบนี้ใช่ไหม?” เธอพูดแบบปกติธรรมดาไม่ได้โกรธอะไรเลย
สายตาของเขาดูงุนงง : “เสิ่นอีเวยเธอทำอะไรมั่วๆเนี่ย? นี่คือการจูบของเธอหรอ?”
“คุณต้องการให้ฉันทำอะไรอีก?” เสิ่นอีเวยถึงกับทนไม่ไหว
เซิ่งเจ๋อเฉิงลุกจากหัวเตียงที่บุนวมขึ้น ท่อนบนเขาเขยิบมาใกล้เธอแล้วยื่นมือมาจับใต้คางหล่อนเอาไว้ แล้วค่อยๆเอ่ยออกมาทีละคำ:“ปกติฉันจูบเธอยังไง ตอนนี้เธอก็ต้องจูบฉันแบบนั้น”
เสิ่นอีเวยเห็นเขาเอ่ยออกมาอย่างเป็นทางการแบบนี้ หล่อนรู้ดีว่าในตอนนี้ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ล้อเธอเล่น
พูดความจริงเลย เธอไม่อยากเป็นคนเริ่มจูบเขาก่อน
ความคิดที่อยู่ในสมองกำลังวิ่งปรู๊ดปร๊าด เพราะเธอกำลังหาวิธีที่ดีที่สุดเพื่อจะได้หลุดพ้นไปสักที ทว่าเธอยังคิดไม่ออกเลยด้วยซ้ำ เสียงเหมียนเหมียนก็ดังขึ้นมาจากด้านนอกห้อง
“หม่ามี๋ ทำไมยังไม่มาอีกคะ!”
เสิ่นอีเวยถึงกับอึ้งอยู่สักพักจากนั้นก็หันมองเซิ่งเจ๋อเฉิง ด้านเซิ่งเจ๋อเฉิงก็กลับไปอยู่ในโหมดท่าทางขี้เกียจอีกตามเคย สายตาที่มองมาที่เธอนั้นกับเป็นสายตาดีใจที่เธอกำลังตกระกําลําบาก
เสิ่นอีเวยโมโหสุดๆทำได้แต่กำมือไว้แน่น ได้ คืนนี้ถือว่าฉันล้ำเส้นละกัน!หล่อนสัญญากับตัวเองว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกครั้ง!
เสิ่นอีเวยเตรียมใจและให้กำลังใจตัวเองในการขยับเข้าใกล้เขา เธอค่อยๆทำหวาดระแวง เพราะ——
เพราะเธอไม่เคยจูบผู้ชายที่อยู่ตรงหน้ามาก่อนเลยสักครั้ง
ยามเมื่อริมฝีปากเธอสัมผัสกับริมฝีปากเขา มันมีความรู้สึกอบอุ่นแถมมียังมีความร้อนพาดผ่าน เธอถึงกับใจเต้นจนหน้าแดงระเรื่อ
แทบปฏิเสธไม่ได้เลย ยามเมื่อเธอประทับริมฝีปากกับเขาในเวลานั้น ในสมองกับมีเสียง “ดึ๋ง” ขึ้นมา อาการที่พยายามปฏิเสธความรู้สึกที่มีมาก่อนหน้านี้กลับมลายหายไปเกินครึ่ง ความรู้สึกที่น่าหลงใหลจนเธอยืนมือออกไปจับใบหน้าเขาไว้เพื่อจูบให้ถนัด
ในความเป็นจริงแล้ว เสิ่นอีเวยก็จูบไม่ได้ดีเท่าไหร่เมื่อเอาไปเปรียบเทียบกับเซิ่งเจ๋อเฉิงแล้ว ทว่าในครั้งนี้เซิ่งเจ๋อเฉิงถึงกับหลงใหลหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเข้าให้แล้ว ร่างกายและอารมณ์ของเขาเริ่มปั่นป่วนขึ้นมาทันที
ในยามนั้น เซิ่งเจ๋อเฉิงเตรียมตวัดเอวเสิ่นอีเวยเข้าใกล้ ทว่ากลับมีเสียงแหลมปรี๊ดดังขึ้นมาแทน
“หม่ามี๊! กำลังเล่นซ่อนแอบอยู่หรอ ? ถ้าไม่ออกมาเดี๋ยวหนูจะออกไปหาหม่ามี๊แล้วนะ!” เป็นเสียงของเหมียนเหมียน
เสิ่นอีเวยได้ยินเสียงเหมียนเหมียนถึงกับเริ่มปฏิเสธและผลักเซิ่งเจ๋อเฉิงออกทันที
ส่วนเซิ่งเจ๋อเฉิงที่กำลังเพลินอยู่ถูกเสิ่นอีเวยผลักออกอย่างแรง อารมณ์และสีหน้าถึงกับไม่สู้ดีเท่าไหร่: “เธอทำอะไร? หรือว่านี่เสร็จแล้วหรอ?”
การถูกถามคำถามและเสียงเร่งรีบของเหมียนเหมียนที่ดังอยู่ด้านนนอกนั้น เสิ่นอีเวยรีบร้อนเหมือนกำลังถูกไฟแผดเผา ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตที่อยู่ในสถานการณ์ยากแก่การตัดสินใจ
หล่อนพนมมือขึ้นมาไว้ที่หน้าอก สายตาที่สื่อออกมาจากดวงตามีแต่ความจริงใจ:“ฉันต้องไปอาบน้ำให้เหมียนเหมียน ไม่งั้นเดี่ยวลูกจะวิ่งพรวดมาหาฉัน… ฉันพูดเรื่องจริงนะ”
เดิมเซิ่งเจ๋อเฉิงอยากจะปฏิเสธเสิ่นอีเวย แต่เขาดูอากัปกิริยาของเสิ่นอีเวยแล้ว ในหัวกลับมีวิธีการใหม่ขึ้นมาแทน เขาเอ่ยขึ้น:“หากเธอไปตอนนี้จริงๆ เธอต้องตกลงเงื่อนไขกับฉันมาหนึ่งข้อ”
เสิ่นอีเวยตาเบิกโตมองเขา :“คุณเรียกร้องข้อเสนออะไรอีกล่ะ?”
เซิ่งเจ๋อเฉิงตอบอย่างปกติ: “ก่อนที่ฉันจะอธิบายให้เธอฟัง ฉันขอพูดหน่อยละกัน นี่ไม่ใช่ข้อเสนออะไร แต่มันคือเงื่อนไข เธอต้องตอบตกลงไม่งั้น ไม่ต้องมาพูดกันอีก เธอก็ออกไปไม่ได้”
การที่ถูกคนขู่…มันช่างยอมรับไม่ได้จริงๆ! เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าตัวเองเตรียมตัวเตรียมใจไว้เป็นอย่างดีแล้วเลยตอบออกมาอย่างทันควัน
“ได้ คุณพูดมา” เสิ่นอีเวยตอบอย่างประนีประนอม
“คืนนี้ฉันจะนอนที่บ้านเธอ” เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดอย่างสบายอกสบายใจ แถมทำท่าทางราวกับรู้ว่ายังไงเสิ่นอีเวยก็ตอบตกลงเขาแน่
ไม่ต่างไปจากที่คิดไว้เลย เขาทายถูก
“ได้ ฉันตกลง ตอนนี้ฉันไปได้หรือยัง?” เสิ่นอีเวยถามกลับด้วยน้ำเสียงโมโหมาก
ส่วนเซิ่งเจ๋อเฉิงได้แต่ทำท่าทีไม่สนใจกับความโกรธของเธอเลยสักนิด เขาเงื้อมือชี้ไปที่ประตูแถมน้ำเสียงเอ่ยขึ้นมาเบาๆอย่างพอใจเอามาก :“เชิญครับคุณผู้หญิง”
มาทำตัวเป็นสุภาพบุรุษบ้าบออะไรเนี่ย! เสิ่นอีเวยด่าเขาอยู่ในใจแล้วรีบออกจากห้องนอนอย่างรวดเร็ว