สามีเก่าอ้อนรัก – ตอนที่ 415

ตอนที่ 415

บทที่ 415 ยังมีเวลา ผมไม่รีบ

หลังจากเซิ่งเจ๋อเฉิงพูดประโยคนั้นจบ เขายิ้มให้เสิ่นอีเวยหนึ่งที และเดินตรงไปยังทางเข้า VIP ทันที ปล่อยให้เสิ่นอีเวยยืนแข็งเป็นหินอยู่ตรงนั้นคนเดียว

ไอ้คนบ้า นายพูดอะไรของนาย!?เจ๊คัพ C ย่ะ คัพ C เข้าใจไหมห๊ะ!?เสิ่นอีเวยบ่นด้วยความโมโห ถ้าหากตอนนี้ไม่ได้อยู่ในสนามบินที่มีคนพลุกพล่านแบบนี้ เธอคงจะพุ่งเข้าใส่ผู้ชายปากเสียคนนั้นไปแล้ว

อารมณ์เสียจริงๆ บ้าบอที่สุด!

“ผู้อำนวยการเสิ่น เป็นอะไรไปคะ?” ทันใดนั้น เสียงของผู้หญิงด้านหลังดังขึ้นมา

เสิ่นอีเวยหันกลับไปมอง ปรากฏว่าเป็นเหยียนเวยเด็กฝึกงานให้แผนกออกแบบของตนเอง เธอจึงรีบอธิบายอย่างยิ้มแย้ม:“เปล่าจ๊ะ ไม่มีอะไร พอดีฉันร้อนเกินไป เลยรู้สึกอบอ้าว!”

ใบหน้าของสาวน้อยเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ตอนนี้หัวหน้าของตนเองมีท่าทางค่อนข้างน่ากลัว ดังนั้นจึงไม่กล้าถามต่อ

สายตาของเสิ่นอีเวยมองตามหลังของเซิ่งเจ๋อเฉิงที่กำลังเดินไปยังทางเข้า VIP ในใจของเธอรู้สึกสับสนวุ่นวาย ทำไมผู้ชายคนนี้ยังคงสร้างภาพลวงตาให้กับตนเอง?ระยะห่างของทางเข้า VIP และแถวที่เธอยืนห่างกันไม่ถึงสิบเมตร แต่กลับเหมือนช่องกว้างที่เธอไม่มีทางก้าวผ่านมันไปได้

หากต้องการปรับความเข้าใจกับฉันจริงๆ งั้นก็มาเถอะ คำตอบบางอย่าง บางทีอาจจะสามารถลองให้เวลาในการตัดสินใจ

แผ่นหลังของเซิ่งเจ๋อเฉิงหายไปจากสายตา เสิ่นอีเวยจึงละสายตาตนเองกลับมา ขยับขึ้นไปด้านหน้าเพื่อตรวจสัมภาระกับสมาชิกในแถวของตนเอง

เดิมทีคิดว่าหลังจากขึ้นเครื่องบินแล้ว คงจะรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาหน่อย เพราะเสิ่นอีเวยรู้จักนิสัยของเซิ่งเจ๋อเฉิงอย่างหนึ่ง นั้นคือไม่ว่าจะบินไปที่ไหน เขามักจะนั่งชั้นหนึ่ง ส่วนตั๋วของพวกเธอ คือชั้นประหยัด อย่างน้อย ก่อนจะไปเหยียบประเทศไทย เวลาไม่กี่ชั่วโมงบนเครื่องบินเธอจะได้ผ่อนคลายกับความเงียบสงบ

แต่เมื่อเสิ่นอีเวยถือกระเป๋าใบเล็กยืนอยู่ด้านข้างที่นั่งทางเดินของตนเอง มองเห็นที่นั่งของเซิ่งเจ๋อเฉิงที่อยู่ถัดจากตนเอง ในที่สุดเธอจึงพบว่า ตนเองยังคงประมาทผู้ชายคนนี้มากไปจริงๆ

เขาสามารถมีเวลาจัดการเพื่อตนเอง ผู้ชายคนนี้จัดฉากให้พนักงานทั้งสองบริษัทไปเที่ยวประเทศไทยด้วยกัน ยังมีเรื่องอะไรที่เขาทำไม่ได้บ้างไหม?

เธอลืมไปว่า ถึงแม้เซิ่งเจ๋อเฉิงจะชอบนั่งเครื่องบินชั้นหนึ่ง แต่เขาไม่ใช่เจ้าชายผู้สูงส่งที่ติดการใช้ชีวิตอย่างหรูหราจนนิสัยเสีย ดังนั้นการลดตัวเองลงมานั่งในชั้นประหยัด ก็เป็นสิ่งที่ผู้ชายคนนี้สามารถทำได้

แต่ในเมื่อเป็นแบบนี้ เสิ่นอีเวยควรจะดีใจหรือเสียใจดี

เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ บังคับอารมณ์ตนเองให้สงบอย่างจนปัญญา เธออ่านนิตยสารในมืออย่างไม่สนใจ แต่กลับโดนเซิ่งเจ๋อเฉิงจ้องมองจนรู้สึกได้

เสิ่นอีเวยหันไปด้านหลังทันที เธอพูดกับเหยียนเวยที่นั่งอยู่แถวหลังตนเองว่า:“น้องเหยียน รบกวนช่วยฉันสักหน่อย สลับที่นั่งกับฉันได้ไหม?”

เหยียนเวยไม่รู้ว่าคนที่นั่งด้านข้างเสิ่นอีเวยคือเซิ่งเจ๋อเฉิง ดังนั้นจึงพยักหน้าตกลง แต่เมื่อยืนขึ้นมา กลับสบตากับเซิ่งเจ๋อเฉิงที่หันมาจากแถวหน้าทันที

ที่จริงสายตาของเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้แยแส แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เหยียนเวยตัวสั่นอย่างช่วยไม่ได้ เธอพูดอย่างอึกอักว่า:“ผะ……ผู้อำนวยการเสิ่น ฉันนั่งตรงนี้ก็ดีอยู่แล้วค่ะ ถ้าจะมะ…..ไม่สลับที่ได้ไหมคะ?”

เสิ่นอีเวยขมวดคิ้วเบาๆ หันกลับไปมองเซิ่งเจ๋อเฉิง จึงรู้ทันทีว่าสายตาของผู้ชายคนนี้ทำให้เหยียนเวยกลัวจนถึงกับต้องปฏิเสธ

ดูเหมือนว่าตนเองจะต้องหาคนที่ไม่ยอมจำนนต่อ“การฆ่าคนด้วยสายตา”ของเซิ่งเจ๋อเฉิง เสิ่นอีเวยกวาดสายตามองในหมู่เพื่อนร่วมงานที่อยู่ในแถวใกล้ที่นั่งของตนเอง ในที่สุดสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่บอส Alex

เสิ่นอีเวยตรงเข้าไปด้านข้าง Alex และพูดว่า:“บอสคะ ฉันอยากสลับที่กับคุณ คุณจะได้นั่งคุยเรื่องงานกับประธานเซิ่ง ตกลงไหมคะ?”

Alex วางหนังสือพิมพ์ในมือที่ปิดหน้าไว้ และพูดอย่างจริงจังว่า:“ครั้งนี้ทุกคนออกมาเที่ยวกัน ดังนั้นไม่มีใครอยากพูดถึงหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับงาน อีกอย่าง——”

Alex พูดถึงตรงนี้ เขาหันไปมองด้านข้างแวบหนึ่ง และพูดว่า:“ผมนั่งตรงนี้ค่อนข้างใกล้กับทางออกฉุกเฉิน หากจำเป็นต้องออกไปข้างนอก ความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญที่สุด ใครอยากจะสลับกับคุณก็สลับไปเถอะ แต่ผมไม่สลับ คุณไปเถอะอีเวย”

สีหน้าของเสิ่นอีเวยเริ่มเปลี่ยน:“……”

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อสักครู่ที่ Alex พูดประโยคนั้นออกมาว่า“คุณไปเถอะอีเวย”เธอฟังแล้วมีความรู้สึกว่า“อีเวยยอมรับชะตาชีวิตเถอะ”

ได้ ดูเหมือนต้องยอมรับชะตาชีวิตแบบนี้ เสิ่นอีเวยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มองดูบอสตนเองเอาหนังสือพิมพ์ปิดใบหน้าของเขาด้วยความโกรธเคือง จากนั้นจึงหันหลังเดินกลับไปที่นั่งของตนเอง

เสิ่นอีเวยนั่งลงในที่นั่งของตนเอง เสียงพูดด้วยความย่ามใจของเซิ่งเจ๋อเฉิงดังเข้ามาในหู:“ คุณเสิ่น ช่างบังเอิญจริงๆ”

เสิ่นอีเวยไม่สนใจเขา ใส่ผ้าปิดตาเตรียมนอน เซิ่งเจ๋อเฉิงชำเลืองมองเธอแวบหนึ่งและถามโดยไม่สนใจว่าเธอกำลังจะนอนหลับ:“คุณเคยไปประเทศไทยไหม?”

“ไม่เคย ฉันไม่สนใจกะเทย”เสิ่นอีเวยตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ไม่รู้ว่าเธอฟังผิดไหม ดูเหมือนเซิ่งเจ๋อเฉิงจะหัวเราะออกมาเบาๆ:“คุณยังโกรธสิ่งที่ผมเพิ่งจะพูดออกไปอยู่หรอ?”

น้ำเสียงของเซิ่งเจ๋อเฉิงมีความง้องอน ทำให้เสิ่นอีเวยรู้สึกเหมือนพระเอกหยอกล้อหญิงสาวในนวนิยายโรแมนติก เธอไม่ชินที่เซิ่งเจ๋อเฉิงใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับตนเอง จึงขยับตัวหนีอย่างช่วยไม่ได้

“คุณกลับไปนั่งที่ของคุณได้ไหม?”เสิ่นอีเวยส่งเสียงเตือน

เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่โกรธที่เธอทำตัวห่างเหิน เพียงชำเลืองมองเห็นว่าตนเองนั่งกินที่เสิ่นอีเวยมาเกือบครึ่งตัว เขามองเข้าไปในตาของเสิ่นอีเวย และพูดออกมาอย่างสบายๆด้วยคำว่า:“ยังมีเวลา ผมไม่รีบ”

มองเห็นเซิ่งเจ๋อเฉิงมีท่าทางร่าเริง เสิ่นอีเวยเริ่มรู้สึกทนไม่ไหวจริงๆ จึงยกมือกดปุ่มขอความช่วยเหลือ แอร์โฮสเตสหน้าตาสวยรีบเดินเข้ามา ถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า :“สวัสดีค่ะ มิทราบว่ามีอะไรให้ดิฉันช่วยไหมคะ?”

เสิ่นอีเวยพยายามบังคับน้ำเสียงให้มีความปกติมากที่สุด:“สวัสดีค่ะ ฉันอยากเปลี่ยนที่นั่ง ช่วยฉันได้ไหมคะ?”

ไม่มีใครยอมสลับที่กับฉัน ฉันสามารถเรียกแอร์โฮสเตสได้ใช่ไหม?เธอถามในใจ

เสียงของแอร์โฮสเตสมีความอ่อนหวาน ความอ่อนหวานสามารถทำให้คนหายโกรธภายในพริบตา:“ต้องขอประทานโทษค่ะ เนื่องจากเครื่องบินกำลังจะบินขึ้น ดังนั้นตอนนี้จึงไม่สามารถเปลี่ยนที่นั่งได้ ต้องขอโทษด้วยจริงๆค่ะ”

เสิ่นอีเวยไม่ใช่คนที่ต้องการทำให้คนอื่นลำบากเพียงเพราะความต้องการของตนเอง โดยเฉพาะแอร์โฮสเตสที่เป็นพนักงานในอุตสาหกรรมการบริการ ดังนั้นจึงไม่เรียกร้องอะไรอีก

แต่หลังจากนั่งลงเรียบร้อย เสิ่นอีเวยรู้สึกเพียงความอึดอัดที่เก็บไว้ในอกของตนเอง ไม่สามารถระบายออกทางไหนได้

ผ่านไปไม่นาน เครื่องบินได้บินขึ้นเรียบร้อบ เสิ่นอีเวยใส่ผ้าปิดตา ตนเองรู้สึกว่าไม่ได้แย่อะไรมาก แค่ทรมานอีกไม่กี่ชั่วโมง เธอจึงตัดสินใจข่มตานอนหลับ

แต่ทว่าสิ่งที่เสิ่นอีเวยไม่รู้ก็คือ เธอหลับเป็นตายไปหลายชั่วโมง ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ร่างกายของเธอซบลงในอ้อมกอดของเซิ่งเจ๋อเฉิง

เมื่อเธอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา จึงพบว่าหน้าผากของตนเอง แนบชิดอยู่กับแก้มด้านขวาของเซิ่งเจ๋อเฉิง

สามีเก่าอ้อนรัก

สามีเก่าอ้อนรัก

Status: Ongoing

เสิ่นอีเวยได้แต่งงานกับเชิงเจ๋อเฉิงแล้วแต่เธอรู้ดีว่าที่เขาแต่งงานกับ เธอไม่ใช่เพราะรัก แต่เป็นเพราะอยากจะทรมานเธอ มันจะทรมาน แล้วยังไง เธอรักเขา ตั้งแต่เด็กก็รักเขามาจนถึงตอนนี้ แต่เขาไม่รู้ ชีวิตคู่แต่งงานสองปีเธอทุกข์ทรมานมาก เธอตายใจแล้วและเสนอ หย่าร้างกับเขา ไปจากชีวิตเขาไกลๆ แต่เขากลับเปิดโหมดรักเมีย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท