ตอนที่ 56 กลุ่มคนไร้สมอง2
เป้หมิงโม่เหลือบมองเธอครู่หนึ่ง ปากเขาพ่นควัน ออกมาเบาๆ และถามอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่ไหนมา”
ดวงตากู้ฮอนเศร้า เธอหมุนตัวกลับ เปลี่ยนรองเท้า พร้อมกับตอบกลับไป “กลับบ้านมาค่ะ ไปหาแม่”
ที่จริงแล้ว วันนี้เรื่องที่พ่อมาหาอย่างกะทันหัน ทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยล้า
ในสายตาของพ่อแล้ว นอกจากเธอจะพอมี ประโยชน์อยู่บ้าง ก็ไม่มีอย่างอื่นแล้ว และถ้าระหว่าง เธอกับกู้อันขี พ่อจะให้เธอเป็นคนเสียสละก่อน เสมอ..
เธอไม่ได้รู้สึกเสียใจแล้ว ถึงยังไงมันก็ผ่านมา หลายปีแล้ว
แค่เพียงทำไม ในใจก็ยังรู้สึกหดหู่อยู่ดี
“กินหรือยัง” เธอพยายามยิ้มให้เขา “ไม่งั้นฉันไป ต้มมาม่านะ…..”
เธอเพิ่งจะพูดจบ
ทันใดร่างของเขาก็หันกลับมา เขาหักบุหรี่ในที่ เขี่ยบุหรี่
จากนั้น เสียงหนาราวกับเสียงเชลโล่ก็ดังออกมา และยังคงเย็นชาเหมือนเดิม–
“ไม่ต้อง ฉันจะพาไปกินข้าวนอกบ้าน”
บาร์Zeus.
กู้ฮอนนึกไม่ถึงว่าเปย์หมิงโม่จะพาเธอมาทานข้าว เย็นที่บาร์เหล้า
จริงๆแล้วเธอคิดว่ามาที่นี่คงจะได้กินของไม่ได้กิน ของอร่อยเท่ากับที่บ้าน
เธอทำหน้ามุ่ย เธอทำอะไรเขาไม่ได้อยู่แล้ว ต้อง ทำตามคำสั่งเขาทุกอย่าง สุดท้ายเธอก็ก้าวเข้ามาใน บาร์ด้วยความคับแค้นใจ
บาร์ตกแต่งสวย และคนเยอะมาก
ไม่เหมือนโกล์วไนท์คลับที่เธอไปเมื่อครั้งก่อนคือ ที่นี่ไม่มีสาวนั่งดริ้ง และไม่มีผู้หญิงขายบริการ ส่วน ใหญ่จะเป็นหนุ่มสาวจากหลายระดับ มีทั้งมาดื่มเพื่อ กระชับมิตรภาพ มีทั้งดื่มให้ลืมความทุกข์
อ้าว ยินดีต้อนรับคุณชายเป่ยหมิง เป็นเกียรติกับ ร้านเล็กๆของเราจริงๆครับ” คนที่พูดเป็นคนหน้าตาดี เป็นชายหนุ่มที่แต่งตัวอย่างมีสไตล์ ป่ายมู่ซี ลูกชาย ของบริษัทตระกูลป่าย และเป็นเจ้าของบาร์ Zeus.
เหมือนกับชูสองของชูหยุนเฟิง ป่ายมู่ซี ก็เป็น ลูกชายคนที่สองของบริษัทตระกูลป่าย รวมเป่หมิงโม่ เข้าไป ทั้งสามคนนี้เป็นเหมือนกลุ่มคนไร้สมอง
เป้หมิงโม่ที่ให้ตายยังไงก็ไม่ยอมนั่งวีลแชร์เข้าบาร์ จึงให้กู้ฮอนมาเป็นไม้เท้าของเขาแทน แขนขา เนื้อหนัง ที่สัมผัสกัน ทำให้กู้ฮอนหน้าแดงและหัวใจเต้นแรง….
ป่ายมู่ซี มองกู้ฮอนที่อยู่ในแขนของเป่หมิงโม่ เขา มีสีหน้าประหลาดใจแวบหนึ่ง
ใบหน้าเย็นชา เป็นหมิงโม่เหลือบมองป่ายมู่ซี ด้วย สายตาเย็นชา แล้วพูดว่า ” เอาอาหารที่กินแล้วอิ่มมาให้ เธอที่หนึ่ง ฉันเอาเหมือนเดิม”
จากนั้น โอบไหล่ของกู้ฮอนแน่น แล้วเดินไป ห้องVIP
ป่ายมู่ซี ถูกเป็หมิงสองเมินใส่จนชินแล้ว เขามอง บนแล้วเดินตามเขาไปอย่างเงียบๆ “เป่หมิงสอง เพิ่ง จะเกิดอุบัติเหตุ ไม่กี่วันก็พาผู้หญิงมาดื่มเหล้าแล้ว ไม่ กลัวพี่สะใภ้โกรธเอาหรือ”
คำว่า พี่สะใภ้
ทำให้ฝีเท้าของเป็หมิงโม่หยุดชะงัก ทำให้หัวใจกู้ฮอนสั่นเล็กน้อย
” ไม่พูดก็ไม่มีใครว่าเป็นใบ้หรอกนะ” เป่หมิงโม่ทำ เสียงโกธ โอบกู้ฮอนแล้วเดินต่อไป
พวกเขาเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว
ไม่นาน พนักงานก็นำสเต๊กพริกไทยดำมาเสิร์ฟให้ กู้ฮอน
ดวงตาของกู้ฮอนจ้องสเต๊กในจานตรงหน้า เหลือบมองไปที่เป้หมิงโม่ที่นั่งดื่มอยู่ตรงบาร์คนเดียว ทันใดก็รู้สึกหน่วงๆที่หัวใจ
ป่ายมู่ซี ถือแก้วเหล้าแล้วมานั่งบนโซฟา เขานั่ง เบียดกู้ฮอนที่นั่งอยู่ข้างๆ สายตามองไปที่เป็หมิงโม่ซึ่ง นั่งอยู่ไม่ไกล เขายิ้มมุมปากกับกู้ฮอน “คนสวย เพิ่งเคย เจอเธอเป็นครั้งแรก เป็นอะไรกับเป่ยหมิงสองหรือ”
กู้ฮอนเงยหน้ามองป่ายมู่ซี จากนั้นก็ก้มหน้าลง แล้วนั่นเนื้อสเต๊กเข้าปากอย่างไม่สนใจ แล้วเธอก็จิบ ไวน์แดงที่อยู่ข้างๆ อึม สเต๊กและไวน์….เป็นรสชาติที่ เยี่ยมจริงๆ
เธอเคี้ยวสเต๊กอย่างช้าๆเสร็จ เธอถึงตอบอย่างขอ
ไปที่ว่า “เลขา”
“ว้าว” ป่ายมู่ซี ดวงตาเป็นประกาย “หรือเธอจะเป็น เลขาคนสวยคนนั้นที่ชูสองพูดถึง”
คำว่า”ฮอนฮอน”ที่ป่ายมู่ซี พูด ดึงดูดสายตาเย็นชา เป่หมิงโม่
“อืม” กู้ฮอนยักคิ้วตอบง่ายๆ จากนั้นก็เคี้ยวสเต๊ก
ต่อ
“จๆ ได้ฟังที่เขาเล่าไม่เท่าได้เห็นเองจริงๆ ฮอนฮอนเธอเจ๋งจริงๆ ….”ป่ายมู่ซี มองกู้ฮอนอย่างแฝง ความหมาย “มิน่าล่ะ เป็นเพราะเธอเป่หมิงสองเลยไม่ สนใจพี่สะใภ้ .”
“ป่ายมู่ชี”
เป็หมิงโม่ตะโกนขัดป่ายมู่ซี เสียงดัง
เสียงเย็นดังแทรกมากลางอากาศอยากจะเอาลูก ธนูยิงใส่ปากของป่ายมู่ซี
กู้ฮอนรู้สึกเหมือนมีเชือกเส้นหนึ่งกระชากหัวใจ ของเธออย่างแรง แล้วความเจ็บปวดแพร่กระจายเข้าสู่ หัวใจ
เธอนั่นเนื้อสเต๊กเข้าปาก จิบไวน์แดง เคี้ยวแล้ว กลืนลงไปในท้อง
เหมือนว่าการกินจะช่วยให้อารมณ์ของเธอดีขึ้น จากนั้น เธอหยิบไวน์แดงขึ้นมาจิบอีกครั้ง เหล้าเย็นๆที่ไหลผ่านลำคอของ เข้าไปในร่างกาย
ของเธอ..
อึม รู้สึกสบายจริงๆ
เธอหัวเราะอย่างพึงพอใจ “ฮาฮา เป็หมิงสองของ พวกนาย ไม่ได้ไม่ต้องการเป้ยใต้เอ๋อเพราะฉันหรอก
นะ…”
ป่ายมู่ซี เลิกคิ้วขึ้น รอยยิ้มชั่วร้ายผุดขึ้นที่มุมปาก “อ๋อ เป้หมิงสองเจ้าคนนั้นใช้เธอเพื่อกำจัดเป่ยใต้เอ๋อ หรือ โถๆ ไม่มีความเป็นมนุษย์เลย เป้หมิงสองทำไม นายถึงกล้าตัดใจเอาผู้หญิงสวยน่ารักอย่างฮอนฮอน ไปเป็นเป้าของคนอื่นอย่างนี้นะ”
พูดจบ ป่ายมู่ซี มองเหมิงโม่อย่างมีความหมาย กู้ฮอนไม่เข้าใจคำพูดที่แฝงความหมายของป่ายมู่ ซี กินนี้นะ”
พูดจบ ป่ายมู่ซี มองเป่หมิงโม่อย่างมีความหมาย กู้ฮอนไม่เข้าใจคำพูดที่แฝงความหมายของป่ายมู่
ซี กินสเต๊กอีกคำหนึ่งพร้อมกับจิบไวน์แดงดึงอีกๆ เธอจิบไวน์ พลางพยักหน้าเห็นด้วยกับป่ายซี อย่างรีบร้อน เธอพูดอย่างไม่ค่อยชัดเจน “ใช่แล้ว ไม่มี
ความเป็นมนุษย์เลย….
กู้ฮอนพูดไปด้วย และดื่มไวน์แดงอีกใหญ่ไปด้วย
ป่ายมู่ซี มองใบหน้าของกู้ฮอนที่แดงระเรื่อขึ้น เรื่อยๆ หัวเราะแบบคนที่ไม่คิดอะไรมาก
ขนตางอนเริ่มกะพริบด้วยความพร่ามัว ดวงตาสีดำ สดใส ดวงตาที่ใสแจ๋วเหมือนน้ำ เริ่มมองเห็นไม่ชัด
ไม่รู้ว่าทำไม เขามองเธอแค่ไม่กี่วินาที