ตอนที่ 80 เสียงร้องอันสมบูรณ์แบบ2
ป่ายมู่ซี ปราดตามองไปยังเป้หมิงโม่ที่กำลังดื่มเหล้า พลันมุมปากยิ้มยกขึ้น “เชอะ นายไม่ได้ยินที่เป่หมิงสอง พูดเมื่อกี้เหรอ ว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่นายแตะได้?”
“เป่ยหมิงสองบอกว่าห้ามแตะแล้วฉันก็แตะไม่ได้หรือ ไง? ฉันไม่สนใจหรอก” ซูหยุนเฟิงส่งเสียงไม่พอใจออกมา ดึงกู้ฮอนเข้าสู่อ้อมกอด “ฮอนฮอน ไปเถอะ วันนี้กลับไป กับฉันนะ….”
กู้ฮอนตกตะลึง เงยหน้ามองไปยังใบหน้าชั่วร้ายของชู หยุนเฟิง โพล่งออกไป “คุณจะแต่งฉันเข้าบ้านหรือไง?”
“หือ?” ชูหยุนเฟิงมึนงง
ป่ายมู่ซี ตะลึงไปชั่ววินาที จากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะ ออกมา “ฮ่า ๆ ๆ..”
นิ้วมือของเป้หมิงโม่ประคองแก้วเหล้า เหลือบสายตา มองอย่างไม่พอใจมาทางชูหยุนเฟิง แต่ยังคงไม่พูดอะไร
กู้ฮอนกลับพูดออกไปอย่างจริงจัง เธอไม่ได้คิดอยาก แต่งเข้าบ้านชูหยุนเฟิงหรอก แค่อยากใช้วิธีนี้ ทำให้ชูหยุ นเฟิงยอมเลิกราไปเสียทีเท่านั้น
เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่สามารถไปเที่ยวเล่นกับผู้ชายที่ไหน
ก็ได้สักหน่อย
ผู้ชายอย่างพวกเขา น่าจะกลัวที่ต้องแต่งงานกับผู้ หญิงที่ไหนก็ได้ใช่ไหมล่ะ?
เมอยางนั้นเป่ยหมิงโม่คงไม่พยายามทุกวิถีทางเพื่อกำ จัดเป่ยใต้เอ่อหรอก
แอนโทนี่ร้องเพลงจบพอดี
เขาที่ร้องเพลงเสียจนฉ่ำปอด หันร่างมา พอเหลือบ สายตาเห็นกู้ฮอนเท่านั้น แววตาก็สดใสขึ้นมาทันที รีบย้ายกันมานั่งตรงกลางระหว่างกู้ฮอนกับชูหยุนเฟิงอ
ย่างฉับพลัน
ซูหยุนเฟิงร้องโวยวาย “เป้หมิงสาม รู้จักไหม ใครมา ก่อนได้ก่อน!”
แอนโทนี่กลับไม่ใส่ใจ ชูหยุนเฟิงมองตรงยังกู้ฮอนแล้ว หยีตายยิ้ม “ฮอนไม่นึกว่าพี่สองจะพาเธอมาร้องเพลงที่ คาราโอเกะด้วย ดูท่าเธอคงมีเสน่ห์ไม่เบา”
เขาพูดพลางขยิบตามองไปทางเป่หมิงโม่
แต่กลับได้รับสายตาเย็นชาจากเป้หมิงโม่เสียแทน
กู้ฮอนเม้มปากอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “นั่นสินะ ซวยไม่ น้อยเลย”
“ฮอนเธอนี่ตลกจริง ๆ ฮ่า ๆ ๆ…”แอนโทนี่หัวเราะร่า ขึ้นมาทันควัน
เป็หมิงโม่เหลือบมองทั้งสามที่นั่งกันอยู่บนโซฟา ล้อม รอบกู้ฮอนที่เป็นผู้หญิงอยู่เพียงคนเดียว หัวร่อต่อกระซิก กันอย่างสนุกสนาน
พลันขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
ผู้หญิงคนนี้มีอะไรที่ดึงดูดผู้คนได้กันนะ ถึงกับทำให้ คุณชายชูสอง คุณชายป่ายสองและเหมิงสามเข้ามา ตามเกาะติดได้?
“หัวเราะอยู่ได้ มีอะไรน่าขำ!” ซูหยุนเฟิงเบะปากอย่าง
ไม่พอใจไปทางแอนโทนี่ แล้วดึงตัวกู้ฮอนกลับมา “ฮอนฮอน ไปเถอะ เราไปกินเหล้าร้องเพลงกัน!” จากนั้นคุณชายชูสองก็ดึงตัวกู้ฮอนขึ้นไปยังเวทีร้อง
เพลง
แล้วยังยื่นแก้วไวน์หอมกรุ่นมายังเธอ “ฮอนฮอน อยาก ร้องเพลงอะไร เดี๋ยวฉันเลือกให้
กู้ฮอนรับแก้วมา พอริมฝีปากแตะยังของเหลวเย็น เยียบ ก็กลืนลงคอไปโดยไม่คิด
แอลกอฮอล์แล่นเข้าสู่ร่างกายเธอราวกับโศกเศร้า -ติดตรึงเนิ่นนาน….
“ขออีกแก้วค่ะ” เธอร้องขอเพิ่มอีกแก้วจากชูหยุนเฟิง เป็นครั้งแรก
ชูหยุนเฟิงยิ้มกว้าง รินให้เธอเต็มแก้วอีกครั้ง “ฮะ ๆ ฮอนฮอน ไวน์นี้รสชาติดีใช่ไหมล่ะ? จะบอกให้ ว่าฉันเก็บ ซ่อนเอาไว้ตั้งหลายปี….
กู้ฮอนพยักหน้าระรัว แล้วดื่มจนหมดแก้วอีกครั้ง ปราดตามองยังหน้าจอยักษ์ใหญ่ เธอยิ้มที่มุมปาก “หยุ
นเฟิง เลือกเพลง แสงจันทร์ขาว’ เถอะ”
“แสงจันทร์ขาว?” ชูหยุนเฟิงลังเลชั่วขณะ เพลงนี้เขาวอง เมเด แต่กัพยักหน้าโดยไม่เถียงสักคำ “ไม่มีปัญหา!” จากนั้น ทำนองนุ่มนวลของเพลง ‘แสงจันทร์ขาว” ก็ดัง ขึ้นมา…
กู้ฮอนจับไมค์ ร้องเสียงแผ่วเบาตามเนื้อเพลงที่ขึ้นมา บนหน้าจอ- “แสงจันทร์ขาว ที่อยู่ในใจฉัน; ส่องสว่าง ทว่าเยียบเย็น
เราทุกคนต่างมีความโศกเศร้า อยากเก็บซ่อน ทว่ายิ่ง
ปิดบังก็ยิ่งเผยชัด…”
“น้ำตาที่อยู่ในความทรงจำ ไม่เคยแห้งเหือด….” เสียงร้องอันเยียบเย็น ท่วงทำนองอันโศกเศร้า เปล่ง
ออกมาจากคอของเธอ..
ทั้งสะเทือนอารมณ์
สะอื้นไห้
เธอร้องจนถึงท่อนสุดท้าย แล้วอดยกแก้วเหล้าขึ้นจ่อ ริมฝีปากอีกแก้วไม่ได้
“คุณคือความเจ็บปวดที่ไม่อาจอธิบาย แม้อยากลืม แต่ก็ไม่อาจหวนคิดถึงได้ ดิ้นรนทุกข์ทรมานราวถูกขับ
ไล่…
“แสงจันทร์ขาว ที่อยู่ในใจฉัน; ส่องสว่าง ทว่าเยียบเย็น เราทุกคนต่างมีความโศกเศร้า อยากเก็บซ่อน ทว่ายิ่ง ปิดบังก็ยิ่งเผยชัด….”
ในที่สุด เพลงก็จบลง
ทน เดนนทั้งห้องต่างเงียบงันไร้เสียงใด ๆ
ราวกับมีเพียงแค่เธอร้องเพลงโศกอยู่เพียงลำพัง ไม่อาจปฏิเสธว่า ทุกคนที่อยู่ตรงนั้น เมื่อได้ยินเพลงที่ เธอร้องจบลง ต่างตกตะลึงไปตาม ๆ กัน!
ใครจะไปคิดว่า กู้ฮอนกลับร้องเพลงได้ไพเราะจน ทำให้คนต่างตกอกตกใจกันขนาดนี้
หลังจากวินาทีอันเงียบเหง ในที่สุดก็มีเสียงหนึ่งดัง ทะลุขึ้นมา
“ฮอนฮอน ใครคือแสงจันทร์ขาวของเธอเหรอ?”
ใครคือแสงจันทร์ขาวของเธอ?
กู้ฮอนมือสั่นเทา เลื่อนสายตาจากหน้าจอมองไปยังชู หยุนเฟิง….
“หา ฮอนฮอน .เธอร้องไห้เหรอ?”
เธอชะงัก
รีบยกมือขึ้นปาดแก้ม แล้วก็พบว่าใบหน้าของเธอ เปียกชื้น
เมื่อเธอร้องเพลง “แสงจันทร์ขาว” นี้ ทำให้น้ำตาอาบไป ทั่วทั้งใบหน้า
เธอหัวเราะส่ายหน้า ลนลานหลบสายตา: “เพลงนี้มัน สะเทือนใจน่ะ….”
ดวงตาดำขลับของเป่ยหมิงโม่ที่นั่งอยู่ริมเวที ฉายแวว ตกตะลึง ขณะที่มองคราบน้ำตาบนใบหน้าของกู้ฮอน เขารู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างจุกอยู่ที่อก
บางที เขาเองก็คงเหมือนกับชูหยุนเฟิง ที่อยากถามว่า ใครคือแสงจันทร์ขาวในใจเธอ? ที่ทำให้เธอร้องจนสะเทือนใจ น้ำตาพรั่งพรูแบบนี้ ?
“เยี่ยม! ร้องได้ดีมาก!” แอนโทนี่นั่งไม่ติดที่ ตบมือ ตะโกนร้องขึ้นมา “ฮอนเธออยากไปเป็นนักร้องไหม ฉันจะ แนะนำให้เต็มที่เลย….”
กู้ฮอนเช็ดน้ำตา ใจสั่นไม่เป็นจังหวะ เธอเผลอลืมตัวต่อหน้าผู้คนไม่น้อย
อาจเป็นเพราะคืนนี้ได้พบกับซุนจุนฮาว อาจเป็น เพราะคำพูดที่เขาบอกว่า “ยี่เฟิงกลับมาแล้ว ” จึงฉุดความ ทรงจำนับไม่ถ้วนของเธอขึ้นมา….
ช่วงเวลาที่เติบโตมาในบ้านตระกูลกู้ ได้รับแรงกดดัน มหาศาลจากภายในบ้าน ทั้งยังถูกกำชับจากแม่ว่าห้ามต่อ ต้านขัดขืน
จึงเฝ้าทนอย่างนั้นตลอดมา อดทนจนถึงที่สุด
ในความเงียบงัน ความอดทนแปรเปลี่ยนเป็นความเจ็บ
ปวด…
การปรากฏตัวของยี่เฟิงนั้นราวกับแสงสีขาวจากดวง จันทร์อันอบอุ่มที่ส่องสว่างลงมายังช่วงวัยเยาว์อันหม่นเทา ของเธอ
แต่เมื่อมองย้อนกลับไป กลับกลายเป็นว่าแสงจันทร์ นั้นได้เลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว…
Won-