ตอนที่ 141 ตัดขาดสัมพันธ์แห่งทศวรรษกาล2
เสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยกลิ่นของมาม่า แต่ทันใดนั้นก็ เต็มไปด้วยสภาพห้องที่มีความหรูหรา
และผสมผสานกับน้ำหอมชั้นเลิศของซูยิ่งหวั่น
กลิ่นนั้น…..เหม็นเป็นที่สุด เป่หมิงโม่นั้นไม่อาจจะทนไหว
แล้วก็ยืนขึ้น แล้วก็ไม่ได้มองซูยิ่งหวั่นเลย แล้วก็ เดินไปยังห้องอาหาร
แล้วก็มองเห็นลูกชายนั้นถือมาม่าที่ใหญ่กว่าตัว ของเขาเอง กินอย่างมีความสุข ทำให้เขานั้นมีสีหน้าที่ ไม่พอใจ
“เป่หมิงซิเฉิง ใครอนุญาตให้กินอาหารขยะพวก นี้ ?”
หยางหยางนั้นไม่ได้พูดอะไรแล้ว แต่จมูกนั้นกลับ มีเสียงกระแทกออกมา แต่ไม่ได้ออกเสียงดังมากมาย แล้วก็กินต่อไป
เซฟนั้นเห็นแบบนี้ ก็เลยเข้าไปพูดว่า “คุณท่าน คุณชายน้อยหิวจนทนไม่ไหว ดังนั้น….”
เป่ยหมิงโม่นั้นก็มองไปยังมาม่าที่มันย้อย ทำให้มี สีหน้าที่เริ่มไม่พอใจกว่าเดิม แล้วก็พูดออกมาอย่าง ตกใจว่า “กินเผ็ดรี ? ”
หยางหยางก็ขี้เกียจไปสนใจการตกใจของเป่หมิง โม่ มือนั้นก็จับตะเกียบคืบกินอย่างอร่อย เผ็ดจนถึง ที่สุดและมีความสุข
ใบหน้าที่น่ารักของเด็กน้อยนั้น เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
แห่งความสุข
เป๋หมิงโม่ก็มองเช่นนั้นไม่ขาดสายตา แล้วก็พูดไป ถึงเชฟว่า
“ไปเอาตะเกียบและถ้วยมา”
พอฟังแล้ว ก็คิดไปว่าคุณท่านจะอยากลองชิม อาหารรสเผ็ด รี ?
เชฟก็ไม่กล้าลีลา แล้วก็ไปยังห้องครัวเตรียมของ หลังจากนั้น ก็อยู่ในสายตาที่ตกใจของเชฟและซู ยิ่งหวั่น
ใช้มือไปจับตะเกียบ แล้วก็เดินไปยังถ้วยของเด็ก คนนั้น แล้วก็ไปคืบมาม่าออกมา
หลังจากนั้น ก็เอามาไว้ที่ถ้วยของตัวเอง
มองไปหนึ่งรอบ แล้วก็รู้สึกลังเล หลังจากนั้นก็เลย กินเข้าไปดู
ท่าทางการกินนั้นทำให้รู้สึกว่าไม่ได้กินอาหารที่ไร้ ราคา แต่เหมือนกับกำลังกินอาหารชั้นเลิศอยู่เช่นนั้น
และแน่นอนว่า เด็กน้อยคนนี้ก็โมโหเป็นที่ เรียบร้อย
“ยิ่ม พ่อเลว มาแย่งอาหารลูกกิน ไม่มีความเป็นผู้ดี สักนิดเลย”
ชัดเจนว่า เป้หมิงโม่นั้นไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ กู้ ฮอนและลูกนั้นได้รับความรู้สึกเดียวกัน
ใครจะไปรู้ว่า เป้หมิงโม่นั้นก็มีท่าทางที่บอกว่า ฉัน นั้นยอมเสียสละคุณค่าของฉันแล้วมากินมาม่าของคุณ นั้น เป็นบุญยิ่งแล้ว
“ฉันจะชิมอยู่สิว่า อาหารขยะทำให้มันน่าดึงดูด
ขนาดนี้”
หลังจากที่เขานั้นได้ลิ้มลองรสชาติไปแล้ว รสชาติ ที่เผ็ดเช่นนั้นทำให้เขานั้นมีคิ้วที่ขมวดขึ้น เชฟได้สังเกตเห็นสีหน้าของเหมิงโม่แล้วก็ได้รีบ
ไปเอาน้ำมาให้
“คุณท่าน เชิญ ดื่มน้ำ”
เป่ยหมิงโม่ขณะที่กำลังจะเอาน้ำไปดื่มนั้น
หยางหยางก็มองด้วยสายตาที่เหยียดหยาม “เมื่อ สักครู่นี้ที่ตีผมนั้นไม่ใช่เก่งกาจรี ? ทำไมกินเผ็ดแล้วไม่ เก่งแล้วล่ะ ?”
เมื่อถูกพูดเช่นนี้ เปหมิงโม่ก็หันไปอย่างรวดเร็ว ด้วยสีหน้าที่น่าเกลียด
หลังจากนั้นก็ได้เอาแก้วน้ำวางอย่างรวดเร็ว แล้วก็คืบมาม่าเป็นรอบที่สอง แล้วก็มองไปยังลูกชายที่นั่งอยู่ “เป๋หมิงซิเฉิง ฉันนั้นไม่ชอบใจที่คุณ พูดวาจาที่ป่าเถื่อนเช่นนี้”
หยางหยางั้นก็ไม่ได้ไปสนใจ แล้วก็ทำท่าล้อเล่น ไปอีก แล้วก็พูดว่า “เป่หมิงโม่ ฉันก็ไม่ชอบใจที่คุณทำ น้ำเสียงเช่นนี้”
เป่ยหมิงโม่นั้นก็ลังเลใจว่าจะกินหรือไม่กินดี
หยางหยางนั้นก็มองไปแล้วก็ล้อไปว่า “อั้ยย้ะ เป่ห มิงโม่กินเผ็ดไม่ได้ ”
ชัดเจนว่า ทำให้เขาโกรธเป็นอย่างมาก
“เป่ยหมิงซีเฉิง ฉันไม่ได้สร้างขึ้นมาแล้วจะมีคุณเกิด มาได้อย่างไร ? แล้วยังมี ใครให้เรียกชื่อของฉัน ? ”
หลังจากนั้น ก็ได้กินมาม่านั้นไปอีก
ผ่านไปสักครู่ ใบหน้าก็เริ่มมีความแดงขึ้น แล้วก็ เต็มไปด้วยเหงื่อออกมา
“เหอะ ๆ คุณตีฉัน แล้วทำไมจะต้องเรียกคุณว่า พ่อ?”
เด็กน้อยคนนั้นก็ได้กินมาม่าต่อไป แล้วก็มีเหงื่อ ออกมาอย่างมากมาย
“ตีคุณ เพื่อจะให้รู้ว่า เป็นทายาทของตระกูลเป่ห มิง จำเป็นจะต้องเยือกเย็นและมีการเลี้ยงดูที่ดี มา โวยวายเสียงดังจะเป็นระบบได้อย่างไร ? ”
.ฉันอายุแค่ห้าขวบ ฉันไม่ชอบระบบแบบนี้ “เด็กน้อยนั้นก็มองไปยังซองมาม่า ฮือ ๆ ซึ่งถูกคุณพ่อที่ เลวคนนี้ดีไปหนึ่งตี
“แล้วใครให้แกนั้นไร้มารยาทขนาดนี้ เรียกคนอื่น ว่าไอ้จิ้งจอก” ผู้ชายคนนั้นมีน้ำเสียงที่หนักแน่น ทำให้ เด็กน้อยนั้นไม่รู้และเข้าใจ
“ล่อ..ลวงคุณพ่อ นอกจากคุณแม่แล้ว คนอื่นก็คือ จิ้งจอกไงล่ะ” “เป่ยหมิงซีเฉิง เป็นลูกชาย ไม่ว่าพ่อนั้นจะมีผู้หญิง
มากน้อยแค่ไหน ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะแส่เช่นนี้ เข้าใจ ? ”
ผู้ชายคนนั้นก็พูดราวกับพูดเรื่องราวของตัวเองเช่นไร
เช่นนั้น
แต่ เด็กผู้ชายอายุห้าขวบคนนี้เพิ่งจะห้าขวบ ดัง นั้น เขาไม่รู้
สายตาของผู้ชายนั้นเต็มไปด้วยฟืนไฟ เขานั้นบ้า ไปแล้วจึงจะมาพูดเรื่องเหตุผลกับเด็กอายุห้าขวบ “แก มันไม่มีแม่ ดังนั้นจิ้งจอกก็ไม่อาจจะเป็นได้”
“ฉันมีแม้” เด็กน้อยนั้นพูดอย่างเต็มปาก หลังจากนั้นก็ได้กินมาม่าถ้วยนั้นต่อ
ผู้ชายนั้นก็มีสีหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ซึ่งไม่ อยากจะถูกปัญหานี้กับลูกชายอีก
ไม่ได้ต่อล้อต่อเถียง และก็กินมาม่าต่อไป เลยทำให้เป็นครั้งแรกที่พ่อลูกนั้นกินข้าวด้วยกันแต่กลับกลายเป็นภาพที่มีความน่ากลัว
เซฟนั้นก็ตกใจอย่างมาก แต่ดีที่ว่าไม่ได้เกิดการ ปะทะกัน
แต่ซูยิ่งหวั่นนั้น ออกไปตอนไหน ? ไม่มีใครสังเกต เลย
เพียงแต่ บนโต๊ะน้ำชานั้นมีกุญแจวางอยู่
กู้ฮอนในคืนนั้นที่ลงจากเครื่องบิน ก็ได้ไป โรงเรียนเด็กดาว ไปรับเฉิงเฉิงกลับบ้าน แม่ลูกไม่ได้เจอกันนาน รู้สึกถึงความคิดถึง