ตอนที่305 แน่จริงก็แต่งงานกับเธอ
เป้หมิงโม่นอนเอนหลังอยู่บนเตียงผู้ป่วย ก่อนจะเหลือบไปมองซูหยุ นเฟิง “ฉันเข้าโรงพยาบาล มันเกี่ยวกับเธอตรงไหน?”
“ไม่เกี่ยวได้ยังไง? นี่เป็นการเข้าโรงพยาบาลครั้งแรกในรอบสองปี ของนายเลยนะ นายลองบอกฉันซิว่าตอนที่ขับรถ ในหัวนายกำลังคิด เรื่องอะไรอยู่? นอกจากฮอนฮอนแล้ว จะมีใครที่สามารถทำให้เป่หมิง เอ้อใจลอยได้อีก?”
“เหอะๆ” เปหมิงโมยิ้มอย่างเย็นชา ให้ตายยังไงก็ไม่ยอมรับ
“นายก็ปากแข็งไปเถอะ เพราะยังไงซะ นายก็เป็นพวกไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา!” ซูหยุนเฟิงพูดจบก็กัดแอปเปิลกินอีกหนึ่งคำ “จะพูดก็ พูดเถอะนะ คนที่ทําธุรกิจใหญ่โตอย่างนายเนี่ย เอะอะๆ ก็เจ้าโรง พยาบาลแบบนี้ ใช้ได้ที่ไหน? นายดูผิวพรรณและใบหน้าของคนใช้ ชีวิตเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอย่างฉันสิ ว่าฉันดูแลปรนนิบัติผิวได้ดีขนาด ไหน……
ซูหยุนเฟิงพูดพลางถ่ายรูปใบหน้าอันหล่อเหลาไร้ที่ติของตัวเอง ได้ใจ
เป้หมิงโม่กลอกตามองบนใส่เขาอย่างเอือมระอา “ถ้านายมีความ เด็ดขาดได้ครึ่งหนึ่งของพี่ชายนาย นายจะตกอยู่ในสภาพที่ต้องมา คอยนั่งเฝ้าไนต์คลับแบบทุกวันนี้มั้ย?”
พื้นเพของครอบครัว หยุนเฟิงมีความเกี่ยวข้องอย่างแน่นแฟ้นกับ วงการมาเฟีย
ถึง เอ้อย่างเขาจะใช้ชีวิตแบบเอ้อระเหยลอยชาย ก็ถือว่าไม่ผิด อะไรมาก
เพราะถ้าหากวันใดวันหนึ่งฟ้าเกิดถล่มลงมา ก็ยังมีคุณชายซูคอย คุ้มกะลาหัวอยู่
นี้
อันที่จริง เป้หมิงโม่รู้สึกอิจฉาซูหยุนเฟิง ที่เขามีพี่ชายที่เก่งกาจแบบ
คนที่ไม่ต้องคิดอะไรมากแบบซูหยุนเฟิง ไม่จำเป็นต้องแบกรับภาระ หน้าที่อันหนักอึ้งของวงศ์ตระกูล และไม่มีความบาดหมางกันใน ครอบครัว ใช้ชีวิตได้อย่างอิสรเสรีและมีความสุข ถ้าเลือกได้ ใครจะ ไม่อยากใช้ชีวิตอย่างอิสระบ้างล่ะ?
“นี่! อย่าเอาฉันไปเปรียบเทียบกับพี่ชายฉันสิ! ฉันกับเขาไม่ใช่คน แบบเดียวกัน” ชูหยุนเฟิงกัดกินแอปเปิลในมือจนเกือบหมดแล้ว
ฉิงฮัวเข็นเฟยเอ๋อเดินเข้ามาในห้อง โดยภาพที่เห็นก็คือ
บนหน้าผากของเป่หมิงโม่มีรอยเย็บ
มีผ้าพันแผลพันที่มือ นอนเอนหลังอยู่บนเตียงอย่างสดใส
ส่วนซูหยุนเฟิงที่กำลังนั่งกินแอปเปิลเกือบหมดลูกอยู่บนเก้าอี้ เท้า ทั้งสองข้างยังพาดอยู่บนปลายเตียงของเป่หมิงโม่อย่างไม่เกรงใจ
“อ้าว เฟยเอ๋อมาแล้วเหรอ!” ชูหยุนเฟิงโยนแกนแอปเปิลทิ้งลงถัง ขยะอย่างแม่ย่า รีบเอาเท้าที่พาดอยู่ตรงปลายเตียงลงมาทันที ก่อนจะ เดินยิ้มไปหยุดอยู่ตรงหน้าเฟยเอ๋อ และลูบไปที่ผมนุ่มสลวยของเธอ อย่างเอ็นดู “เป่หมิงเอ้อไม่ตายง่ายๆ หรอก แต่คุณสิ อุตส่าหรีบมาที่โรง พยาบาลแบบนี้ คงจะเหนื่อยแย่เลย?”
ฉิงฮัวโค้งคำนับซูหยุนเฟิง “ซูเอ้อ”
านั้น เขาก็เดินถือปิ่นโตเก็บความร้อน ตรงไปที่ข้างเตียงของเป่ มิงโม และพูดอย่างไม่แสดงอารมณ์ใดๆเหมือนทุกวัน “เจ้านายครับ คุณเฟยเอ๋อตั้งใจต้มซุปขาหมูมาให้ท่านโดยเฉพาะเลยนะครับ รีบทาน ตอนยังร้อนๆเถอะครับ”
ยังไม่ทันที่เป้หมิงโม่จะตอบอะไร ซูหยุนเฟิงก็หัวเราะขึ้นมา “โอ้โห ซุปขาหมูเหรอ? เฟยเอ๋อช่างใส่ใจจริงๆเลยนะเนี่ย เป่หมิงเอ้อ ต้องกิน เยอะๆนะ กินอะไรเข้าไปก็จะเป็นอย่างนั้น!
เฟยเอ่อตลกในคําพูดของซูหยุนเฟิงจนหัวเราะออกมาแบบกลั้นไม่ อยู่
หยุนเฟิง ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย….. ซุปขาหมูที่เธอทํามา จะหมายความแบบนั้นได้อย่างไร?
เป้หมิงโม่มองซูหยุนเฟิงด้วยสายตาพิฆาตอย่างเอาเรื่อง “ขาฉันยัง ปกติติ! เฟยเอ๋อก็แค่เป็นห่วงฉัน นายอย่าไปล้อเธอเล่นแบบนั้น!
ฮ่าๆ” ซูหยุนเฟิงหัวเราะออกมาอย่างแปลกๆ มองเฟยเอ๋อด้วยท่าทีที่ เล่นหูเล่นตา “แหม แหม แหม เฟยเอ๋อคุณช่างโชคดีจริงๆ คุณชายเป่ห มิงเอ้อจอมเลือดเย็นของเรา รู้จักเห็นอกเห็นใจผู้หญิงด้วยนะเนี่ย เฟย เอ่อคุณคือคนแรกเลยนะ
เฟยเอ๋อได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกเขินอาย ก่อนจะแอบมองไปที่เป้หมิงโม “หยุนเฟิง คุณก็ชอบล้อฉันเล่นอยู่เรื่อย……..
ฮ่าๆๆ น้องเฟยเอ๋อ ผมจะกล้าล้อน้องเล่นได้ไง? ผมไม่กลัวเป่หมิง เอ้อหักกระดูกผมเหรอ?”
เป่หมิงโม่จ้องซูหยุนเฟิงอย่างเอาเรื่อง “ซูเอ้อ ถ้านายไม่พูดก็ไม่มี ใครหาว่านายเป็นใบ้หรอกนะ!”
เฟยเอ๋อกัดริมฝีปาก มองเป่หมิงโม่อย่างขลาดกลัว
จากนั้น ก็เข็นรถเข็นมาอยู่ข้างเตียงเป่หมิงโม่ ก่อนจะยืนมือที่เต็มไป ด้วยรอยแผลเป็น ไปกุมมือใหญ่ที่พันผ้าพันแผลของเป่หมิงโม่ ด้วย สายตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรู้สึกห่วงใย ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ อ่อนโยน “โ…….ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ความจริงคุณไม่จำเป็นต้อง เฝ้ารอตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้แล้วก็ได้นะ อีกอย่าง ถ้าเกิดฉันไม่ได้ กลับมาล่ะ? หากคุณอยู่อย่างโดดเดี่ยวแบบนี้ไปชั่วชีวิต ฉันคงรู้สึกผิด ไปตลอดชีวิต……
ไม่รอให้เป้หมิงไม่ตอบ ซูหยุนเฟิงรีบชิงตอบอย่างยิ้มแย้ม “แต่เฟยเอ๋ อ คุณก็กลับมาแล้วไม่ใช่เหรอ?”
เป่หมิงโม่ขึงตาใส่ หยุนเฟิงอีกครั้ง
เฟยเอ๋อนิ่งงันไป ก่อนจะส่ายหัวไปมาพร้อมยิ้มจื่อนๆ “ถึงฉันจะกลับ มาแล้ว แต่คุณดูสภาพของฉันตอนนี้ส…..อย่าว่าแต่จะมีลูกให้โม่เลย แม้แต่……… ” เฟยเอ๋อรู้สึกพูดไม่ออกว่า แม้แต่จะทำเรื่องอย่าง ว่ากับโม่ก็ยังทำไม่ได้เลย ซึ่งทำให้เธอรู้สึกหนักใจยิ่งนัก…….
“เรื่องมีลูกเฟยเอ๋อยิ่งไม่ต้องเป็นกังวลเลย! เป๊หมิงเอ้อมีลูกชายอยู่ แล้วตั้ง2คนใช่ไหม? คุณสามารถเป็นแม่ได้ทันทีเลย!” ชูหยุนเฟิงพูด ขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“ชู หยุน เฟิง!
” เปหมิ่งโมกัดฟันพูดอย่างดุดัน หากสายตาพิฆาต
สามารถฆ่าคนได้ ชูหยุนเฟิงคงตายไปเป็นพันครั้งหมื่นครั้งแล้วล่ะ…
“แหะๆ! เฟยเอ๋อยังอยู่ นายอย่าไปพูดให้เธอตกใจ…” ซูหยุนเฟิง ยังคงหน้าระรื่นยักไหลขึ้นลงอย่างไม่สนใจพร้อมไปหลบอยู่หลังเฟย เอ๋อ เพราะกลัวไฟโทสะของเป่หมิงเอ้อจะเผาเขาทั้งเป็น
” เฟยเอ๋อรู้สึกว้าวุ่นใจ และมองเป่หมิงโม่อย่างระแวดระวัง “ฉันรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเพราะฉันไม่ดีเอง……….เอามากๆ …ฉันไม่ อยากให้ตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณเสียเวลา……
เป้หมิงโม่ขมวดคิ้วเข้ม
ซูหยุนเฟิงทุบเข้าที่แผงอกเบาๆอย่างออดอ้อน “เฟยเอ๋อคุณกำลัง ถ่วงเวลาเป่หมิงเอ้อตรงไหนกัน? เปหมิงเอ้อต่างหากที่กำลังถ่วงเวลา คุณอยู่! สาวสวยอย่างคุณ หากไม่ใช่เพราะเหตุการณ์ไฟไหม้ตอน
ซูหยุนเฟิงพูดยังไม่ทันจบประโยค
ตุ๊บ!
ก็มีหมอนใบหนึ่งฟาดเข้าที่หน้าเขาอย่างจัง!
“ซูหยุนเฟิง! นายรีบไสหัวออกไปเลยนะ!” ท่านโมเริ่มระเบิดอารมณ์ ออกมา!
ใบหน้าขาวซีดของเฟยเอ่อ มองเป่หมิงโม “โม่ สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนั้น ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณจริงๆ นะ…..เป็นเพราะฉันโชคไม่ดีเอง…..