ตอนที่336 ลูกชายเผากงเต๊กให้พ่อที่เสียไป
แต่หยางหยางกลับมองบนใส่เปหมิงยันอย่างไม่ คาดคิด “คุณอาสามครับ ป้ายวิญญาณก็อยู่นี่แล้ว ยัง จําเป็นต้องสาปแช่งให้เขาตายอีกเหรอ?”
นั่นก็หมายความว่า หยางหยางถือว่าพ่อของตัวเอง ได้ตายไปแล้ว
…..” เป้หมิงยันหัวเราะดังลั่นบ้านโดยไม่เกรงกลัว ใครอีกต่อไป
จากนั้น หยางหยางก็หยิบทิซซูที่ยับยู่ยี่ออกมาจาก กระเป๋า จากนั้นก็หาปากกามาเขียนคำว่า (เปียโน)บน
ก่อนจะขอไฟแช็กกับเป้หมิงยัน
ก่อนจะเผากระดาษทิชชูที่เขียนคำว่า (เปียโน) นั้น ต่อหน้าทุกคน…….
“ไอ้หยา หยางหยางห้ามเล่นไฟ!” ผู้ใหญ่หลายคน รีบห้ามปรามอย่างตกใจ
หยางหยางกลับพูดกับเป้หมิงยันว่า “คุณอาสาม บอกว่าพ่อผมเล่นเปียโนเป็นใช่ไหมครับ? งั้นผมจะเผาเปีย
โนไปให้หลังหนึ่ง ให้เขาเล่นจนกว่าจะพอใจ!”
ห็นใดนั้น ปัง
เสียงดังลั่นขึ้น
เป้หมิ่งโมตบโต๊ะอาหารดังสนั่นไปทั้งบ้าน
“เปหมิง ซี หยาง!”
มือน้อยของหยางหยางกระตุกเล็กน้อยด้วยความใจ ก่อนจะปล่อยทิชชูที่ยังไหม้ไม่หมดนั้นลงไปบนโต๊ะ อาหารจนเริ่มไหม้ผ้าปูโต๊ะแสนแพงนั้น……
“เวทมิงโม! นายจะร้องโวยวายกับผีเหรอไง! เสียง ตังแล้วยังไง?”
ใจความสําคัญของประโยคโวยวายกับผีที่หยาง หยางพูด คือคําว่า ‘ผี’
เป้หมิงโปโกรธจนหน้า เป็นตะโก ให้ตายเถอะไอ้
ลูกบ้านกล้าแช่งให้เขาตายเลยเหรอ! พ่อลูกก็เริ่มเผชิญหน้ากันอย่างดุมเชิงในชั่วพริบ
ตา!
อุ้ย ไฟไหม้แล้ว ยังไม่มีคนมารับดับไฟอีก!” เจียง ฮุย นรีบพูดขึ้นอย่างทันควัน พอเห็นบรรยากาศของพ่อ ลูกคู่นี้เริ่มมา ขึ้นเรื่อยๆ เธอจึงรีบยืนขึ้นจากเก้าอี้และยื่น มือไปอุ้มหยางหยางมาทันที “หยางหยางเด็กดี เดี๋ยวย่า พาหนูไปล้างมือก่อนนะ เป็นเด็กเป็นเล็กห้ามเล่นไฟนะรู้
ไหม ถ้าเล่นไฟจะฉี่รดที่นอนนะ.… “โอ๊ย คุณย่าครับผมยังเถียงกับเขายังไม่จบ
เลย…..เล่นไฟจะฉี่รดที่นอนจริงๆ เหรอครับ? แต่หยาง หยางแค่เล่นจุดไฟ ไม่ได้เล่นไฟ………
เสียงของหยางหยางค่อยๆ ไกลออกไป
คนรับใช้ในบ้านรีบมาล้อมโต๊ะอาหารเพื่อดับไฟกัน จ้าละหวั่น
เมื่อเฉิงเฉิงเห็นคุณย่าอุ้มหยางหยางเข้าไปใน ห้องนํ้า ก็รีบกระโดดลงจากเก้าไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบ ไปหยิบแผ่นไม้ที่หยางหยางทั้งไว้บนโต๊ะอาหารนั้นขึ้นมา แนบอก เพราะเกรงว่าแผ่นไม้นั้นจะโดนเผา
เป็นภาพที่เป่หมิงโม่เห็นแล้ว เดือดดาลขึ้นกว่าเดิม!
เพราะลูกชายทั้งสองของเขาเห็นป้ายวิญญาณนี้มี ค่ากว่าชีวิตตัวเอง
เปหมิง เฉิง เอามันมาให้พ่อ!” เขายื่นมือไปขอ ป้ายวิญญาณที่อยู่ในมือของเฉิงเฉิง พร้อมพูดด้วยน้ำ เสียง เย็นเยือก
เฉิงเฉิงกลับกอดป้ายวิญญาณค่อยๆ ถอยร่นไป ข้างหลังพร้อมส่ายหน้าปฏิเสธ “ผมไม่ให้!”
“เปหมิงหยางเล่นเป็นเด็กๆ หรือแกก็จะเอากับเขา ด้วยเหรอ?” เป้หมิงไม่ขมวดคิ้วอย่างโกรธจัด ลูกชายของตัวเองได้เตรียมป้ายวิญญาณไว้ให้ — ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว!
พ่อยังแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่แม่ได้เลย ทำไมผมต้องเป็นเด็กดีด้วย?” “นี่แก”
อย่างไรเสียผมกับหยางหยางก็จะถือว่าพ่อตาย ไปแล้ว! พวกเราเกลียดพ่อ!”
เฉิงเฉิงเอ็ดเสียงต่ำ ก่อนจะอุ้มป้ายวิญญาณแผ่น
เป่หมิงโม่มองดูแผ่นหลังของเฉิงเฉิง นัยน์ตาดำ มลับเผยแววสับสนวุ่นวายออกมา
เขาไม่คิดเลยว่าลูกๆ จะพูดว่าเกลียดเขา….
ที่ผ่านมา เขารู้มาตลอดว่าลูกๆไม่ค่อยชอบเขา และเขาเองก็ไม่ได้หวังให้ลูกๆมาชอบเขาเช่นกัน แต่ทันที ที่พวกเขาพูดคําว่าเกลียดออกมา…
หัวใจของเป้หมิงโม่ก็เจ็บปวดรวดร้าวราวกับโดน ของหนักทุบตีอย่างจัง
เป้หมิงยันเดินเข้ามาจับไหล่เขาไว้ข้างหนึ่ง “เปหมิงเอ้อ เฉิงเฉิงกับหยางหยางดูจะไม่ยอมรับการหมั้นหมาย ระหว่างนายกับเฟยเอ๋อสักเท่าไหร่นะ… เรื่องนี้ เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้วจริงๆเหรอ?”
เป้หมิงไม่นิ่งเงียบไป
คุณท่านเปหมิงขมวดคิ้ว ก่อนจะใช้ไม้เท้าประคอง ตัวลุกขึ้นมา จังหวะที่เดินผ่านเป่หมิงโม่นั้น เขาได้หยุด มองลูกชายที่เขารู้สึกภาคภูมิใจคนนี้ด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง ก่อนจะตบไหล่และพูดขึ้นว่า
“คุณชายสอง สิ่งที่พ่อรู้สึกเสียใจมากที่สุดในชีวิต นี้ ก็คือการทำสิ่งที่ทำให้ลูกเกลียดพ่อ…..เพราะฉะนั้น พ่อ หวังว่าลูกจะไม่เจริญรอยตามความผิดพลาดแบบพ่อ แก คิดทบทวนดูเองแล้วกัน………
สิ่งแรกที่กู้ฮอนทําหลังตื่นมาตอนเช้าก็คือ การโทร หาแอนนิ เพื่อถามไถ่เรื่องทารกน้อย
กลับได้รู้ว่า คดีหย่าร้างของแอนนิเกิดปัญหาขึ้น เล็กน้อย
หลังจัดการธุระทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เธอจะพา หารกน้อยกลับมาจากต่างประเทศ
เดิมทีกู้ฮอนอยากจะรับสาวน้อยกลับมาอยู่กับเธอ แต่อยู่ดีๆเป๊หมิงโม่เจ้าปัญหากลับย้ายเข้ามาอยู่ตรงข้าม ห้องเธอเสียดื้อๆ การที่หันซ้ายหันขวาก็เจอเขาแบบนี้ ทําให้เธอต้องกลับมาคิดวางแผนใหม่อีกครั้ง..…
แต่พอนึกถึงสิ่งที่เป่หมิงไม่พูดเมื่อคืนนี้ว่า ขอแค่ เธอยอมไปชมงานแสดงดนตรี เขาก็จะพาลูกๆ มาอยู่ที่นี่ ตอนนี้ เธอแทบอดรนทนไม่ไหวที่จะได้เจอกับลูกๆ
แล้ว
เธอรับส่งข้อความไปให้เขา เพราะกลัวเขาจะไม่ รักษาพูด
(อย่าลืมคําสัญญา คุณเคยให้ไว้ คืนนี้ฉันต้องการ เจอลูกๆของฉัน)
เวลานี้ เป้หมิงโม่ที่เพิ่งหัวเสียอยู่ในบ้านตระกูลเป่ห มิง จากเรื่องป้ายวิญญาณนั้น พอมาเห็นข้อความที่เธอส่ง มา ก็ขมวดคิ้วนิ่วหน้าอย่างเคร่งเครียดมากขึ้นกว่าเติม…….
เพียงแค่กู้ฮอนคิดถึงภาพการย้ายเข้ามาอยู่ของ ลูกๆ เธอก็อดที่จะอมยิ้มอย่างมีความสุขไม่ได้ ..
เธอไม่รู้ว่าทําไมเป่หมิงโมถึงได้ยอมจำนนในท้าย ที่สุด คิดแต่เพียงว่าคืนนี้ควรทำอาหารมื้อใหญ่เพื่อต้อน รับลูกๆ ควรเพิ่มเตียงและผ้าห่มสำหรับลูกๆ …….
และข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันด้วย……..
ดังนั้นเธอจึงรีบออกไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ต
ท่ามกลางผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมาในซูเปอร์ มาร์เก็ตอันกว้างใหญ่นี้ บางครั้งก็จะต้องเจอเข้ากับคนที่ ไม่อยากเจออยู่บ่อยๆ
ฮอนฮอน?”
น้ำเสียงที่แฝงความไม่มั่นใจ ที่เธอคุ้นเคยดังขึ้น
จากทางด้านหลังของเธอ
กู้ฮอนหันกลับไปมองตามเสียงเรียกนั่น