เทพปีศาจผงาดฟ้า – ตอนที่ 57

ตอนที่ 57

ตอนที่ 57 ความท้าทายที่มิอาจเป็นไปได้

“เจ้าคงจะรู้เรื่องแนวคิดอะไรแบบ.. กฏแห่งการสังหารบ้างแล้วใช่หรือไม่?” ซุนเอ่ยถามหลงเฉิน

“ข้าหารู้อันใดเกี่ยวกับกฏแห่งการสังหารนี้ไม่ แต่ข้าทราบถึงกฏแห่งธรรมชาติ จากตำราที่ข้าเคยอ่านมานั้น ผู้ที่เข้าสู่อาณาจักรจุติพิภพจักสามารถควบคุมกฏแห่งธรรมชาตินี้ได้”

“มันเปรียบเสมือนพลังพิเศษ ที่สามารถทำให้เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ควบคุมพลังธาตุและองค์ประกอบต่างๆได้ เฉกเช่นเดียวกับ กฏแห่งไฟ กฏแห่งน้ำ กฏแห่งดิน กฏแห่งโลหะ และกฏแห่งไม้”

“นั่นก็ถูกต้องเช่นกัน แต่หาใช่เป็นความจริงทั้งหมดไม่ เพราะยังมีกฏพิเศษอีกมากมายนอกเหนือจากกฏแห่งธรรมชาติทั้งห้านี้ อย่างเช่นกฏแห่งการสังหาร.. เอาล่ะ ไม่ต้องรีบร้อนนัก เดี๋ยวเจ้าก็จักได้สัมผัสมันในอีกไม่ช้า” ซุนกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า

“กฏพิเศษ? อย่าเช่นกฏแห่งห้วงมิติและกาลเวลางั้นรึ?” หลงเฉินเอ่ยถามด้วยสีหน้าตกใจ

“เจ้ารู้เรื่องกฏแห่งห้วงมิติและกาลเวลาได้อย่างไรกัน?” ซุนตั้งคำถามแทนคำตอบ

“เอ่อ.. ข้าก็แค่สุ่มพูดออกไปเท่านั้นเอง คิดว่าน่าจะถูกต้องบ้าง.. นี่ย่อมหมายความว่าการที่เทอร่าสามารถควบคุมไม้พรรณได้นั้น เป็นเพราเขาบรรลุกฏแห่งไม้แล้วสินะ?” หลงเฉินเอ่ยถามซุนขึ้นมาทันที เมื่อนึกถึงสิ่งที่เทอร่าใช้จู่โจมใส่ตนก่อนหน้านี้

“นั่นก็ถูกต้อง เพราะในจักรวาลนี้มีกฏอยู่มากมาย ปกติแล้วจักมีเพียงผู้ที่ฝึกวรยุทธบ่มเพาะจนสามารถเข้าสู่อาณาจักรจุติพิภพได้แล้วเท่านั้น จึงจักสามารถเรียนรู้และทำความเข้าใจกฏเหล่านี้ได้ เพียงแต่ผู้ที่อยู่ในอาณาจักรจุติพิภพนี้ จักสามารถเรียนรู้ได้เพียงหนึ่งกฏเท่านั้น!”

“แต่ก็มีผู้ที่เรียกว่าอัจฉริยะซึ่งอยู่ในอาณาจักรแก่นปราณทองคำสามารถควบคุมกฏธรรมธรรมชาติข้อใดข้อหนึ่งได้ หรืออาจได้มากกว่าหนึ่งกฏเมื่อเข้าสู่อาณาจักรจุติพิภพ แต่ข้าไม่คิดว่าจักมีผู้ใดที่สามารถทำเช่นนั้นได้ในโลกของเจ้า..”

“นี่เจ้าไม่ขี้โกงไปหน่อยรึ? เจ้าเองก็เพิ่งจะบอกว่ามีเพียงอัจฉริยะจำนวนน้อยที่สามารถเรียนรู้กฏเหล่านี้ได้ในอาณาจักรแก่นปราณทองคำ แต่ข้าเพิ่งจะเข้าสู่อาณาจักรผสานวิญญาณเท่านั้นนะ! การทดสอบนี้ไม่โหดร้ายเกินไปสำหรับข้าหรอกรึ? มันคล้ายกับการท้าทายที่มิอาจเป็นไปได้เลย..” หลงเฉินเริ่มโวยวาย

“อย่าลืมว่าอัจฉริยะเหล่านั้นหาได้มีสายเลือดดังเช่นที่เจ้ามี เทียนเฉินเองก็ต้องเรียนรู้กฏเหล่านี้ในการทดสอบเช่นกันมิใช่รึ?” ซุนอธิบายด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจ

“เมื่อครั้งที่เทียนเฉินเข้าร่วมการทดสอบนั้น เขาอยู่ในอาณาจักรใดงั้นรึ?” หลงเฉินเอ่ยถามยิ้มๆ

“อ่อ.. อาณาจักรแก่น.. อุ๊บ..”

แต่แล้วซุนก็รีบปิดริมฝีปากเล็กๆของนางลงทันทีเมื่อคิดได้ว่ามิควรพูด หลงเฉินเห็นเช่นนั้นจึงได้แต่ยกมือขึ้นกุมขมับพร้อมกับร้องบอกไปว่า

“เอาเถิดๆ.. หากนั่นจะเป็นหนทางเดียวที่ทำให้ข้าผ่านการทดสอบครั้งนี้ไปได้ ข้าก็จะหาหนทางเอง..” หลงเฉินตอบกลับด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น

“นั่นล่ะ.. เยี่ยมมากเด็กน้อย!” ซุนตอบยิ้มๆ

“ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว พวกเราออกไปข้างนอกกันดีกว่า และเจ้า!! ต้องอยู่กับข้าด้วย อย่าได้หายตัวไปอีกล่ะ เพราะไม่ว่าอย่างไรก็มิมีผู้ใดสามารถมองเห็นเจ้าอยู่ดี” หลงเฉินกล่าวต่อในขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างของซุน แล้วจึงเดินเปิดประตูออกไป

ทันทีที่หลงเฉินก้าวเดินออกมาจากห้องตำรา ผู้อารักขาที่อยู่ด้านนอกทั้งสองคนถึงกับผงะถอยหลังด้วยความตกใจ แต่เมื่อได้สติก็รีบโค้งกายลงทำความเคารพหลงเฉินอย่างรวดเร็ว

“ท่านปรมาจารย์ หัวหน้าเผ่ามิรู้ว่าท่านจักอยู่ในห้องตำราอีกนานเพียงใด จึงสั่งให้พวกเราสองคนมาทำหน้าที่อารักขาที่นี่ไว้ เพื่อมิให้มีผู้ใดเข้ามารบกวนท่านได้ เวลานี้ท่านหัวหน้าเผ่าอยู่กับบุตรชายของเขาอีกห้องหนึ่ง จักให้ข้านำท่านปรมาจารย์ไปพบเขา หรือจักให้ข้าไปแจ้งหัวหน้าเผ่าให้มาพบท่านที่นี่ดี?” ผู้อารักขากล่าวกับหลงเฉินด้วยท่าทางเคารพนบนอบยิ่งนัก

“มิเป็นไร ข้าจักไปหาพวกเขาเอง เจ้านำทางข้าไปได้เลย!” หลงเฉินเอ่ยตอบ

ผู้อารักขาเดินนำหลงเฉินไปทันที แล้วทั้งคู่ก็เดินไปถึงอีกห้องอย่างรวดเร็ว ทันทีที่หลงเฉินเข้าไปถึง ทั้งเท็นช่าและบุตรชายของเขาต่างก็รีบลุกขึ้นยืนต้อนรับหลงเฉินทันที

“ท่านปรมาจารย์หลงเฉิน เหตุใดท่านจึงเดินมาหาพวกเข้าที่นี่ด้วยตนเองเล่า ท่านควรเป็นฝ่ายเรียกพวกเราให้ไปพบจึงจักถูกต้อง ว่าแต่.. ท่านพบสิ่งใดในคัมภีร์เล่มนั้นบ้างหรือไม่?” เท็นช่าเอ่ยถามหลงเฉินทันที

“อ่อ.. มิได้มีสิ่งใดที่ข้าสนใจเป็นพิเศษนัก ข้าก็เพียงแค่อยากรู้เรื่องราวในอดีตของชนเผ่าที่นี่เท่านั้น ข้าอ่านจบแล้ว.. และขอคืนให้กับเจ้า” หลงเฉินเอ่ยตอบพร้อมกับส่งคัมภีร์กับภาพวาดในมือคืนให้เท็นช่า

“อ่อ.. ข้าได้ยินเรื่องวัตถุลึกลับของตระกูลเจ้า ที่ทำให้คนในตระกูลเจ้าสามารถควบคุมไม้พรรณได้ ขอข้าดูหน่อยจักได้หรือไม่?” หลงเฉินเอ่ยถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

‘ห๊ะ.. เจ้าลูกโง่!! เหตุใดจึงได้บอกเรื่องนี้แก่เขานะ? เช่นนี้แล้วข้าจักหาหนทางใดส่งเขาออกนอกเผ่าได้อีกเล่า? หากเขาตัดสินใจที่จะอยู่ศึกษาสิ่งนั้นอยู่ที่นี่ต่อข้าจักทำเช่นใด?’ เท็นช่าได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในใจ

“เอ่อ.. ได้ๆ” เท็นช่าหยุดคิดเพียงแค่เล็กน้อย แต่แล้วก็ตอบตกลงทันที

“ขอเชิญท่านตามข้ามา..”

เท็นช่าเอ่ยตอบและเดินนำหน้าไปทันที หลงเฉินเดินเองก็เดินตามออกไป ทั้งคู่เดินออกจากที่พักไปตามเส้นทางภายในเผ่า จนกระทั่งผ่านไปชั่วครู่ ทั้งสองคนจึงได้มาหยุดอยู่หน้าอารามเก่าแก่หลังหนึ่ง

“สถานที่แห่งนี้รึ?” หลงเฉินเอ่ยถามเท็นช่าทันทีเมื่อเห็นเขาหยุดยืนอยู่หน้าอารามแห่งนี้

“ถูกต้องแล้ว ที่มีเป็นอารามของบรรพบุรุษเรา ทุกคนในเผ่าสามารถมาที่นี่เพื่อร่ำเรียนกับวัตถุที่บรรพบุรุษของเราทิ้งไว้ให้นี้ได้ ทุกๆปีจักเปิดให้มีผู้ได้ร่ำเรียนเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน เท่าที่ผ่านมา.. ผู้ที่จักสามารถบรรลุได้นั้น จักต้องสามารถทำความเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ภายในหนึ่งหรือสองปีแรก..”

“แต่หลังจากนั้น.. ต่อให้พวกเขาจักมาร่ำเรียนอีกกี่ครั้งก็ตาม หรือแม้แต่จะมาอีกในทุกๆปี ก็มิมีผู้ใดสามารถบรรลุได้เลยสักคน..”

“โดยปกติแล้ว หากมิได้รับอนุญาตจากข้า ที่นี่จะมิยอมให้คนนอกเผ่าเข้ามาโดยเด็ดขาด แต่ท่านเป็นคนพิเศษ.. พวกเราเข้าไปด้านในกันเถิด” เท็นช่าหันไปบอกหลงเฉินพร้อมกับเดินนำเข้าไปด้านใน

ทันทีที่เท็นช่าเดินนำหลงเฉินเข้าไป ผู้อารักขาประตูต่างก็รีบถอยหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว เพื่อหลีกทางให้คนทั้งคู่เดินเข้าไปด้านในได้

“เวลานี้ยังมิมีผู้ใดเข้ามาร่ำเรียน ภายในจึงว่างเปล่าเช่นนี้..”

เท็นช่าเอ่ยบอกในขณะที่เดินนำเข้าไป และเมื่อทั้งสองเดินไปถึงตรงกลางของอารามแห่งนี้ หลงเฉินจึงสังเกตเห็นวัตถุทรงกลมสีเขียวกำลังทอประกายวูบวาบอยู่บนแท่นบูชา

“นั่นรึ..?” หลงเฉินอุทานออกมา เขาสัมผัสได้ถึงไอเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านออกมาจากวัตถุทรงกลมนั้น

“ใช่แล้ว! นี่คือมรดกที่บรรพบุรุษของชนเผ่าเราทิ้งไว้ให้ แล้วก็เป็นดังที่เทอร่าบอกกับท่านก่อนหน้านี้ นี่คือเหตุผลที่พวกเราสามารถควบคุมไม้พรรณได้!” เท็นช่าเอ่ยตอบพร้อมกับจับจ้องอยู่ที่วัตถุทรงกลมนี้

“ข้าเองก็ต้องการที่จะเรียนรู้จากวัตถุทรงกลมลึกลับนี้เช่นกัน ข้าจักขออยู่ที่นี่สักพักเพียงลำพังจักได้หรือไม่?” หลงเฉินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“เอ่อ…”

เท็นช่ามิรู้ว่าจักปฏิเสธหลงเฉินได้เช่นใด เวลานี้เขาเองต้องการที่จะหาหนทางส่งหลงเฉินไปที่เผ่าอื่นโดยมิให้เขารู้สึกขุ่นเคืองใจ แต่หากหลงเฉินต้องการอยู่เรียนรู้กับมรดกบรรพบุรุษของเผ่าเช่นนี้ ก็จักต้องใช้เวลานานทีเดียว เช่นนี้แล้วเขาจักส่งหลงเฉินออกไปโดยเร็วได้อย่างไรกัน?

“มีอะไรรึ? หรือ.. ข้ามิควรอยู่ที่นี่?” หลงเฉินเอ่ยถามเท็นช่ายิ้มๆ

เทพปีศาจผงาดฟ้า

เทพปีศาจผงาดฟ้า

Status: Ongoing

เทพปีศาจผงาดฟ้า เขาฟื้นสติตื่นขึ้นมาในร่างและผืนพิภพแห่งใหม่ หลังจากที่ล่วงลับตายจากไปในโลกก่อนหน้า หลงเฉินเริ่มออกเดินทางครั้งใหม่ในผืนพิภพที่เต็มไปด้วยเทพเซียนและมารปีศาจ สิ่งมีชีวิตลึกลับมากมายหลายหลาก และมนุษย์ที่สามารถบ่มเพาะพลังจนขึ้นกลายเป็นยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทาน พร้อมผงาดขึ้นสู่จุดสูงสุดแห่งผืนพิภพทั้งมวล หนทางเบื้องหน้าของเขามิได้เรียบง่ายอย่างที่คิด จำต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายเกินคณานับ สังหารทุกคนที่เข้าขัดขวาง ยอดผู้ฝึกยุทธ์พเนจรท่องโลกาท้ายุทธภพสุดขอบฟ้า จนกลายเป็นที่รู้จักในนามเทพปีศาจแห่งจักรวาล ปกครองความเป็นและความตาย แม้กระทั้งสรวงสวรรค์ยังต้องก้มกราบต่อหน้าเขา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท