บทที่ 551 ฉันจะไม่เป็นธงสีของคุณ
ฉิงฮัวเดินไปที่ข้างหน้าผนังนั้นช้าๆ เงยหัวขึ้นมองสีน้ำมันที่สาดไปทั่วนั้นและพูดว่า: “ตอนนั้น เหตุการณ์นี้ผมเห็นแก่ตาเอง”
ฉิงฮัวจัดความคิดใหม่และพูดต่อว่า : “คุณยังจำเรื่องที่คุณชายเฉิงเฉิงบินไปออสเตรเลียตอนนั้นไหม ความจริงตอนนั้นเจ้านายไม่ได้ไปสนามบินส่งเขา แต่กลับมาวาดรูปที่นี่อย่างตั้งใจ ความจริงคือตอนนั้นเจ้านายอยากจะเอารูปวาดนี้ให้คุณนั่นเอง”
กู้ฮอนจะลืมเรื่องตอนนั้นลงได้ยังไงล่ะ ตัวเองก็แอบพาหยางหยางขึ้นเครื่องบินลำนี้เหมือนกัน ตอนนั้นเธอก็แค่เกิดความรู้สึกความเป็นแม่ขึ้นมา อยากจะอยู่กับเฉิงเฉิงที่หากลับมาโดยที่ไม่มีคนนอกมารบกวนช่วงหนึ่ง
เมื่อได้ยินฉิงฮัวบอกว่าตอนนั้นเป่หมิงโม่ไม่ไปส่งลูกชายแต่กลับมาวาดภาพที่นี่เพื่อที่จะส่งภาพวาดให้ตัวเอง ทันใดนั้นหัวใจของเธอก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนั้นในใจของเขาตัวเองจะมีตำแหน่งที่สูงขนาดนี้
แต่กู้ฮอนก็ซ่อนความรู้สึกอบอุ่นของตัวเองนั้นไว้อย่างรวดเร็ว
ยังคงทำหน้าเฉยชาและถามว่า: “ถ้าเป็นผลงานที่เขาตั้งใจวาดแล้วทำไมถึงเป็นสภาพแบบนี้ล่ะ”
ฉิงฮัวถอนหายใจเฮือกหนึ่ง: “อันที่จริงแล้วภาพวาดนี้ถูกทำลายผมก็มีส่วนอยู่ในนั้นด้วย…”
กู้ฮอนตะลึง: “มีผลกับนาย?”
ฉิงฮัวพยักหน้า: “ถ้าผมไม่ได้บอกข่าวคุณชายยี่เฟิงกับคุณอยู่บนเครื่องบินลำเดียวกันให้เจ้านาย เขาก็ไม่มีทางทำแบบนี้หรอก…”
กู้ฮอนเดินไปที่ข้างหน้าผนัง อยากจะสัมผัสภาพวาดที่ถูกกาลเวลาปกคลุมไปด้วยฝุ่นเนิ่นนาน แต่เธอก็ควบคุมตัวเองไว้ได้
แค่เธอยังสังเกตเห็นบนผ้าวาดที่มีสีสันนั้นยังมีอีกหนึ่งสีที่ไม่ควรอยู่บนนั้นด้วย–รอยสีแดงเข้มที่ปนอยู่กับสีน้ำมันซึ่งแห้งผากแล้ว
“นี่คือ…” กู้ฮอนถาม
“ตอนนั้นเจ้านายโมโหมาก เป็นรอยที่ชกและเหลือไว้บนนั้น” ฉิงฮัวจ้องมองสีแดงเข้มนั้น
กู้ฮอนยืนอยู่ตรงนี้ เหมือนตัวเองย้อนกลับไปถึงตอนที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น:
เมื่อเป่หมิงโม่รู้ข่าวที่ตัวเองพาลูกไปอยู่บนเครื่องบินลำเดียวกันกับยี่เฟิง ใจของเขาโดนกระทบหนักแค่ไหน
ส่วนการกระทบนี้กลายเปลี่ยนเป็นบรรยากาศ เห็นแต่กำปั้นของเป่หมิงโม่ตีไปที่ภาพวาด จนมีเลือดกระจายออก ไหลลงมาตามผนัง ย้อมภาพจิตรกรรมฝาผนังนี้กลายเป็นสีแดง
น่าตกตะลึง…
***
“แอ๊ด…” เสียงประตูดังขึ้น เป่หมิงโม่เดินออกมาจากข้างในห้อง ดูออกได้ว่าใบหน้าอันเย็นชาของเขาไม่เหมือนกับสีหน้าตอนที่มาเมื่อกี้ เหมือนกลายเป็นว่ามีเรื่องอยู่ในใจหลายเรื่องมาก
ในมือของเขา ยังมีซองเอกสารคราฟท์สีเหลืองอีกด้วย
เมื่อเขาออกมาจากห้อง ก็เห็นภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ตัวเองสั่งคนมาปกปิดไว้แล้ว ตอนนี้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ภาพวาดนี้ไม่เห็นตั้งหลายปีแล้ว แต่ก็ยังคงดูเหมือนกับเป็นเมื่อวานอยู่
ฉิงฮัวเห็นเป่หมิงโม่ออกมาแล้ว ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เขากังวลว่าเจ้านายเห็นฉากแบบนี้แล้วจะระเบิดออกมา
แต่เหมือนจะไม่ได้เป็นอย่างที่ฉิงฮัวคิดไว้อย่างนั้น เป่หมิงโม่เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย สีหน้ายังคงเฉยชาเดินอ้อมผ่านโซฟาและไปที่ข้างหน้าของกู้ฮอน
หลังจากนั้นก็ยื่นซองเอกสารคราฟท์ในมือไปให้กู้ฮอน
ใช้น้ำเสียงอีกเช่นเคยพูดว่า: “คุณเซ็นเลย”
กู้ฮอนรับซองเอกสารมาอย่างสงสัย เปิดออกและเอาเอกสารออกมาจากข้างในชุดหนึ่ง
บนกระดาษสีขาวนั้นพิมพ์คำตัวใหญ่ๆ ว่า: สัญญายกให้ที่ดิน
ดูลงมาข้างล่าง ในช่องผู้ให้นั้น เป่หมิงโม่เซ็นชื่อของตัวเองเรียบร้อยแล้ว
แล้วมาดูที่อยู่ ซึ่งที่เขียนไว้ก็คือที่นี่
ถือสัญญานี้ไว้ กู้ฮอนโมโหจนมือที่ถือเอกสารอยู่สั่นไม่หยุดเลย เธอรู้สึกถูกอัปยศหนักมาก เหมือนกับตอนนั้นที่เธอเซ็นสัญญาคลอดลูกอย่างนั้น
กู้ฮอนบอกกับเฉิงเฉิงว่า: “ลูกพาหยางหยางไปเล่นที่ข้างนอกก่อน แม่มีเรื่องจะคุยกับคุณพ่อ”
เฉิงเฉิงก็สังเกตบรรยากาศตรงนี้ได้แล้วเหมือนกัน ตั้งแต่ที่หยางหยางดึงผ้าออก เมื่อภาพวาดนั้นปรากฏขึ้นมาก็มีการเปลี่ยนแปลง ตลอดจนการปรากฏตัวออกมาของคุณพ่อบรรยากาศที่นี่ก็ยิ่งตื่นเต้นแล้ว
เขาตอบกลับและจับมือน้อยของหยางหยางขึ้นมา: “เราไปเล่นที่ข้างนอกกันเถอะ คุณแม่กับคุณพ่อมีเรื่องจะคุย”
หยางหยางก็ไม่ได้ไม่รู้เรื่องขนาดนั้น ออกไปกับเฉิงเฉิงด้วยกันอย่างรู้ตัว
พอเห็นลูกออกไปแล้ว ใบหน้าสวยของกู้ฮอนทำหน้าเคร่งขึ้นมา สิงโตน้อยในใจของเธอโมโหแล้ว
เธอจ้องเป่หมิงโม่: “วันนี้คุณพาพวกเรามาที่นี่เพื่ออะไรหรอ คืออยากใช้ภาพวาดนี้ทำให้ฉันซึ้งใจ หรืออยากใช้บ้านหลังหนึ่งเพื่อที่จะได้ตัวฉันไป”
เมื่อได้ยินคำพูดของกู้ฮอน ในใจฉิงฮัวก็แอบตกใจเล็กน้อย ยังไม่ทันรอเป่หมิงโม่เอ่ยปาก เขารีบโบกมืออธิบายว่า: “คุณเข้าใจผิดแล้วครับ ตั้งแต่หลังจากที่เกิดเรื่องนั้นขึ้นมา เจ้านายก็สั่งให้คนใช้ผ้าปิดภาพวาดนี้ให้มิดชิดแล้ว จนถึงเมื่อกี้คุณชายน้อยหยางหยางดึงผ้าลงมาโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ จึงปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง”
กู้ฮอนเอาสัญญายกให้ที่ดินอยู่ตรงหน้าเขา: “ฉิงฮัว ไม่ต้องอธิบายให้เขาอีกแล้ว ถ้าสมมติว่าภาพวาดนั้นเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ แล้วนี่คืออะไรอีกล่ะ”
ฉิงฮัวมองแวบหนึ่งและพูดว่า: “คุณครับ ความจริงอันนี้เจ้านายก็เตรียมไว้จะให้คุณตั้งแต่ตอนนั้นแล้วเหมือนกัน”
“ฮา…ฮา…” กู้ฮอนหัวเราะแห้งๆ สองที
หันหน้าไปมองเป่หมิงโม่: “ฉันนี่ยอมคุณจริงๆ เลย อีกไม่กี่วันก็จะแต่งงานกับเฟยเอ๋อ แล้วยังจัดให้ฉันอยู่ที่นี่อีกด้วย คุณนี่วางแผนเก่งเนาะ นี่ก็คือธงแดงที่บ้านยังไม่ล้ม ธงสีข้างนอกปลิวไสวไปตามลมเลยจริงๆ คราวก่อนก็ยังมีซูยิ่งหวั่นอีกคน แต่ว่า ไม่ว่าอดีตหรืออนาคตคุณจะมีธงสีเท่าไหร่ ฉันจะบอกคุณว่า ฉันจะไม่ใช่ธงสีที่คุณซ่อนเอาไว้ ไม่มีวัน! สัญญาของคุณนี้อยากไปให้ใครเซ็นก็ไปเลยไป!”
กู้ฮอนพูดจบ ก็โยนสัญญาไปที่เป่หมิงโม่แรงๆ หันหน้าไปเดินออกไปที่ประตูเลย
***
กู้ฮอนเดินออกไปจากห้องโถงอย่างโมโห
ตอนนี้คือเวลาเที่ยง แสงแดดแรงแยงตาจนเธอมิอาจลืมตาได้
“เฉิงเฉิง หยางหยาง…” เธอเรียกชื่อของลูก
“มาแล้ว มาแล้ว…” หยางหยางวิ่งมาจากข้างหลังน้ำพุที่อยู่ตรงข้างหน้าประตูอย่างเร่งรีบ เฉิงเฉิงตามหลังเขามาอย่างใจเย็น
ไม่นานหยางหยางก็วิ่งมาถึงข้างๆ กู้ฮอนแล้ว พูดกับเธออย่างตื่นเต้นว่า : “แม่ ในน้ำพุนั้นมีปลาเยอะมากเลย เป็นลายแดงขาว วันนี้ไม่ได้เอาเบ็ดตกปลามา ไม่อย่างนั้นต้องตกได้หลายตัวและเอากลับไปกินได้แน่ๆ เลย”
ขณะนี้กู้ฮอนยังอารมณ์เสียอยู่ จ้องหยางหยางแวบหนึ่ง: “กินอะไรกิน กลับบ้าน!”
จู่ๆ หยางหยางก็ตกใจ ในใจเริ่มครุ่นคิด นี่แม่เป็นอะไรหรอ ก็แค่อยากจะตกปลา จำเป็นต้องใส่อารมณ์กับตัวเองขนาดนี้ไหม…
ยังไงแม่ก็จะไปแล้ว งั้นก็ตามไป เขารีบขึ้นไปจับมือข้างหนึ่งของกู้ฮอน เดินไปทางประตูใหญ่
ขณะนี้เฉิงเฉิงก็ตามขึ้นมาแล้วเหมือนกัน จับมืออีกข้างหนึ่งของกู้ฮอน เขาไม่ได้พูดอะไร และก็ไม่ได้ถามอะไร เขาเห็นสีหน้าแบบนี้ของแม่ ไม่ต้องถามก็รู้ว่าทะเลาะกับพ่ออีกแล้ว
ฉิงฮัวเห็นกู้ฮอนทำหน้าเคร่งพาลูกเดินไปทางประตูใหญ่ ถามเป่หมิงโม่ประโยคหนึ่งเบาๆ ว่า: “เจ้านายครับ คุณกู้พาคุณชายน้อยสองคนไปแล้ว ให้ผมไปตามพวกเขากลับมาไหม”
เป่หมิงโม่ทำหน้าเคร่งเหมือนเดิม: “ไม่ต้องตาม ขับรถไปบริษัท” พูดจบก็เดินไปที่รถที่จอดตรงหน้าประตู
หลังจากที่ฉิงฮัวตอบกลับ ก้มลงไปเก็บสัญญายกให้ที่ดินที่กู้ฮอนโยนใส่เป่หมิงโม่และกระจายเต็มพื้นขึ้นมา ใส่เข้าไปในซองเอกสารใหม่ เอาไว้กับตัวเอง
จากนั้นก็รีบเดินไปข้างหน้าเป่หมิงโม่ เปิดประตูรถออก รอเป่หมิงโม่ขึ้นไปบนรถเรียบร้อยก็ปิดประตูรถ
หลังจากที่ฉิงฮัวขับรถออกไปจากประตูใหญ่ ขับไปได้ไม่ไกลก็เห็นกู้ฮอนพาลูกสองคนเดินอยู่ข้างซ้ายของถนนอย่างเร่งรีบ
เขาลดความเร็วของรถลง เปิดกระจกรถออกมาและพูดกับกู้ฮอนว่า: “คุณครับ ตอนนี้ข้างนอกร้อนมากเลย ยังมีอีกระยะหนึ่งจึงจะถึงในเมือง ขึ้นรถให้ผมไปส่งนะ”
กู้ฮอนมองฉิงฮัวแวบหนึ่ง แต่เท้าก็ไม่ได้หยุดลง: “ไม่ต้องส่งพวกเราหรอก คุณขับรถพาเจ้านายคุณไปหาธงสีของเขาไปเลย”
ฉิงฮัวมองเป่หมิงโม่ผ่านกระจกมองหลังอย่างอึดอัดใจเล็กน้อย เห็นแค่เขาหลับตาพิงอยู่บนเบาะ เหมือนจะกำลังพักผ่อนอยู่
หมดหนทางแล้ว เจ้านายไม่สั่งจอดรถ ตัวเองก็ไม่กล้าจอดเองเหมือนกัน
ความจริงเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องในบ้านของเจ้านาย เป็นลูกน้องคนหนึ่งก็ไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งเกี่ยวด้วย
ฉิงฮัวได้แต่บอกกับกู้ฮอนว่า: “งั้นเราไปก่อนนะครับ ในระหว่างทางที่พาคุณชายน้อยกลับไปคุณก็ระวังด้วยนะครับ”
พูดจบ ฉิงฮัวเหยียบคันเร่ง รถหายไปที่ปลายถนนอย่างรวดเร็ว
ดูรถค่อยๆ ห่างหายไป หยางหยางมองถนนข้างหน้าที่ไม่มีที่สิ้นสุด และเมืองที่เต็มไปด้วยตึกอาคารสูงๆ ที่อยู่ไกลๆ เขาเหนื่อยจนแทบจะเดินไม่ไว้แล้ว: “แม่ ทำไมไม่ให้คุณลุงพาเรากลับไปละครับ ยังมีเส้นทางอีกตั้งยาวไกล แล้วเราจะเดินหมดตอนไหนละครับ…”
กู้ฮอนมองหยางหยางแวบหนึ่ง: “ถ้าเธอกลัวเหนื่อย เธอก็ไปตามรถกลับมา ให้พวกเขามาพาเธอกลับไปเลย”
“…” หยางหยางเบะปากจากนั้นก็เงียบไปแล้ว
พอเดินไปได้ระยะหนึ่ง กู้ฮอนก็อารมณ์เย็นลงมาบ้างแล้ว เธอก้มหัวดูลูกชายสองคนที่จับในมืออยู่ รู้สึกว่าเหมือนเมื่อกี้ตัวเองจะดุไปหรือเปล่า
เธอหยุดฝีเท้าลง ก้มลงมาดูลูกสองคน: “เบบี๋ขอโทษนะ เมื่อกี้แม่กำลังโกรธอยู่อ่ะ พวกเธอตกใจไหมนะ”
***
เฉิงเฉิงส่ายหัว: “แม่ครับ ความจริงพ่อก็ไม่ได้เป็นอย่างที่แม่คิดเลยนะ ย่าป่วยแล้ว บ้านของท่านก็ถูกไฟเผาจนพังแล้วด้วย ไม่แปลกที่พ่อจะอารมณ์ไม่ดี แม่ก็อย่าโกรธพ่อเลยนะ”
กู้ฮอนลูบหัวของเฉิงเฉิงเบาๆ: “เบบี๋ไม่ต้องเป็นห่วงพ่อกับแม่นะ เรื่องของเราเราจะจัดการเอง”
หยางหยางตบหน้าอกของตัวเอง: “แม่ไม่ต้องห่วงเลย ไม่ว่าพ่อจะแกล้งแม่ยังไง ผมก็จะอยู่ฝั่งเดียวกับแม่เสมอ”
พอพูดถึงตรงนี้ เขาก็ทำหน้าเหนื่อยล้าอีกครั้ง: “แม่ครับ แต่ว่าตอนนี้ผมใกล้จะเดินไม่ไว้แล้วจริงๆ…”
กู้ฮอนยิ้มและใช้นิ้วมือสัมผัสจมูกน้อยของหยางหยาง: “แม่ว่าแล้วว่าเบื้องหลังคำพูดหวานๆ ของเธอนั้นซ่อนแผนเล็กๆ ไว้อยู่ ก็ได้ รู้แล้วว่าลูกเดินไม่ไว้แล้ว แม่จะแบกลูกเองนะ”
พูดจบเธอก็หันหลังให้หยางหยาง: “รีบขึ้นมาเลย”
หยางหยางยิ้มใหญ่เลย ร่างน้อยๆ กระโดดขึ้นไปหลังของกู้ฮอน
แบกหยางหยางขึ้นมา กู้ฮอนจับมือน้อยๆ ของเฉิงเฉิง และมองเขา: “แม่แบกหยางหยางแปบหนึ่งนะ เดี๋ยวมาเปลี่ยนเป็นลูกอีก”
เฉิงเฉิงส่ายหัว: “แม่ครับ ผมไม่เหนื่อย”
ภายใต้แสงแดดตอนเที่ยง ทางหลวงคดเคี้ยวสายหนึ่งอยู่ระหว่างภูเขาผ่านสู่ใต้ภูเขา บนทางหลวงมีคนเล็กและคนใหญ่สองคนเดินอยู่
ต้นไม้เขียวชอุ่มริมถนนถูกลมพัดจนส่งเสียงซ่าๆ ออกมา บางครั้งในที่ร่มบางที่ก็อาจจะนำพาความร่มเย็นมาให้กับพวกเขา
ทันใดนั้น มีรถบ้านสีขาวคันหนึ่งขับลงมาจากบนภูเขา
หลังจากที่วิ่งผ่านกู้ฮอนไปด้วยความเร็วสูง ลดความเร็วลง สุดท้ายจอดตรงที่ห่างกับพวกเขาสองร้อยเมตร
ประตูรถเปิดออกมา กันสาดก็กางออกมาตามด้วย
มีผู้ชายคนหนึ่งเดินลงมาจากในรถอย่างสง่า
เขา รูปร่างตัวTตรงมาตรฐานและขาเรียวยาวคู่นั้นน่าดึงดูดมากเลย ชุดสูทพอดีตัวนั้นทำให้ขาดูยิ่งแพงหรูสง่ากว่าเดิม