บทที่ 564 ความสนใจของผู้คน
โดยที่เป่หมิงโม่ยังไม่ทันลงจากรถ ก็มีรถเก๋งสีดำคันหนึ่งขับตามมาจอดไว้ แล้วมีชายร่างสูงห้าคนสวมชุดสูทสีดำและใส่แว่นดำลงมาจากรถ จากนั้นรีบเคลียร์เส้นทางจากประตูรถยนต์ไปที่ประตูการแสดงนั้น
ถึงแม้บอดี้การ์ดจะเปิดทางไว้แล้ว แต่ก็ยังคงมีเหล่านักข่าวไล่ตามมาจากหน้าประตูโรงเรียนถึงที่นี่
หลังจากทุกอย่างพร้อมแล้ว ฉิงฮัวถึงลงจากรถแล้วเปิดประตูให้เป่หมิงโม่
เมื่อเหล่านักข่าวและสื่อต่าง ๆ เห็นประตูเปิดออก ทุกคนก็ยิ่งวุ่ยวานกับการหยิบกล้องออกมาถ่ายไว้
เป่หมิงโม่ลงจากรถอย่างมีสง่า ด้วยรูปร่างที่สูงยาวแข็งแรง สวมชุดสูทที่สั่งตัดพิเศษจากประเทศอิตาลีพร้อมกับแว่นกันแดดสีดำที่สวมใส่บนใบหน้าอันหล่อเหลานั้น ทำให้เขาดูดีอย่างไม่มีใครเทียบได้
คนที่ลงรถตามเขามาก็คือกู้ฮอน เธอสวมชุดกระโปรงยาวสวยงาม ด้วยรูปร่างตัวเอสของเธอ และใบหน้าที่น่ารักสวยงามเป็นที่ดึงดูดของผู้คน
เป่หมิงโม่หันกลับไปยื่นมือให้กู้ฮอนจับไว้ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ เขาทั้งสองจุงมือกันค่อย ๆ เดินเข้าไปในงาน
ซึ่งภาพนี้ของเขาทั้งสองยิ่งทำให้เหล่านักข่าวรายล้อมเข้ามา
เพราะทุกคนยังจำคดีที่เป็นข่าวดังที่สุดในเมือง A ได้
บ้าไปแล้ว นี่มันเรื่องอะไรของตระกูลเป่หมิงเนี่ย คนสองคนที่ไม่ถูกกันที่สุดกลับนั่งรถมาด้วยกัน แถมยังจุงมือด้วย……
ในโลกนี้มันช่างไม่มีอะไรที่แน่นอนเลยจริง ๆ ไม่มีเพื่อนชั่วนิรันดร์ แต่ก็ไม่มีศัตรูชั่วนิรันดร์เหมือนกัน
ข่าวฮอตขนาดนี้จะปล่อยให้มันผ่านไปง่าย ๆ ได้ไงกัน ดังนั้นนักข่าวทุกคนจึงต้องแย่งกันทำข่าวนี้เพื่อจะได้เป็นข่าวหน้าหนึ่งของทุก ๆ สื่อ ทุกคนพยายามยกไมโครโฟนและกล้องถ่ายรูปให้เข้าใกล้เขามากที่สุด และพยายามเบียดเข้าใกล้เพื่อยิงคำถามพวกเขา
“คุณชายเป่หมิงคะ สาวคนนี้ใช่คนที่เป็นคดีกับคุณในปีนั้นใช่ไหมคะ วันนี้ที่พวกคุณมาด้วยกัน ใช่หรือเปล่าว่าปัญหาเก่าของพวกคุณได้เคลียร์กันแล้วคะ”
“คุณชายเป่หมิงครับ จำได้ว่างานหมั้นครั้งก่อนของคุณกับเฟยเอ๋อถูกยกเลิกกระทันหันกลางงานเลย แล้วช่วงนี้ที่มีข่าวว่าคุณจะจัดงานแต่งขึ้น ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงที่มากับคุณวันนี้เป็นผู้หญิงที่คุณจะแต่งงานด้วยไหมครับ”
“คุณชายเป่หมิงคะ ได้ข่าวว่าคุณหนูของคุณทั้งสองคนเข้าเรียนที่โรงเรียนนี้ใช่ไหมคะ แล้วคุณหนูยังได้รับรางวัลชนะเลิศ ‘Billodis’ การประกวดจิตรกรรมนานาชาติใช่ไหมคะ แล้ววันนี้ที่คุณชายให้เกียรติมาร่วมงานนี้ แสดงว่าคุณหนูจะร่วมการแสดงด้วยใช่ไหมคะ”
“คุณชายเป่หมิงครับ คุณตื่นเต้นมากแค่ไหนที่คุณหนูน้อยได้ขึ้นเวทีการแสดงครั้งแรกในชีวิตของเขาครับ”
คำถามมากมายที่ดังขึ้นในหูของเขา แต่เขาไม่ได้ตอบกลับอย่างไร ได้แต่จุงมือกู้ฮอนแล้วค่อย ๆ เดินเข้าไปในฮอลล์การจัดงานแสดง
โลกแห่งความจริงที่คนบางคนไม่อยากดังเป็นข่าวหน้าหนึ่ง แต่ก็ห้ามมันไม่ได้ ส่วนคนอีกแบบที่เขาตะเกียกตะกายอยากดังในข่าวหน้าหนึ่ง แต่ก็ทำไม่ได้
***
เมื่อเขาทั้งสองเดินเข้าไปในฮอลล์การแสดงนั้น บอดี้การ์ดทั้งหมดก็ได้เฝ้าอยู่หน้าประตู เพื่อไม่ให้เหล่านักข่าวตามเข้าไปรบกวนแม้แต่คนเดียว
ส่วนฉิงฮัวได้ฉวยโอกาสพาเฉิงเฉิงกับหยางหยางเข้าไปหลังเวทีในตอนที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจกับเจ้านายเขาอยู่
ถึงแม้จะเป็นฮอลล์เล็ก ๆ แต่ก็สามารถบรรจุคนได้มากกว่าหกพันคน
บรรยากาศในฮอลล์นั้นเปิดเพลงเบา ๆ ไว้ ทำให้ทุกคนที่เข้ามารู้สึกสบายหูไปด้วย
สองนาทีก่อนจะเริ่มการแสดง ณ เวลานี้แทบจะไม่มีที่นั่งว่างอยู่แล้ว ผู้ชมในฮอลล์นั้นเต็มไปด้วยนักเรียนของโรงเรียนและผู้ปกครองของเหล่านักเรียน
เมื่อเป่หมิงโม่จุงมือกู้ฮอนเดินเข้าในฮอลล์ ทุกคนข้างในนั้นก็เงียบลงอย่างกระทันหัน
ไม่มีใครที่ไม่รู้จักชื่อของเป่หมิงโม่คนนี้แล้ว แต่โอกาสน้อยมากที่คนทั่วไปจะได้เห็นตัวจริงของเขา ซึ่งโอกาสที่หายากเช่นนี้ ทุกคนต่างก็รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้เห็นตัวจริง
กู้ฮอนรีบดึงมือออกจากเขา เพราะเธอไม่ชอบแสดงความสนิทสนมกับเป่หมิงโม่ต่อหน้าผู้คน อีกอย่าง หลังจากคืนนี้เขาทั้งสองก็ต่างคนต่างไปแล้ว
“ฮ่า ๆ ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของคุณเป่หมิงโม่มาเยอะแล้ว ตัวจริงดูดีสมคําร่ำลือเลยจริง ๆ คุณดูสิ แทบจะไม่มีที่นั่งให้คุณแล้ว ถ้าไม่รังเกียจ เชิญนั่งที่นั่งของผมเลยครับ”
กู้ฮอนเหลือบมองคนนั้น จะดีเหรอ ชายอ้วนเตี้ยคนหนึ่งเดินออกจากที่นั่งตัวเองเพื่อตั้งใจเดินมาหาเป่หมิงโม่ เขาแต่งตัวเวอร์วังและมีรอยยิ้มฟันสีทอง แล้วกำลังยืนพูดกับพวกเขาจากด้านหลัง
กู้ฮอนมองแล้วรู้สึกประหลาดใจ และได้แต่แสดงสีหน้าปฏิเสธเขา
แน่นอนว่าเป่หมิงโม่ไม่ได้สนใจใครหน้าไหนอยู่แล้ว เขาได้แต่เดินไปข้างหน้าอย่างมีสง่า
ในเวลานี้ ครูใหญ่และครูหลี่ที่พยายามเดินตามเป่หมิงโม่ก็ตามทันจนได้ เขาทั้งสองหายใจอย่างรวดเร็ว แล้วพูดด้วยความรู้สึกผิด “ท่านประธานเป่หมิงครับ ผมไม่ทราบเลยว่าท่านจะสระเวลามาเยือนโรงเรียนของเราแบบนี้ ต้องขออภัยด้วยนะครับที่ไม่ได้จัดเตรียมที่นั่งพิเศษให้กับท่าน แต่ยังไงก็ขอรบกวนท่านเชิญนั่งแถวแรกเลยนะครับ เชิญทางนี้ครับ”
ความจริงแล้วที่นั่งแถวแรกนั้นตั้งใจจัดเตรียมไว้สำหรับแขกวีไอพีและคณะผู้บริหารโรงเรียนเท่านั้น
เมื่อครูใหญ่พาเป่หมิงโม่เดินไปถึงที่นั่งแถวแรกนั้น ก็ได้เห็นผู้หลักผู้ใหญ่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและคณบดีนั่งอยู่
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นเป่หมิงโม่เดินเข้ามา ทุกคนต่างก็ลุกขึ้นเพื่อสละที่นั่งให้พวกเขาด้วยความเกรงใจ
สุดท้ายแล้วเป่หมิงโม่ก็เลือกที่นั่งของครูใหญ่ในโรงเรียนแล้วนั่งลงอย่างไม่เกรงใจใคร ส่วนกู้ฮอนก็ถือว่าได้โอกาสที่ดี เธอเลือกที่นั่งมุมสุดในแถวแรกนั้นแล้วนั่งลงไป
ครูใหญ่ที่เอาใจใส่เขาก็ได้นั่งลงที่นั่งด้านขวาของเป่หมิงโม่
ณ ขณะนั้น ฉิงฮัวที่เพิ่งเดินออกจากหลังเวทีก็มองเห็นเจ้านายแล้ว
เขาจึงรีบเดินเข้ามากระซิบกับเป่หมิงโม่ “นายท่านครับ คุณหนูทั้งสองผมได้พาไปเตรียมตัวด้านหลังเวทีอย่างปลอดภัยแล้วนะครับ นายท่านสบายใจได้เลยนะครับ”
เป่หมิงโม่พยักหน้าเล็กน้อย “นายไปหาที่นั่งก่อน”
เมื่อผู้หลักผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างเป่หมิงโม่ได้ยิน เขาก็รีบลุกขึ้นสละที่นั่งให้ฉิงฮัวนั่ง
แต่ฉิงฮัวกลับปฏิเสธพวกเขา สงสัญญาณให้พวกเขานั่งลงที่เดิม จากนั้นก็คุยกับเป่หมิงโม่ต่อ “นายท่านครับ ผมไปด้านหลังเวทีดีกว่า เผื่อมีอะไรเกิดขึ้นผมจะช่วยได้ทันครับ”
“อืม ทำตามนั้นเลย” เป่หมิงโม่เห็นด้วยเขากับ
ณ เวลาเก้าโมงเช้า การแสดงศิลปะของโรงเรียนคุณหนูอันดับหนึ่งของเมือง A ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
เสียงดนตรีในฮอลล์นั้นค่อย ๆ เบาลง ตามด้วยไฟในฮอลล์ค่อย ๆ หรี่ลง จนกว่าไฟทั้งห้องค่อย ๆ มืดไป
บรรยากาศในฮอลล์เงียบสงบมาก
***
ในขณะที่ผู้ชมมองซ้ายมองขวายังไม่ทันตั้งตัว
ทันใดนั้น มีเสียงฟ้าร้องดังสนั่นขึ้นจนทำให้ทุกคนต้องตกใจ ตามด้วยแสงสีขาวส่องผ่านเวที แสงสีขาวนั้นเป็นดั่งสายฟ้าที่ส่องสว่างในยามค่ำคืน
เมื่อเสียงฟ้าร้องนั้นดังขึ้น เวทีเริ่มเต็มไปด้วยควันสีขาว
มองผ่านควันสีขาวนั้น สามารถเห็นคนที่สวมชุดสีเมทัลลิกสีทองเทาเต็มตัว และมีหน้ากากสีขาวบนใบหน้าค่อย ๆ ลอยขึ้นจากกลางเวที
เมื่อเขายืนอยู่กลางเวทีนั้นแล้ว เสียงและแสงฟ้าผ่านั้นก็ได้หายไป
จากนั้นสองมุมของเวทีนั้นมีแสงสีเขียวส่องสว่างมายังตัวคนนั้นที่ยืนอยู่กลางเวที
ตามด้วยเสียงดนตรีค่อย ๆ ดังขึ้น ทันใดทันก็มีแสงสีเขียวส่องสว่างขึ้นจากพื้นที่เขายืนอยู่
เขายื่นมือออกไปและกดแสงสีเขียวนั้นลงพื้นด้วยความแรง
จากนั้นแสงสีเขียวก็ส่องขึ้นมาอีกครั้งจากด้านหลัง เขาจึงรีบหันหลังแล้วกดแสงนั้นลงพื้นอีกครั้ง
เสียงดนตรีค่อย ๆ ดังและเร็วขึ้น ท่าทางของนักแสดงคนนั้นกับแสงสีเขียวก็เร็วขึ้นเรื่อย ๆ
ลำแสงสีเขียวนี้เหมือนเชื่อฟังมาก มันได้กลายเป็นรูปร่างแล้วอยู่ในมือของนักแสดงคนนั้น
นักแสดงคนนั้นจึงดังมันออกจนกลายเป็นกล่องสีเขียว จากนั้นเขาก็เข้าไปในกล่องสีเขียวนั้น
แสงสีเขียวนั้นหมุนไปมา บางทีหายไป บางทีก็กลายเป็นสองส่วน และบางทีก็กลายเป็นกระบองยาวท่อนหนึ่ง นักแสดงคนนั้นหยิบมันขึ้นมาแล้วควงกระบองไฟสีเขียวนั้นอย่างสนุกสนาน
นี่คือการแสดงระหว่างคนกับแสงไฟ
กู้ฮอนก็เหมือนผู้ชมทั่วไปกำลังชมการแสดงอย่างเมามัน
นักแสดงคนนั้นเหมือนได้พาพวกเขาจากมิติหนึ่งไปยังอีกมิติหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น
ผู้ชมหลาย ๆ คนเต้นตามจังหวะเพลงกับนักแสดงคนนั้นอย่างไม่รู้ตัว
การแสดงที่สนุกสนานแบบนี้มันช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน
เมื่อเพลงค่อย ๆ จบลง แสงและนักแสดงคนนั้นก็ได้หายไปจากกลางเวทีอย่างพริบตา
ไฟในห้องนั้นก็ได้ส่องสว่างอีกครั้งเมื่อนักแสดงคนนั้นหายไป จึงเรียกเสียงปรบมือดังสนั่นจากท่านผู้ชมทั้งฮอลล์
ต่างก็พากันชื่นชมกับการแสดงเปิดพิธีนี้อย่างสนุกสนาน
กู้ฮอนหันไปมองเป่หมิงโม่ที่นั่งห่างอยู่หลายที่นั่ง เห็นเขานั่งไขว้ขาเอนตัวพิงกับเก้าอี้ สองมือวางไว้บนหน้าตัก ด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์และสวมใส่แว่นตาดำไว้อย่างเฉยเมย
เธอได้แต่คิดในใจ นี่กำลังดูการแสดงอยู่นะ จำเป็นต้องเก๊กขนาดนั้นไหม ถ้าเอาถ้วยไปวางไว้ข้างหน้า สงสัยคนเดินผ่านไปมาคงทิ้งเศษเหรียญให้
ที่นั่งแถวแรกของแขกวีไอพีจะมีเมนูรายการที่สวยหรูวางไว้ทุกที่นั่ง และยังมีน้ำชาที่ดีที่สุดวางไว้ ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นชาเหมาเจิ้นหรือชาหลงจิ่ง
กู้ฮอนทนดูความหล่อของไอ้เป่หมิงเอ้อไม่ได้ไหวแล้ว เธอจึงยื่นมือไปหยิบรายการมาดู
โอ้โห รายการไม่น้อยเหมือนกันนะ เป็นตัวเลขสองหลักเลย ส่วนคิวการแสดงของลูก ๆ จะอยู่สองรายการสุดท้ายเลย สงสัยของดีจะเก็บไว้ทีหลังแน่ ๆ ……
กู้ฮอนคิดแล้วรู้สึกเหงื่อแตกเลย จากนั้นเงยหน้าแล้วชมการแสดงต่อ
บนเวทีนั้นมีหงส์ตัวน้อยสี่ตัว ซึ่งกำลังกระโดด เขย่ง งอตัว วิ่ง หมุน……
ดูจากท่าทางที่ดูนุ่มนวลและคล่องแคล่วแบบนี้ คงต้องใช้ความพยายามหลายปีที่จะฝึกฝนจนมีฝีมือแบบนี้ได้แน่นอน
การแสดงนั้นสนุกสนานทุกรายการ และทุกรายการที่แสดงต่อจะสนุกขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อย้อนคิด‘เหตุการณ์สำคัญ’ของการซ้อมใหญ่เมื่อวาน กู้ฮอนได้แต่ถอนหายใจ
หยางหยางเอ๋ย นอกจากปาฏิหาริย์คงไม่มีใครช่วยลูกได้อีกแล้ว ลูกต้องเอาตัวรอดให้ได้นะ
***
หลังเวทีนั้น นักแสดงตัวเล็กทุกคนก็มากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว บางคงยังคงตื่นเต้นและเอาบทออกมาอ่านอีกรอบก่อนขึ้นเวที
บางคนก็ซ้อมท่าการแสดงเพื่อจะให้การแสดงของตัวเองดูธรรมชาติที่สุด
เสียงดนตรีการแสดงและเสียงปรบมือของผู้ชมด้านหน้าเวทีทำให้เด็ก ๆ หลายคนที่กำลังจะขึ้นไปแสดงบนเวทีครั้งแรกต้องรู้สึกตื่นเต้นมาก
เมื่อเทียบกับพวกเขา ก็ยังมีเด็ก ๆ บางคนที่ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นมากนัก
คนแรกคือเฉิงเฉิงที่นั่งเล่นแท็บเล็ตอยู่บนกล่องเครื่องเสียง ส่วนอีกคนคือหยางหยางพระเอกของละครเรื่องนี้นี่เอง
สองมือของเขาล้วงกระเป๋ากางเกงไว้ ไขว้ขาแล้วนั่งอยู่บนกล่องเก็บเครื่องเสียง ด้วยทาทีที่ผ่อนคลายมาก
แต่เขาไม่เหมือนเฉิงเฉิง สองตาใสซื่อของเขาจ้องมองปุ่มสีแดงที่อยู่บนฝาผนังตรงข้าม