บทที่ 563 ลูกเล่นของหยางหยาง
น้ำเสียงเริ่มอ่อนลง “เด็กชายกู้หยางหยาง เมื่อกี้ที่ครูอารมณ์เสียใส่เธอ ทำให้เธอรู้สึกตกใจไหม ความจริงแล้วครูก็เหมือนเธอนะ ครูก็ตื่นเต้นเหมือนกัน บางทีอาจจะตื่นเต้นกว่าเธอด้วยซ้ำ”
หยางหยางเงยหน้ามองครูหลี่อย่างสับสน “คุณครูครับ ครูรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าผมเหรอครับ”
ครูหลี่พยักหน้า “นี่เป็นละครเรื่องแรกของครูที่ต้องเป็นผู้กำกับตั้งแต่ย้ายเข้ามาโรงเรียนนี้เลยนะ ครูก็เหมือนเธอ เป็นละครเวทีเรื่องแรกที่ต้องแสดง ฉะนั้น เรามาสู้ด้วยกันดีไหม”
เมื่อได้ฟังคำพูดจากครูหลี่ หยางหยางก็พยักหน้าเล็กน้อย
เมื่อหยางหยางตอบกลับแล้ว ครูหลี่ก็ยืนตัวตรงอีกครั้ง “ถ้างั้น วันนี้ก็พอแค่นี้ก่อนนะ เด็กชายกู้หยางหยาง เด็กหญิงจ้าวจิ้งอี๋ เธอสองคนกลับบ้านต้องพักผ่อนดี ๆ นะ พรุ่งนี้จะได้แสดงอย่างเต็มที่”
กู้ฮอนเดินขึ้นบนเวทีด้วยท่าทีที่รู้สึกผิดมาก “ต้องขออภัยด้วยนะคะคุณครูหลี่ ที่หยางหยางทำให้ครูต้องปวดหัวกับการแสดงนี้ ในฐานะที่เป็นผู้ปกครองต้องขอโทษคุณครูจริง ๆ นะคะ”
ครูหลี่ยิ้มอย่างขมขื่นและยกมือปฏิเสธอย่างเกรงใจ “คุณกู้ ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นหรอกค่ะ ก็เหมือนที่ครูพูดกับหยางหยางเมื่อกี้นี้ เราต่างก็เป็นมือใหม่กับการแสดงละครเด็กนี้ ครูคิดว่าครั้งหน้าเราคงจะมีประสบการณ์มากกว่านี้แน่นอน”
แน่นอนว่ากู้ฮอนฟังออก คำว่า‘ประสบการณ์’ที่ครูหลี่พูดนั้นมันหมายถึงอะไร เธอได้แต่ยิ้มอย่างทำตัวไม่ถูก
จ้าวจิ้งอี๋กลับไม่ได้คิดในแง่ลบ เธอดึงมือหยางหยางมาแล้วพูด “หยางหยาง ไม่ต้องห่วงนะ ยังไงเธอก็เป็นคนที่เก่งที่สุดในใจฉัน สู้ ๆ ”
บรรยากาศในรถแท็กซี่ระหว่างทางกลับบ้านของหยินปู้ฝันนั้นเงียบเป็นพิเศษ คนขับแท็กซี่พยายามมองสองแม่ลูกจากกระจกหลังนั้นแล้วเห็นทั้งสองได้แต่นั่งก้มหัวอยู่เงียบ ๆ ไม่พูดอะไร และได้แสดงออกถึงความเย็นชาในรถนั้น เย็นจนคนขับรู้สึกหนาวไปเลย
“ติ๊งต่อง……”
เสียงกริ่งของบ้านหยินปู้ฝันได้ดังขึ้น
ครั้งนี้หยินปู้ฝันวิ่งไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว เมื่อเปิดประตูออกหยินปู้ฝันยิ้มหน้าบานแล้วตะโกนพูดขึ้นว่า “ยินดีต้อนรับดาราน้อยกลับบ้านหลังเล็ก ๆ ของผมครับ”
เมื่อพูดเสร็จ เขาก็เห็นสีหน้าของสองแม่ลูกเย็นชาเหมือนน้ำแข็งขั่วโลก ทั้งสองก้มหัวแล้วเดินเข้าบ้านโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ
ซึ่งมันก็ทำให้รอยยิ้มที่เบิกบานบนใบหน้าของหยินปู้ฝันหายไปอย่างรวดเร็ว
เฉิงเฉิงรีบออกมาจากห้องอ่านหนังสือแล้วเห็นสีหน้าของกู้ฮอนก็รู้ในใจแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาได้แต่ถอนหายใจแล้วส่ายหัวไปมา
เขาเดินไปหากู้ฮอนแล้วยื่นมือไปจับชายเสื้อของเธอไว้ “คุณแม่ครับ อย่าเสียใจไปเลย ผลลัพธ์แบบนี้แม่รู้ตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอครับ”
มันเป็นการปลุกให้ตื่นจากความฝันจริง ๆ กู้ฮอนจึงรีบดึงสติกลับมา เพราะแน่นอนว่าหยางหยางไม่ได้ชอบการแสดงแบบนี้ และครั้งนี้ผลลัพธ์มันก็ไม่เหมือนที่หยางหยางตั้งไว้ด้วยความมั่นใจ บางทีวันนี้เขาคงได้รับบทเรียนอะไรบางอย่างไปแล้ว
ความล้มเหลวแบบนี้สำหรับหยางหยางแล้ว ถ้าคิดในแง่บวกมันควรเป็นสิ่งที่ดีมากกว่า
เพื่อที่จะทำลายความรู้สึกที่ทำตัวลำบากนี้ หยินปู้ฝันจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “ดูสิทุกคน คืนนี้ผมเตรียมอะไรไว้”
เมื่อพูดเสร็จเขาก็รีบนำอาหารที่เตรียมไว้ออกมาจากห้องครัว เดิมทีตั้งใจเตรียมอาหารชุดใหญ่ไว้เพื่อจะฉลองการซ้อมละครใหญ่ที่ราบรื่นของหยางหยาง
แต่ดูเหมือนว่า อาหารชุดใหญ่ที่เตรียมไว้ให้มันกลายเป็นมื้อเย็นที่เลี้ยงปลอบใจมากกว่า
หน้าโต๊ะอาหารนั้น
หยางหยางดูเหมือนว่าได้รับการกระทบจิตใจบางอย่างในวันนี้ เขานั่งอยู่บนเก้าอี้จ้องมองอาหารจานโปรดของเขาแต่ไม่ได้รู้สึกอยากกินแล้ว
กู้ฮอนก็ไม่ต่างกัน
หยินปู้ฝันและเฉิงเฉิงมองดูพวกเขา แล้วต่างส่งสายตากัน จากนั้นได้แต่ก้มหน้าแล้วกินเป็นพิธี
***
คืนวันนั้น กู้ฮอนพาลูก ๆ กลับบ้านตัวเอง
เธอนอนอยู่บนเตียงแล้วได้รับข้อความสองข้อความ
ข้อความที่ 1
หยินปู้ฝัน : ฮอนฮอน พรุ่งนี้ผมมีคดีความสำคัญคดีหนึ่งต้องไปจัดการ ผมคงไปดูการแสดงของเฉิงเฉิงและหยางหยางไม่ได้แล้ว โทษทีนะ
ข้อความที่ 2
เป่หมิงโม่ : ฮอน วันนี้บริษัทผมยุ่ง ๆ หน่อย พรุ่งนี้เป็นงานแสดงของลูก ๆ ยังไงผมจะไปรับพรุ่งนี้เช้านะ
เมื่อปิดโทรศัพท์ลง เธอก็นึกถึงภาพการแสดงของหยางหยางในวันพรุ่งนี้ แล้วย้อนคิดการซ้อมการแสดงในวันนี้……
กู้ฮอนรู้สึกใจไม่ดีเลย
สภาพของหยางหยางตอนนี้กลายเป็นคนกระวนกระวายไปแล้ว เขาแสดงสีหน้าที่หดหู่ แล้วเดินไปมาในห้องนอนของเขาและเฉิงเฉิง
เฉิงเฉิงนั่งอยู่บนเตียงเล็ก ๆ ของเขา ถือแท็บเล็ตไว้ในมือ
“เป่หมิงซีหยาง นายอย่าเดินไปมารบกวนสายตาข้าได้ไหม สองสามวันก่อนหน้านั้นนายยังเล่นอย่างสนุกสนานได้เลย ทำไมวันนี้รู้สึกตื่นเต้นแล้วเหรอ”
หยางหยางไม่ได้สนใจอะไร แล้วยังคงเดินไปมาอย่างต่อเนื่อง……
“ใช่แล้ว” หยางหยางเหมือนคิดอะไรออก เขากระโดดขึ้นบนเตียงของเฉิงเฉิงอย่างมีความสุข “นี่ หรือว่านายแสดงเป็นพระเอกแทนข้าหน่อย เดี๋ยวข้าไปแสดงคนขายหนังสือพิมพ์แทนนายเอง”
เฉิงเฉิงหันหนีไป “ข้าไม่แสดงพระเอกแทนนายหรอก ถึงแม้บทมันจะท่องง่ายก็ตามเถอะ ข้าไม่อยากเห็นสีหน้าของจ้าวจิ้งอี๋ในการแสดงแบบนั้น……” เมื่อพูดถึงตรงนี้ ร่างกายของเขารู้สึกเกร็ง ๆ แล้วขนลุกขึ้นมา
สีหน้าของหยางหยางกลับมาเครียดอีกครั้ง แล้วมือน้อย ๆ นั้นยังไม่หยุดเกาหัว “แล้วทำได้ดีเนี้ย……”
เมื่อคิดไปสักพัก เขาก็เริ่มรื้อของในตู้ ทำให้ห้องนั้นยุ่งเหยิงไปหมด เฉิงเฉิงขมวดคิ้ว “นายคิดอะไรได้อีก”
ผ่านไปครู่หนึ่งเขาหยิบ iPod ออกมาจากตู้ “นี่ไง นี่แหล่ะ เดี๋ยวข้าจะอัดเสียงทั้งหมดไว้ ถึงเวลาถ้าข้าลืมบทแล้วช่วยเปิดมันทีนะ”
เฉิงเฉิงหรี่ตาแล้วมองเขาไว้ “ต่อให้อัดเสียงบทพูดไว้ก็ไม่มีประโยชน์หรอก นายอย่าเสียเวลาไปเลย”
หยางหยางมองเฉิงเฉิง “ทำไม”
เฉิงเฉิงวางแท็บเล็ตลง “บทพูดของนายกับจ้าวจิ้งอี๋ไม่เหมือนกันนะ ถ้านายอัดเสียงของนายไปแล้วจะหยุดช่วงไหน หรือจะเปิดช่วงไหน นายไม่รู้หรอก อีกอย่างคนดูตั้งมากมายกำลังมองนายอยู่ เขาจับผิดได้แน่นอน”
หยางหยางนั่งลงกับพื้นแล้วโยน iPod ออกไปด้วยสีหน้าที่ยังคงเคร่งเครียดอยู่
หลังจากนั้นไม่นาน เขาลุกขึ้นแล้วรีบวิ่งไปห้องนอนกู้ฮอน
เมื่อถึงหน้าห้อง มือเล็ก ๆ นั้นกุมที่ท้องไว้แล้วแสดงสีหน้าที่รู้สึกเจ็บปวด ใช้ไหล่ค่อย ๆ ดันประตูห้องออก “คุณแม่ครับ ผมปวดท้องมากเลย ผมต้องป่วยแน่ ๆ คุณแม่ช่วยลากับครูหลี่หน่อยสิครับ พรุ่งนี้ผมคงไปแสดงไม่ได้แล้ว น่าเสียดายจริง ๆ ……”
กู้ฮอนจ้องหน้าเขาอย่างจริงจัง และไม่ได้ตั้งใจจะดูอาการเขา “ปวดท้องงั้นเหรอ มันก็แค่หิวข้าว อย่าคิดจะมาไม้นี้แล้วไม่ยอมไปแสดงในวันพรุ่งนี้นะ ลูกหาเรื่องให้ตัวเองนะ ถ้าไม่ได้รับบทเรียนแบบนี้แล้วจะเติบโตได้ไงล่ะ”
เมื่อหยางหยางรู้ว่าแผนแตกแล้ว เขาก็ไม่แกล้งปวดท้องอีก แต่ก็ยังยืนมองหน้ากู้ฮอนไว้ไม่ไปไหน
“ว่าไง แผนแตกแล้ว ยังยืนอยู่ที่นี่ทำไม”
หยางหยางเหมือนลูกหมาน้อยค่อย ๆ ปีนขึ้นบนเตียงแล้วเกาะขาแม่ไว้ “คุณแม่ครับ ผมหิวแล้ว……”
เมื่อเห็นสีหน้าของหยางหยางแบบนี้ กู้ฮอนไม่รู้จะด่าหรือจะกอดดี แต่ก็คงทนดูลูกชายหิวข้าวไม่ได้หรอก “ใต้เตาแก๊สมีมาม่าอยู่ ลูกไปเอาสิ ใช่ละ เหมือนว่าเฉิงเฉิงเย็นนี้ก็กินน้อยเหมือนกัน ตอนนี้คงจะหิวแล้วล่ะ หยิบไปให้เขาซองหนึ่งนะ”
“รู้แล้ว……” หยางหยางเดินออกจากห้องกู้ฮอนอย่างผิดหวัง
คืนนี้เขาคงนอนไม่หลับแน่นอน……
***
ดวงอาทิตย์ขึ้นตรงตามเวลาจากขอบฟ้า แสงสีทองส่องลงบนพื้นดิน ทำให้เมืองที่หลับใหลได้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
อากาศยามรุ่งอรุณทำให้ทุกคนได้ตื่นมาอย่างสดชื่น
ถือเป็นอากาศดีที่หายากในเมืองที่มีหมอกควันหนาแน่นมาตลอดนี้
แต่อากาศที่ดีแบบนี้ มันจะเป็นสัญญาณที่ดีหรือไม่
เป่หมิงโม่ก็ได้ปรากฏตัวในห้องอาหารบ้านของกู้ฮอนตามที่นัดหมายไว้
“กู้หยางหยาง นายรีบตื่นเลยนะ วันนี้เป็นวันอะไรนายไม่รู้เหรอ” เสียงตะโกนของกู้ฮอนทำให้นกกระจอกสองตัวที่เพิ่งบินมาเกาะอยู่หน้าต่างต้องตกใจบินไป
เป่หมิงโม่ที่กำลังตัดเนื้อสเต็กอย่างตั้งใจก็ได้หยุดชะงักลง แล้วแสดงสีหน้าแปลกใจ
เฉิงเฉิงทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วออกมาจากห้องน้ำ จากนั้นก็เดินตรงไปที่ห้องอาหาร
สำหรับการปลุกยามเช้าที่เป็นบริการพิเศษของแม่ที่มีต่อหยางหยางแบบนี้ เขาคงเคยชินไปแล้ว
เมื่อเขาเห็นเป่หมิงโม่ในห้องอาหาร ก็ทักทายอย่างมีมารยาท “อรุณสวัสดิ์ครับคุณพ่อ อรุณสวัสดิ์ครับคุณอาฉิงฮัว” จากนั้นก็หยิบเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งข้างหน้าเป่หมิงโม่
จากนั้นก็มีเสียงวุ่นวายส่งมาจากห้องนอน “คุณแม่ครับ ผมกำลังจะตื่นแล้วเนี่ย คุณแม่ไม่ต้องมาตีผมเลยนะ ครั้งก่อนที่โดนตีผมยังไม่หายดีเลย ถ้าวันนี้โดนอีกผมคงไปร่วมงานการแสดงไม่ได้แล้ว……”
“หยางหยาง เธออย่ามีข้ออ้างให้มาก พยายามหาเรื่องโดนตีแล้วจะได้ไม่ต้องไปงานแสดงงั้นเหรอ”
“โอ้ จริงเหมือนกันแหะ งั้นคุณแม่ช่วยมาตีผมหน่อยสิครับ แต่อย่าตีแรงเกินไปนะ……”
“กู้หยางหยาง”
สองพ่อลูกที่นั่งอยู่ห้องอาหารนั้นมองหน้ากันแล้วต่างคนต่างส่ายหัว จากนั้นรับประทานอาหารเช้าต่อ
ฉิงฮัวที่ยืนอยู่ด้านหลังเป่หมิงโม่ก็ได้แต่แสดงสีหน้าสับสน
ประมาณห้านาทีผ่านไป กู้ฮอนพาหยางหยางไปที่ห้องน้ำ
กว่าทั้งสองจะมานั่งทานอาหารเช้า เป่หมิงโม่และเฉิงเฉิงก็ใช้กระดาษทิชชูกำลังเช็ดปากแล้ว
วันนี้เป็นการแสดงวรรณกรรมประจำปีของโรงเรียนนี้
ตั้งแต่เช้าตรู่ โรงเรียนก็มีผู้คนเข้ามาอย่างหนาแน่นแล้ว
แม้ว่าโรงเรียนนี้จะได้รับการขนานนามว่าเป็นโรงเรียนที่ดีที่สุดของเมือง A แต่ว่านักเรียนในโรงเรียนนี้ไม่ได้มีเพียงนักเรียนที่มาจากเมือง A เท่านั้น ยังมีครอบครัวเหล่าเศรษฐีจากเมืองอื่น ๆ ที่ส่งลูกหลานมาเรียนโรงเรียนแห่งนี้
ทุกครอบครัวที่มีหน้ามีตาในสังคมนั้น ๆ ถ้าลูกหลานของเขากำลังศึกษาในโรงเรียนนี้อยู่ ต่างก็พากันมาร่วมงานนี้อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
แน่นอนว่านักข่าวมากมายคงไม่พลาดโอกาสเสนอข่าวนี้
นอกจากนั้นยังมีคนดังมากมายฉวยโอกาสงานนี้เพื่อจะได้ออกสื่อ เพราะว่าส่วนใหญ่ช่วงนี้เหล่าดาราและคนดังจะไม่มีโอกาสได้ปรากฏในข่าวพาดหัวแล้ว
ในช่วงเช้า สิบนาทีก่อนถึงเก้าโมงเช้า เป่หมิงโม่ กู้ฮอน และเฉิงเฉิงกับหยางหยาง ได้นั่งรถโรลส์รอยซ์แฟนทอมสีดำเข้าไปในโรงเรียนคุณหนูในเมือง A นั้น
เป่หมิงโม่เป็นคนดังในเมือง A อยู่แล้ว ซึ่งการปรากฏตัวในโรงเรียนของเขาแบบนี้มันเป็นการเกินความคาดหมายของทุก ๆ คน
เมื่อผู้สื่อข่าวจากเว็บไซต์ดังและนิตยสารสำคัญเหล่านั้นได้สังเกตเห็นเป่หมิงโม่เข้ามา ทุกสื่อก็ได้หยุดการสัมภาษณ์ ณ ขณะ แล้วหันมาสนใจที่รถของเป่หมิงโม่
กล้องยาวกล้องสั้นนั้นก็ได้เล็งไปที่เขาแล้วกดชัตเตอร์รัว ๆ
สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ประตูโรงเรียนถูกปิดกั้นอย่างกระทันหันและไม่สามารถเข้าออกได้
เมื่ออาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนอันดับหนึ่งนี้ได้ยินว่าเป่หมิงโม่มาร่วมงานด้วยก็รู้สึกเป็นเกียรติมาก
เขานำทีมงานการแสดงครั้งนี้และเหล่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวนมากเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปที่รถของเป่หมิงโม่ เพื่อปรบมือต้อนรับเขา
และให้เหล่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกั้นสื่อและผู้คนไว้จากหน้าประตูโรงเรียนไปถึงหน้าสถานที่การจัดงาน เพื่อเปิดทางให้เป่หมิงโม่ได้เดินเข้าไปอย่างสะดวก
***
เป็นถึงบุคคลดังมักมีคนชอบและคนอิจฉาคือเรื่องธรรมดา
ซึ่งกู้ฮอนที่ยังไม่ได้ลงจากรถ และประธานการจัดงานครั้งนี้ รวมไปถึงครูหลี่ที่เป็นผู้อำนวยการฝ่ายละครเด็ก
เมื่อได้เห็นภาพการเปิดตัวอย่างอลังการเช่นนี้ต่างก็พากันหัวใจเต้นรัวตลอดเวลา
พวกเขาเหล่านั้นต่างก็อธิฐานอยู่ในใจ ‘อามิตตาพุทธ’ ขอให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นในวันนี้เถอะ……
รถของเป่หมิงโม่ค่อย ๆ ขับไปยังประตูสถานที่จัดงานผ่านเส้นทางที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้เปิดไว้