ตอนที่ 572 ความลำบากใจของฉิงฮัว
ลาก่อน
กู้ฮอนอ่านคำพูดเป่หมิงโม่ในจดหมาย เหมือนเห็นภาพ:
คืนนั้น เข็มนาฬิกาหยุดอยู่ที่เที่ยงคืน เป่หมิงโม่ยืนเงียบหน้าโซฟา
เขาแต่งตัวเรียบร้อย ก้มดึงผ้าห่มค่อยๆห่มลงบนตัวของตนเบาๆ ลูบหน้าผากเธอเบาๆ และหลุดยิ้ม
เขาพึ่งแสงน้อยนิดจากแสงเทียน มองตนที่หลับปุย และเขียนข้อความสั้นๆไว้
แล้ววางลงบนโต๊ะกาแฟ แบบนี้สามารถมั่นใจได้ว่าเธอลืมตาก็จะมองเห็นเลย
*
กู้ฮอนใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย เดินอยู่ในห้องโถงคนเดียว ในใจช่างว่างเปล่า
เมื่อเธอเดินมาถึงชั้น2 ค่อยๆเปิดประตูห้องที่มีเด็กๆนอนอยู่
เฉิงเฉิงและหยางหยางยังคงหลับปุยเหมือนเดิม
ห้องเด็กห้องนี้ เป็นห้องที่เป่หมิงโม่ดีไซน์ด้วยมือตัวเอง มองดูการตกแต่งภายในและเครื่องประดับที่คุ้นตา
นึกขึ้นได้ คล้ายที่มีอยู่ในห้องใต้ดินของบ้านพักตากอากาศเลย
เมื่อคืนตอนส่งเด็กๆเข้าห้อง ไม่ได้สังเกต
รู้เลยว่าเป่หมิงโม่ทุ่มเทกับบ้านหลังนี้แค่ไหน ชั้นล่างก็ผนังภาพวาดหลากสีงดงาม ห้องเด็กๆชั้นบนก็คล้ายห้องตนในตอนเด็ก……
ดูออก เขากำลังชดใช้ : ชดใช้ความรู้สึกในใจ ชดใช้ด้วยสิ่งของ
เพียงแต่ เป่หมิงโม่ไม่อยากให้ลูกตัวเองเจ็บปวดเหมือนตนในตอนเด็ก แต่ความคิดและความเคยชิน กลับทำให้เขากลายเป็นคนที่ทำให้ชีวิตวัยเด็กของเฉิงเฉิง กำลังเป็นเหมือนชีวิตในวัยเด็กของเขา
มองดูความน่ารักของเด็กๆเวลาหลับปุย ทำให้กู้ฮอนสับสน ระหว่างที่จะเลือกส่งคนไหนไป
หน้ามือหลังก็เป็นเนื้ออยู่ดี เธอจะตัดสินยังไง?
ไม่ว่าจะเก็บคนไหนไว้ สำหรับอีกคน ก็จะมีผลกระทบอย่างแรงกับชีวิตเขา
ผลกระทบแบบนี้ เหมือนรอยแผลเป็นที่แม่ของเป่หมิงโม่ทิ้งไว้ให้เขาตอนเด็กไม่อาจลบเลือนได้
ทั้งชีวิตนี้ก็มิอาจจางหายไป หรืออาจกระทบชีวิตหลังจากนี้
กู้ฮอนหวังว่าลูกของตนจะไม่เหมือนพ่อของพวกเขา แบกรับภาระทางจิตใจมากเกินไป
“แม่ครับ……”
เสียงเด็กขานเรียก ดึงเธอออกจากห้วงความคิดนับแสนพัน
กู้ฮอนหันมอง เฉิงเฉิงลูกขึ้นมาแล้ว เขาเงยหน้า ตาโตน้ำตาคลอเบ้ามองกู้ฮอน
กู้ฮอนยิ้ม ลูบหัวเขาเบา “ลูกตื่นแล้วหรอ หลับสบายไหม?”
เฉิงเฉิงพยักหน้าอย่างมีมารยาท
ทันใดนั้นก็มีเสียงขี้เซาดังขึ้น “อื้อ…… แม่ครับ ทำไมเรามาที่ห้องใต้ดินบ้านย่าอีกแล้วล่ะ……”
***
หยางหยางขยี้ตาที่เพิ่งตื่น ลุกขึ้นนั่ง
“ลูกรัก นี่จะเป็นห้องใต้ดินบ้านคุณย่าได้ไงล่ะครับ ลูกลองดูดีๆอีกรอบซิ” กู้ฮอนยิ้มและแตะตัวหยางหยางพูด
หยางหยางลืมตาโตมองซ้าย มองขวา “หือ?ใช่แล้ว ที่นี่ไม่ใช่บ้านคุณย่า แต่ที่นี่ก็ไม่เหมือนอยู่บ้าน ที่บ้านไม่มีห้องนอนใหญ่แบบนี้”
เขาพูดแล้วหันมองกู้ฮอน “แม่ครับ แล้วพวกเราอยู่ที่ไหนหรอครับ?”
คำถามนี้ถึงจะง่าย แต่กลับทำให้กู้ฮอนตอบไม่ถูก
“วิลล่าของไอ้พ่อนก?”หยางหยางมือเกาหัว
เฉิงเฉิงก็สงสัย เขาโตมากับพ่อ มีวิลล่าที่ไหนเขารู้หมด และเคยเห็นด้วย ห้องในตอนนี้ไม่ใช่ห้องที่เขาเคยเห็นแน่ๆ เหมือนอย่างที่หยางหยางพูดจริงๆ คล้ายกับห้องใต้ดินที่บ้านคุณย่าที่พ่อเคยพาหลบเพลิงไหม้ตอนเด็กมาก
เด็กสองคนพากันลงจากเตียงมายังพื้น สวมเสื้อผ้าและใส่รองเท้าอย่างคล่องแคล่ว เปิดประตูวิ่งออกไป
“ว้าว ที่แท้ก็ที่นี่นี่เองหรอ” เมื่อหยางหยางเห็นฝ้าอันสูงของห้องโถงถึงรู้ว่าตอนมาที่ที่เคยมาเมื่อวานก่อน
เขารีบวิ่งลงชั้นล่าง “แม่ครับ แม่และไอ้พ่อนกไม่ดีเลย แอบกินตอนพวกเรานอนหลับ!”
‘แอบกิน’ กู้ฮอนได้ยินคำนั้นหน้าแดงทันที มิน่าเธอถึงคิดแบบนั้น นั่นเพราะในคำพูดระดับหนึ่งแล้ว เมื่อคืนเธอและเป่หมิงโม่ถือว่าแอบกินผลไม้ต้องห้ามจริงๆ
เพียงแต่ผลไม้ต้องห้ามนี้ใช่ว่าพวกเขาจะกินครั้งแรก
ต่อมาก็ได้ยินหยางหยางตะโกนพูด “สเต๊กนี่ดิยไปหน่อย แต่ตอนนี้หิวแล้ว รองท้องก่อนละกัน”
ที่แท้กู้ฮอนเข้าใจผิด หยางหยางแค่เห็นสเต๊กของเมื่อคืนที่พวกเขาไม่ได้แตะต้องเลย
“หยางหยาง ห้ามกิน!” กู้ฮอนจับราวตะโกนลงไป
“อือ……คุณแม่ว่าไงนะ?” หยางหยางคาบเนื้อไว้ในปากและยื่นหัวออกมา
“ติ้งต้อง……” เสียงกริ่งประตูดังขึ้น
“ใครน่ะ ใครหรอ……” หยางหยางยังคงคาบเนื้อไว้ในปาก และวิ่งไปเปิดประตูอย่างเสียอารมณ์
กู้ฮอนพาเฉิงเฉิงลงจากชั้นบน
*
ฉิงฮัวส่งเป่หมิงโม่กลับบ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิง
เช้านี้ ก็มาส่งอาหารเช้าที่วิลล่า ตามคำสั่งของเป่หมิงโม่
และบอกกับเธอ “ถ้ากู้ฮอนไม่ชอบอยู่ที่นั่น ก็พากลับบ้านเธอ ส่วนสุดท้ายจะให้เด็กคนไหนอยู่ คนที่อยู่ต้องรับกลับบ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิง”
ฉิงฮัวกดกริ่งประตูเสร็จ รอครู่หนึ่ง ก็ได้ยินเสียงเด็กตะโกนมาจากด้านใน
ต่อมาประตูก็เปิดออก ฉิงฮัวก้มหน้าอย่างมึนงง “คุณชายหยางหยาง……”
เห็นหยางหยางคาบสเต๊กเนื้อชิ้นหนึ่งไว้ในปาก เหมือนจะเป็นที่เขาทำให้นายกับคุณหนูเมื่อวาน หรือว่าพวกเขาไม่ได้กินหรอ
“คุณลุงหัวฟูใช่ไหมครับ รีบเข้ามาสิครับ วันนี้ส่งของอร่อยอะไรมาหรอครับ?” หยางหยางพูดพร้อมยื่นมือไปที่กล่องอาหารบนมือฉิงฮัว
ฉิงฮัวมองหยางหยาง ด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย
ทั้งๆที่มีสเต๊กอยู่ในปากเขา แต่กลับพูดจาได้ฟังออกชัดเจน
ถัดมาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบวิ่งมา กู้ฮอนพาเฉิงเฉิงออกมายืนตรงหน้าเขา
กู้ฮอนพยักหน้าให้เขา แล้วยื่นมือไปแย่งสเต๊กออกจากปากหยางหยาง “ว่าว่าไม่ต้องกินแล้ว ทำไมลูกไม่ฟังล่ะ
***
ฉิงฮัวนำอาหารมาที่วิลล่า เย่โม่ฮอนหวี
หยางหยางคาบสเต๊กไว้ในปาก และยื่นมือน้อยมาที่กล้องอาหารที่เขาถืออยู่ ขณะเดียวกันกู้ฮอนก็มา แย่งสเต๊กไป แล้วรับกล่องอาหารไป หันหลังเดินเข้าไป
“คุณหนู นี่คือของที่นายให้เอามาให้ครับ” ฉิงฮัวพูดตามหลัง
กู้ฮอนพยักหน้า พูดเสียงเบา “งั้นคุณกลับไปเถอะ ฝากขอบคุณนายคุณด้วยละกัน ใช่แล้ว พวกเราจะรับไปจากที่นี่”
“แม่ครับ พวกเราจะไปจากที่นี่จริงๆหรอ บ้านหลังนี้ใหญ่กว่าที่บ้านเก่าตั้งเยอะ ยังมีสนามหน้าที่กว้างและสระน้ำพุด้วย……” หยางหยางพูดด้วยปากจู๋ แสดงให้เห็นชัดเจนว่าคิดยังไง เขาเหมือนอยากอยู่บ้านหลังใหญ่แบบนี้มาก
กู้ฮอนทำตาขวางใส่หยางหยาง ทำเอาหยางหยางตกใจหดคอ
ฉิงฮัว เดินตามหลัง “ที่จริงนายรู้ ว่าคุณหนูจะไป อีกจุดประสงค์ที่นายให้ผมมาคือให้ผมส่งคุณและคุณชายกลับบ้านตัวเองถ้าคุณจะไปจากที่นี่”
หยางหยางเห็นของกิน ทำเอาท้องร้องโครกคราก เขาห้ามตัวเองไม่ได้ที่จะยื่นมือไปที่ ‘ขนมหลีว์ต๋ากุ่น’จานหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า
กู้ฮอนตีมือเขาอีกรอบ “เพิ่งตื่นนอนยังไม่อะไรไม่ได้ทำป่าว?”
“รู้แล้วครับแม่” หยางหยางมองดูอาหารที่น่ากินแล้วเม้มปาก จากไปพร้อมเฉิงเฉิงอย่างไม่เต็มใจ
ขณะที่เฉิงเฉิงและหยางหยางล้างหน้าอยู่ในห้องน้ำ ฉิงฮัวพูดกับกู้ฮอนเสียงเบา “คุณหนู ไม่ทราบว่าคุณจะให้คุณชายคนไหนอยู่กับคุณครับ?”
คำถามนี้แทงใจตนมาก ตอนอยู่ชั้นสองเมื่อกี้ เขาก็ยังคงคิดตัดสินใจเรื่องนี้ไม่ได้เหมือนกัน
ฉิงฮัวมองหน้ากู้ฮอนก็สามารถรู้ได้ ตอนนี้เธอลำบากใจมาก แล้วจะทำไงได้ ตนเป็นเพียงคนนอก เรื่องแบบนี้จะเข้าไปยุ่งไม่ได้ ไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะไปยุ่งเรื่องนาย
กู้ฮอนค้อยๆพูด “ขอฉันคิดก่อนค่ะ คุณมารับพวกเราแต่เช้า ยังไม่ได้ทานข้าวใช่ไหมคะ งั้นคุณก็ทานที่นี่ด้วยละกัน เป่หมิงโม่เกรงใจเกินไป เตรียมมาตั้งเยอะ เรากินไม่หมดหรอก”
“นี่เอ่อ……”ฉิงฮัวเหมือนอึดอัดใจ
กู้ฮอนยิ้มให้เค้า “มีอะไรน่าเกรงใจล่ะคะ ตอนนี้ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับนายคุณแล้ว เหมือนเพื่อนคนหนึ่งทานข้าวด้วยกันไม่ได้หรือคะ?”
ฉิงฮัวฟังที่เธอพูด ก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง “งั้นผมก็ทานที่นี่ละกันครับ”
กู้ฮอนเอาถ้วยจานออกมาจากกล่องกล่อง จัดวาง
ความจริงตอนนี้ออกจากการดูแลควบคุมของเป่หมิงโม่ กู้ฮอนรู้สึกสบายขึ้นเยอะ
เธอตักแบ่งซุป เหมือนจะคิดอะไรขึ้นได้ หันมองฉิงฮัวพูดว่า “ช่วงนี้ฉันยุ่งมาก ไม่ได้ติดต่อกับลั่วเฉียวมานานแล้ว ระหว่างพวกคุณเป็นไงบ้างคะ?”
พูดถึงชื่อลั่วเฉียว ฉิงฮัวก็เริ่มหน้าแดงขึ้นมา แต่ก็รีบขมวดคิ้วขึ้นมา “ผมกับเธอ……”
“หึหึ คุณและเธอทำไมหรอ พวกคุณก็ไม่เด็กแล้ว ที่สำคัญความสัมพันธ์ของพวกคุณ……คุณก็รู้ ยังไม่คิดเรื่องแต่งอีกหรอ” คนที่ปกติไม่ชอบเมาท์มอยอย่างเธอ กลับล้อเล่นกับฉิงฮัวขึ้นมา
ฉิงฮัวกัดฟัน พูดอย่างลำบากใจ “ที่จริงผมกับเธอไม่ได้ติดต่อกันมานานแล้วครับ”
⊙﹏⊙! “ไม่……ใช่……ม้าง……”
***
กู้ฮอนได้ยินฉิงฮัวบอกว่าเขาและลั่วเฉียวไม่ได้ติดต่อกันมานาน รู้สึกตกใจมาก
จ้องตาฉิงฮัวอย่างสงสัย
โดนคนสวยจ้องเป็นเรื่องน่าดีใจเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าโดนจ้องด้วยแววตาที่สงสัย เป็นเรื่องที่น่าตกใจทีเดียว
เพราะสถานการณ์แบบนี้ จะรู้สึกได้ว่าเธอจะเริ่มต่อต้านคุณ
ถึงแม้ฉิงฮัวจะกล้ารับมืออย่างนักรบที่กล้าเผชิญหน้ากับเลือดสาด กล้าเผชิญหน้ากับความเย็นชาจืดจางของชีวิต
แต่เขาไม่สามารถเผชิญหน้ากับสายตาเดี๋ยวแข็งเดี๋ยวนุ่มนวลของผู้หญิงได้ น้ำเสียงที่นุ่มนวลนั่น แล้วก็……
ถูกกู้ฮอนจ้องแบบไม่ละสายตาแบบนี้ ทำให้ฉิงฮัวอึกอัก ขนลุกอย่างห้ามไม่ได้
“คุณ……จะไม่รับผิดชอบเธอแล้วหรือเปล่า……”
ฉิงฮัวรีบวางตะเกียบด้วยความตกใจ ลุกขึ้นจากโซฟาอย่างรวดเร็ว ทำหน้าเหมือนถูกเข้าใจผิดแล้วพูด “คุณหนู ผมทำอะไรซื่อตรงมาตลอด ผมไม่กล้าหักหลังลั่วเฉียว เพียงแต่……เหมือนเธอจะหลบหน้าผมมาโดยตลอด……”
กู้ฮอนฟังแล้วเข้าใจทันที เธอก็ใช่ว่าจะไม่รู้นิสัยลั่วเฉียว ผู้หญิงชอบเที่ยวชอบของใหม่ ไม่มีทางที่เธอจะยอมถูกผูกมัดเร็วขนาดนี้แน่นอน