เดิมพันรักยัยตัวแสบ – เดิมพันรักยัยตัวแสบ – ตอนที่ 570 สถานที่น่ากลัว

เดิมพันรักยัยตัวแสบ - ตอนที่ 570 สถานที่น่ากลัว

บทที่ 570 สถานที่น่ากลัว

การแสดงก็แล้ว กินข้าวก็แล้ว ถ้าเป็นหยางหยางคนก่อน เขาคงจะโวยวายแล้วเดินหนีไปอย่างแน่นอน แต่เขากลับไม่ได้ทำ และที่สำคัญเขาเลือกที่จะลองเสพสุขกับชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ

ในตอนนี้ ที่เขาตั้งใจพากู้ฮอนและลูก ๆ มาเที่ยวสวนสนุก……ก็เพราะเขาตั้งใจจะทำหน้าที่ของความเป็นพ่อคน

เพราะในวัยเด็กของเป่หมิงโม่นั้นไม่เคยได้สัมผัสสวนสนุกของเด็ก ๆ เลย และทุกวันนี้ ชีวิตเฉิงเฉิงก็เหมือนในวัยเด็กของเขา

สิ่งที่เขาตั้งใจจะทำนั้น ก็คือชดเชยความสุขของลูก ๆ ในส่วนที่ขาดหายไป เพื่อเด็กสองคนนี้โตขึ้นแล้วไม่ต้องเสียดายกับชีวิตในวัยเด็กเหมือนเขาอีก

***

ในที่สุดกู้ฮอนก็เข้าใจการกระทำที่ซ้ำแล้วซ้ำอีกของเป่หมิงโม่สักที ดังนั้นเธอจึงรู้สึกหวั่นไหวกับการกระทำของเขา

วันนี้เป็นวันสำคัญที่มีความหมายสำหรับเขาทั้งสองมาก

เธอถูกเป่หมิงโม่จับมือไว้ แล้วหันหน้าไปคุยกับเด็ก ๆ “ลูกเอ๋ย พวกเธอบ่นอยู่ตลอดว่าอยากมาสวนสนุกไม่ใช่เหรอ วันนี้ก็เล่นให้เต็มที่ไปเลยนะ”

เฉิงเฉิงและหยางหยางต่างก็พากันตกใจ พวกเขาไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม หรือว่านี่คือคำพูดลองใจ ฝึกความอดทนของพวกเขาอยู่ใช่ไหม

คุณพ่อกับคุณแม่ไม่เหมือนเดิม ต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่ ๆ

“เฮอ ๆ ยืนซื่ออยู่ทำไม ยังไม่รีบไปอีก”

เมื่อเห็นสีหน้าของกู้ฮอน เฉิงเฉิงและหยางหยางก็หยุดกังวลว่าเขากำลังฝันอยู่

ตะโกนขึ้นมาด้วยความดีใจ จากนั้นก็วิ่งเข้าไปสวนสนุก

“คุณชายน้อย รอผมด้วย……” ฉิงฮัวก็วิ่งตามไปติด ๆ

เป่หมิงโม่จุงมือกู้ฮอนไว้ แล้วเห็นเด็ก ๆ วิ่งไปไกลตา เขาทั้งคู่จึงอมยิ้มเล็กน้อย

สำหรับเป่หมิงโม่ในตอนนี้ มันเป็นการเสพสุขที่หรูหราที่สุดแล้ว

ในอตีดเขาฝันอยู่เสมอว่า สักวันหนึ่งคุณพ่อคุณแม่จะพาเขามาเล่นที่นี่ แต่สิ่งที่ได้มาก็คือการทะเลาะของพวกเขาแทบจะทุกวัน และสุดท้ายก็กลายเป็นครอบครัวแตกสลาย……

อตีดที่ปวดร้าวนี้มันตราตรึงอยู่ในใจเป่หมิงโม่เสมอ จนเขาไม่มีวันลืมมันไปได้

เขาจุงมือกู้ฮอนไว้ แล้วเดินไปตามขอบทะเลสาบที่ประกายแสงจากดวงอาทิตย์ และสายลมเย็นพัดพาเข้ามา

ตรงข้ามทะเลสาบนั้นก็คือสวนสนุก ซึ่งจะมีเสียงหัวเราะและเสียงตะโกนจากการเล่นเครื่องเล่นที่มีความสุขส่งเสียงออกมาอย่างไม่ขาดสาย

จากนั้น ความคิดบ้า ๆ ของเป่หมิงโม่เหมือนจะกลับมาอีกครั้ง

เขาจุงมือกู้ฮอน แล้ววิ่งตามลูก ๆ ไป

“นี่ คุณคิดจะทำอะไรเนี่ย ฉันใส่รองเท้าส้นสูงอยู่นะ ฉันวิ่งไม่ได้”

ไม่ว่ากู้ฮอนจะตะโกนแค่ไหน เป่หมิงโม่ก็ไม่คิดจะหยุดวิ่ง

และในไม่ช้านั้นพวกเขาก็วิ่งตามลูก ๆ ทันแล้ว ส่วนเขาสามคนที่เห็นเป่หมิงโม่กับกู้ฮอนปรากฏตัว ก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย

“นายท่าน นายจะ……”

เป่หมิงโม่พูดสั่น ๆ สามคำ “เล่น ด้วย กัน”

เฉิงเฉิง หยางหยาง และฉิงฮัว อีกทั้งตัวของกู้ฮอนเองก็รู้สึกตะลึงกับคำพูดของเขา

เป่หมิงเอ้อ นายคิดจะทำอะไรเนี่ย หรือว่าวันนี้เป็นวันสิ้นโลกแล้วเหรอ

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม กู้ฮอนก็เป็นคนที่เข้าใจความรู้สึกของเป่หมิงโม่มากที่สุด จากนั้นพูดกับเด็ก ๆ “อ้าวลูก ๆ รออะไรกันอยู่ รีบไปกันสิ”

“ลุยเลยยยย…..”

ฉิงฮัวเดินตามอยู่ด้านหลัง แล้วมองสี่คนตรงหน้า

เขารู้สึกประทับใจมาก ดูจากด้านหลังแล้วพวกเขาเหมือนเป็นครอบครัวที่แสนอบอุ่น แต่ความจริงแล้วไม่ใช่

ภาพสมบูรณ์แบบที่หาดูได้ยาก เขาควรใช้เวลาให้คุ้มกับสิ่งที่หาได้ยากเช่นนี้ไหม……

ในสวนสนุกนั้น มีหนุ่มหล่อสาวสวยเพิ่มขึ้นคู่หนึ่ง มันทำให้ทุกคนต้องหันกลับไปมองเมื่อเดินสวนพวกเขา

ม้าหมุน บอลลูนแซมบ้า อีกทั้งยังมีเรือโจรสลัด……

“ฉันไม่ไป อย่าพาฉันเล่น” ณ ขณะนี้ กู้ฮอนจับราวเหล็กนั้นไว้แน่น ๆ ไม่ยอมปล่อยมือ

เพราะข้างหน้าของพวกเขานั้น คือ ‘ดรอปทาวเวอร์คู่’ ที่สูง70เมตร ตอนนี้เฉิงเฉิงและหยางหยางก็ได้ขึ้นไปนั่งประจำที่ และให้พนักงานจัดระบบเซฟตี้เรียบร้อยแล้ว

“คุณแม่ครับ รีบขึ้นมาสิ๊…..” ตัวแสบสองคนนั้นตะโกนอย่างมีความสุข

เป้หมิงโม่ยกคิ้วขึ้น จากนั้นก้มลงเอาแขนของกู้ฮอนทาบไว้บนไหล่ของเขา แล้วขึ้นไปประจำที่

กู้ฮอนร้องขอความช่วยเหลือ แล้วในใจคิดว่า ฉันจะมาที่แบบนี้ทำไม……

***

เมื่อกู้ฮอนเงยหน้ามอง ‘ดรอปเทาเวอร์คู่’ ที่สูงมากกว่า 70 เมตรนี้ เธอรู้สึกเข่าอ่อนเลย

แม้ก่อนหน้านี้เธอพยายามปฏิเสธ แต่สุดท้ายเป่หมิงโม่ก็ลากเธอขึ้นไปเล่นจนได้

อีกอย่างเป้หมิงโม่ยังหาที่นั่งให้เธอ จากนั้นรัดเข็มขัดให้เธอ ดูเซฟตี้ของเธออย่างเรียบร้อย แล้วค่อยนั่งลงข้าง ๆ เธอ

พนักงานก็ได้เช็คความปลอดภัยให้เขาอีกรอบอย่างเรียบร้อย

หมดกัน ทีนี้อยากลงก็ลงไม่ได้แล้ว ณ เวลานี้ กู้ฮอนได้แต่หลับตาไว้สนิท แล้วหัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้น สีหน้าเริ่มซีดลง

เธอยื่นมือไปให้เป่หมิงโม่อย่างไม่รู้ตัว

เป่หมิงโม่มองหน้ากู้ฮอน แล้วจับมือเธอไว้แน่น ๆ

เสียงระฆังดังขึ้น ที่นั่งเครื่องเล่นค่อย ๆ ลอยขึ้นฟ้า เท้าของทุกคนเริ่มห่างจากพื้นดินไกลขึ้นเรื่อย ๆ ผู้คนที่ยืนอยู่ด้านล่างยิ่งอยู่ยิ่งตัวเล็กลง ทิวทัศน์ของเมือง A ทั้งหมดค่อย ๆ ปรากฏให้เห็น

และเวลานี้ มือของกู้ฮอนจับแน่นขึ้นเรื่อย ๆ

เธอรู้สึกว่าการลอยขึ้นฟ้านั้นมันยาวนานมาก เหมือนกับตัวเองลอยอยู่ในหลุมดำที่ไม่มีวันสิ้นสุด

สายลมพัดผ่านตัวเธอไป ร่างกายทนไม่ไหวจนขนลุกไปทั้งตัว

“กล็อกแกล็ก” เสียงเก้าอี้ดังขึ้น จากนั้นเขาหยุดลงที่กลางอากาศ

“!” ไม่นะ จะหยุดกลางอากาศแบบนี้เหรอ

ในขณะที่กู้ฮอนยังสงสัยอยู่ ก็ได้ยินเสียงหยางหยางตะโกนขึ้นมา “ คุณแม่ดูสิครับ”

กู้ฮอนค่อย ๆ ลืมตา วิวที่เห็นนั้นสุดคำบรรยายจริง ๆ

ท้องฟ้าค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน และดวงอาทิตย์ที่เคยแผดเผานั้นก็ค่อย ๆ กลายเป็นสีส้มอ่อนและใกล้จะแตะขอบฟ้าแล้ว

แสงไฟในเมือง A นั้นก็ค่อย ๆ จุดขึ้นทีละดวง และที่พิเศษในเมืองนั้นคืออาคารของบริษัทตระกูลเป่หมิงตั้งอยู่ในจุดที่ไม่ไกลเกินมอง มันยืนอยู่ใจกลางเมืองอย่างสง่างาม เหมือนยักษ์ตัวใหญ่กำลังยืนเฝ้าเมือง A อยู่ และด้านล่างของอาคารนั้นมีไฟรถไหลเวียนไปมาอย่าสวยงาม

กู้ฮอนรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนก้อนเมฆล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า และได้ใช้วิธีชมทิวทัศน์ของเมืองนี้ในแบบที่ไม่กล้าลองมาก่อน ความรู้สึกมันช่างต่างกันเหลือเกิน

ในระหว่างที่เธอกำลังเพลิดเพลินกับความสวยงามที่อยู่ตรงหน้า เธอก็ได้ยินเสียงจากด้านหลังอีกครั้ง “พรึบ……”

เป่หมิงโม่ที่อยู่ข้างเธอพูด “เตรียมตัว จะลงแล้ว”

เตรียมตัวลง?

เหมือนทิวทัศน์ที่กู้ฮอนได้เห็นทำให้เธอลืมว่ากำลังทำอะไรอยู่ ในระหว่างที่เธอยังไม่ทันตั้งตัว ก็รู้สึกว่าร่างกายกำลังร่วงลงพื้น ทิวทัศน์ข้างหน้าเธอเริ่มขยับขึ้นอย่างรวดเร็ว

“อ้าก……” เธอหลับตาลงอีกครั้งโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ไม่กล้ามองลงไปข้างล่างและไม่อยากคิดเลยว่าถ้าตกลงไปที่พื้นแล้วจะเป็นอย่างไร ได้แต่อดทนนั่งอยู่กับที่

แต่ว่า เมื่อร่างกายร่วงลงไปแค่ครึ่งเดียวเธอก็เด้งขึ้นมาอีกครั้ง แต่รอบนี้ไม่ได้ขึ้นสูงเหมือนก่อนหน้านี้ จากนั้นก็ร่วงลงมาอีกครั้งด้วยความเร็ว

เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกบอลที่ถูกเตะไปมา ขึ้น ๆ ลง ๆ หลายครั้ง ในที่สุดเธอก็ลงมาบนพื้นอย่างปลอดภัย

เมื่อสองเท้าของเธอได้สัมผัสกับพื้นดินอีกครั้ง

เธอรู้สึกว่าการนั่งเครื่องบินครั้งแรกและช่วงที่เครื่องลงจอดนั้นมันรู้สึกดีกว่านี้มาก

และตอนนี้เธอยังไม่รู้ตัวว่ามือของเธอจับมือของเป่หมิงโม่ไว้แน่น ๆ อยู่

***

“คุณแม่เดินเร็ว ๆ หน่อยสิครับ หนังจะเริ่มฉายแล้วนะ……” หยางหยางยืนอยู่หน้าโรงหนัง IMAX ชั้นนำของเมือง A นั้น แล้วตะโกนอย่างตื่นเต้น

โปสเตอร์หนังยักษ์ใหญ่ที่ติดอยู่นั้นคือหนัง Transformers 3D ที่หยางหยางเฝ้ารอคอยมานานแสนนาน

เมื่อมีเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเขาหลาย ๆ คนที่ได้ดูหนังเรื่องนี้แล้วไปคุยกันในห้อง เขารู้สึกอิจฉาเพื่อน ๆ และไม่กล้ามีส่วนร่วมในบทสนทนานั้นเลย

ช่วยไม่ได้ เพราะคุณแม่ไม่เคยพาเขาไปดูหนังเลย

วันนี้เป็นวันพิเศษสำหรับเขามาก กว่าไอ่พ่อนกจะสนิมขึ้นหัว แล้วพาพวกเขามาดูหนังได้ โอกาสหายากแบบนี้ใครจะยอมปล่อยไปง่าย ๆ ล่ะ

เวลาตอนนี้ก็เริ่มค่ำแล้ว ถึงแม้อากาศไม่ได้หนาวมากนัก แต่เป่หมิงโม่ก็ถอดเสื้อคลุมของตัวเองแล้วคลุมให้กู้ฮอน

ความตื่นเต้นจากเครื่องเล่นดรอปทาวเวอร์นั้นยังคงทำให้ร่างกายของกู้ฮอนรู้สึกไม่หยุดสั่น

เป่หมิงโม่พูดกับฉิงฮัว “นายพาเด็ก ๆ ไปดูหนังเรื่องทรานส์ฟอร์มเมอร์สก่อนนะ ตอนนี้กู้ฮอนยังไม่เหมาะกับการดูหนังเรื่องนี้”

ฉิวฮัวพยักหน้าตอบ แล้วตามเสียงที่ตะโกนดีใจของหยางหยางเข้าไป ส่วนเฉิงเฉิงก่อนเดินเข้าไปในโรงหนังนั้น เขาได้หันกลับมามอง แล้วเห็นคุณแม่อยู่ในอ้อมแขนของคุณพ่อ

รอยยิ้มก็ได้ปรากฏบนใบหน้าเล็ก ๆ ของเฉิงเฉิง

ในระหว่างที่ภาพยนตร์เรื่องทรานส์ฟอร์มเมอร์สกำลังฉายอยู่ ก็มีภาพยนตร์อีกเรื่องที่ชื่อ Turn left Turn Right เขียนโดย Johnnie To และ Wai Kar Fai ในปี 2003 ซึ่งฉายในเวลาเดียวกัน

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์โรแมนติกที่นำแสดงโดยจินเฉิงอู๋และเหลียงยงฉี

แม้จะเป็นภาพยนตร์เรื่องเก่า แต่ที่ผ่านมาเป่หมิงโม่ได้แต่มุ่งเน้นกับการงานอย่างเดียว และคนดังรอบตัวสำหรับเป่หมิงยันและซูยิ่งหวั่นที่อยู่ในวงการบันเทิงมานาน ก็ไม่เคยสนใจในตัวพวกเขาเลย

ที่ตัดสินใจดูเรื่องนี้ ก็เพราะเป่หมิงยันเคยพูดถึงตอนที่ร่วมรับประทานอาหารพร้อมกันในบ้าน และบทสนทนาในวันนั้น ยังหวังว่าเป่หมิงยันและซูยิ่งหวั่นจะได้มีโอกาสเป็นดารารับเชิญในการแสดงภาพยนต์เรื่องนี้

ดังนั้น เขาจึงกอดกู้ฮอนไว้แล้วเข้าไปในโรงหนัง เขาทั้งสองนั่งอยู่ตำแหน่งตรงกลางสุดในโรงภาพยนตร์เพราะตำแหน่งนี้เท่านั้น ที่จะรับชมภาพยนตร์ได้อย่างมีคุณภาพที่สุด

และในไม่ช้า ภาพยนตร์ก็ได้เริ่มแสดง ไฟทุกดวงในโรงภาพยนตร์นั้นก็ค่อย ๆ หรี่ลง

นี่คือภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากนิยายแอนิเมเรื่องหนึ่ง ซึ่งในเนื้อหานั้นเขียนว่า Takeshi Kaneshiro เป็นนักไวโอลินและ Gigi Leung มีอาชีพเป็นนักเขียน ทั้งสองพักอยู่ในคอนโดเดียวกัน แต่มีความเคยชินที่แตกต่างกันมาก

ทุกครั้งที่เขาสองคนออกจากบ้านก็จะเดินไปคนละทิศ ครั้งหนึ่งเขาได้เดินสวนกันอย่างใกล้ชิด แต่สุดท้ายเรื่องราวมันก็เขียนให้เขาสองคนไม่มีวาสนาต่อกัน

ภาพยนตร์ยังคงดำเนินต่อไป เป่หมิงโม่และกู้ฮอนก็เริ่มอินกับหนังเรื่องนี้ เพราะเขาทั้งสองต่างก็รู้สึกว่าชีวิตตัวเองบางทีก็ช่างเหมือนตัวละครในหนังมาก

ความจริงถ้ากู้ฮอนไม่ได้เจอเขาในสถานการณ์แบบนั้น และไม่ได้ทำสัญญาการเป็นแม่เลี้ยง ในวันนั้น บางทีกู้ฮอนในวันนี้ก็อาจจะมีสิทธิได้เป็นสะใภ้บ้านเป่หมิงเหมือนกัน และอาจจะไม่ใช่แค่ในนามแม่เลี้ยงเท่านั้น

ถ้าอย่างนั้น สิ่งที่ไม่เหมือนในหนังระหว่างเธอกับเป่หมิงโม่นั้นก็คือ เขาทั้งสองไม่ได้อยู่คอนโดเดียวกัน ไม่ได้เดินสวนกันบ่อย ๆ และบางทีถึงกับต้องแกล้งทำเป็นไม่เห็นด้วยซ้ำ

แต่สิ่งที่คล้ายกับในหนังก็คือ ฝนที่ตกกระหน่ำนั้นทำให้พระเอกกับนางเอกในหนังได้พบกัน ส่วนเป่หมิงโม่กับกู้ฮอนได้พบกันนั้นก็เพราะเขามีลูกด้วยกัน

แต่ว่า ได้พบกันแล้วยังไงล่ะ สิ่งที่ดีกว่าในหนังก็คือ หลังฝนหยุดวันนั้น พระเอกกับนางเอกต้องจากกันชั่วนิรันดร์ แต่เขาทั้งสองได้เจอกันอีกเมื่ออยากเจอ ก็แค่นั้น

ข้อผูกมัดของการมีลูกด้วยกันไม่ได้ทำให้เขาได้อยู่ด้วยกันเลย

หลังจากคืนนี้ เขาทั้งสองก็จำต้องจากกัน ต่างคนต่างเดิน ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตน

***

ความมืดปกคลุมเมือง A อีกครั้ง เหล่าผู้คนที่ใช้ชีวิตกลางคืนก็ได้ทำให้ดินแดนแห่งนี้เป็นของเขาอีกครั้ง

เดิมพันรักยัยตัวแสบ

เดิมพันรักยัยตัวแสบ

Status: Ongoing

เธอเป็นหญิงสาวที่มีความลำบาก ตกลงเป็นแม่อุ้มบุญ เขาเป็น ประธานใหญ่ เธออ่อนโยนและน่ารัก เขาโหดร้ายและเย็นชา.

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท