ตอนที่ 591 ระหว่างความเป็นความตาย
ที่นี่คือชั้นบนสุดของตึกชั้นที่สิบสอง แม้ว่าจะเทียบกับตึกระฟ้าไม่ได้ แต่ว่าเสียงลมที่พัดผ่านหูนั้นมากพอที่จะทำให้เป่หมิงเฟยหย่วนตกใจจนแทบขวัญกระเจิงหายหมด
มือทั้งคู่ของเขาจับแขนของเป่หมิงโม่แน่น “โม่ อย่า……”
เป่หมิงโม่ก้มศีรษะมองใบหน้าของเป่หมิงเฟยหย่วนที่ตกใจจนขาวซีด “พูดมา เป็นนายใช่ไหมที่เอาหนังสือพิมพ์ให้กับคุณพ่อ”
เป่หมิงเฟยหย่วนนั้นไร้สิ้นหนทางบิดพลิ้วแล้วจึงรีบพูด “ใช่ เป็นฉันเอง!”
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว เป่หมิงโม่ก็คิดที่จะส่งเป่หมิงเฟยหย่วนสู่ความตายทั้งแบบนี้ มีลูกชายที่ไหนกันที่จะใช้โอกาสราดน้ำมันบนกองไฟในตอนที่บิดาของตัวเองป่วยหนัก
เขาถามเป่หมิงเฟยหย่วนต่อว่า “พูดมา ทำไมนายต้องทำแบบนี้ นายไม่รู้หรือว่าแบบนี้อาจจะทำร้ายคุณพ่อให้ถึงแก่ชีวิตได้!”
***
เป่หมิงโม่ยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห จึงผลักเป่หมิงเฟยหย่วนออกไปด้านนอกอีกนิด
“น้องรอง น้องรอง! นายปล่อยฉันไปเถอะ ขอร้องล่ะ ฉันก็ถูกบีบบังคับจนไม่มีทางเลือก ถ้าหากว่าฉันไม่ทำแบบนี้ พวกเขาจะเอาชีวิตคนในครอบครัวฉันทั้งหมดนินา” เป่หมิงเฟยหย่วนตกใจจนน้ำตาเกือบจะไหลออกมา
เป่หมิงโม่หัวเราะเสียงเย็น “เพื่อปกป้องคนในครอบครัวของตัวเอง เลยไม่สนใจชีวิตของคุณพ่อ! ฉันรู้สึกเสียใจแทนคุณพ่อเสียจริง นายรู้หรือไม่ว่าในบรรดาพวกเราสามพี่น้อง นายเป็นคนที่คุณพ่อลำเอียงเข้าข้างมากที่สุด”
“หึๆ……” เมื่อได้ยินเป่หมิงโม่พูดประโยคนี้ออกมา เป่หมิงเฟยหย่วนกลับหัวเราะออกมาพักหนึ่ง “เข้าข้างฉันมากที่สุด ถ้าหากว่าเข้าข้างฉันมากที่สุดก็คงจะไม่ยกหุ้นตระกูลเป่หมิงของฉันให้กับนายหรอก! ถ้าหากว่าเข้าข้างฉันมากที่สุด ก็คงจะไม่ไล่ฉันออกจากบ้านตระกูลเป่หมิงหรอก!”
เป่หมิงเฟยหย่วนครุ่นคิดติดใจเรื่องนี้มาโดยตลอด ส่งผลให้โทสะที่บันดาลของเป่หมิงโม่ลดลงไปไม่น้อย
แท้จริงแล้วก็เป็นเขาที่ทำให้เป่หมิงเฟยหย่วนเป็นแบบนี้
เขาในตอนนั้นและเป่หมิงเฟยหย่วนในตอนนี้จะแตกต่างกันสักเท่าไรเชียว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็ดึงเป่หมิงเฟยหย่วนกลับมา โยนเขาลงบนพื้น
ตอนนี้เป่หมิงโม่อยากจะรู้ว่าใครคือผู้บงการอยู่เบื้องหลังเป่หมิงเฟยหย่วนมากกว่า “ฉันก็อ่านหนังสือพิมพ์ฉบับที่นายเอาไปให้คุณพ่อแล้ว แท้จริงแล้วนั่นเป็นหนังสือพิมพ์ปลอมๆที่ไม่ได้วางจัดจำหน่ายในท้องตลาด พูดมาเถอะ ใครเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังของนาย”
สาเหตุทั้งหมดที่เป่หมิงโม่อนุมานว่าหนังสือพิมพ์มีการปลอมแปลง เป็นเพราะว่าบิดาเห็นหนังสือพิมพ์ที่นั่น หลังออกจากห้องพักผู้ป่วย เขาก็ส่งคนไปตรวจสอบ แต่ผลลัพธ์ก็คือภายในท้องตลาดไม่มีหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่คนอื่นจะเห็นด้วยเลย
เห็นได้ชัดว่าคนลึกลับผู้นี้ก็ไม่อยากจะให้เรื่องราวลุกลามใหญ่โต แต่ว่าก็มีจุดประสงค์ชัดเจนมากว่าต้องการสร้างความกระทบกระเทือนให้กับเป่หมิงเจิ้งเทียน อาศัยโอกาสที่เขากำลังป่วย เอาชีวิตเขาไป
เป่หมิงเฟยหย่วนสามารถกลับมาจากการเกือบไปเดินเล่นในประตูผีได้ครั้งหนึ่ง ตอนนี้ก็ขดตัวสั่นเทาไม่หยุด สีหน้าของเขาขาวซีดยิ่งกว่าเดิม
เขาคิดย้อนกลับไปถึงเรื่องราวในวันนั้น พูดจาอึกๆอักๆ “จริงๆแล้ว ฉันก็ไม่รู้ว่าคนคนนั้นเป็นใคร หนังสือพิมพ์ฉบับนี้เป็นบริการพัสดุด่วนที่ส่งมา ฉันเพิ่งจะได้รับของ ก็มีโทรศัพท์เข้ามาหาฉัน ต้องการให้ฉันทำแบบนี้ ไม่อย่างนั้นก็ให้ฉันคืนเงินในมาทันที ถ้าหากว่าไม่มีเงินจะคืน พวกเขาจะเอาชีวิตคนในครอบครัวฉันไป นายก็เป็นพ่อคนแล้ว ฉันคิดว่านายน่าจะเข้าใจว่านี่เป็นความรู้สึกแบบใด”
“คืนเงิน…….ส่งหนังสือพิมพ์ให้กับคุณพ่อ…….” เป่หมิงโม่หรี่ตา ดูท่าว่านี่คือผลลัพธ์ที่พวกเขาวางแผนมาอย่างรอบคอบแผนหนึ่ง
ในตอนนี้เป่หมิงเฟยหย่วนก็คลานเข่าเข้าไปแทบเท้าเป่หมิงโม่ “ฉันก็ไม่มีทางเลือก นายไล่ฉันออกจากตระกูลเป่หมิง ทั้งยังเอาหุ้นไปด้วย ฉันจะไปมีเงินมากขนาดนั้นได้อย่างไรกัน แรกเริ่มฉันก็กังวลว่าถ้าคุณพ่อเห็นหนังสือพิมพ์ฉบับนี้แล้วจะเกิดอะไรไม่คาดฝันขึ้น แต่ฉันคิดว่า คุณพ่อรักและเอ็นดูยี่เฟิงขนาดนั้น จะต้องหวังว่าเขาปลอดภัยไร้อันตรายใดๆมากกว่า ดังนั้นฉัน……”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เป่หมิงโม่ก็แย่งพูดขึ้นมา “ดังนั้นนายจึงใช้ชีวิตของคุณพ่อมาแลกกับความปลอดภัยของคนในครอบครัวนาย จากนั้นที่มาวันนี้ก็เพื่อมาดูว่าคุณพ่อตายหรือเปล่า ใช่หรือไม่!”
ตอนนี้เองที่เป่หมิงเฟยหย่วนร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลออกมาอย่างเจ็บปวด ส่ายศีรษะแรง “ไม่ใช่แบบนี้ จิตใจฉันไม่สงบจึงอยากมาเยี่ยม ฉันรู้ว่าพวกนายก็มาเยี่ยมคุณพ่อเช่นกัน ดังนั้นฉันถึงได้มาเยี่ยมอย่างเงียบๆในตอนที่พวกนายยังไม่มากัน”
เขาปาดน้ำตา เงยหน้ามองเป่หมิงโม่ สองมือกอดขาของเขา “เป็นฉันที่ติดการพนัน เป็นฉันที่เฮงซวย แต่ว่านายอย่าบอกเรื่องนี้กับคนอื่นเด็ดขาดนะ โดยเฉพาะยี่เฟิงกับคุณพ่อ”
หัวใจของเป่หมิงโม่หนาวเหน็บ ลูกชายที่คุณพ่อลำเอียงเข้าข้างมาหลายปีคนนี้ เกือบจะลากบิดาแท้ๆเข้าไปข้องเกี่ยวกับหนี้การพนันของตัวเองแล้ว
***
เยาะเย้ย เป็นการเยาะเย้ยเสียดสีของเบื้องบน
ตอนนี้เองที่แสงอาทิตย์อัสดงเกือบจะแตะเข้ากับขอบฟ้า ทอประกายสีแดงราวกับเปลวไฟออกมา
คนสองคนที่อยู่บนชั้นดาดฟ้าถูกแสงส่องจนเกิดเงาดำยาว
เป่หมิงโม่สะบัดเป่หมิงเฟยหย่วนออกอย่างแรงราวกับสลัดดินโคลน
เขาหมุนตัวเดินกลับไปยังประตูทางเข้าชั้นดาดฟ้า
เบื้องหลัง เหลือเพียงแค่เป่หมิงเฟยหย่วนที่ส่งเสียงร้องไห้เจ็บปวดอย่างน่าสลดใจเอาไว้
ลมเบาบางพัดผ่านข้างแก้มที่มีสีหน้าน่ากลัวเป่หมิงโม่ไป คิ้วทั้งสองข้างขมวดเป็นปม เต็มไปด้วยความรู้สึกจริงจังหนักแน่น
เป่หมิงโม่ตัดสินใจที่จะเก็บเรื่องนี้เอาไว้ในใจ
ไม่ใช่ความสัมพันธ์ของพี่น้อง เพราะว่าไมตรีจิตที่เขามีให้นั้นแตกสลายไปแล้วในตอนที่แย่งชิงหุ้นของเป่หมิงเฟยหย่วนมาครอบครอง ทั้งยังไล่เขาออกจากตระกูลเป่หมิงด้วย
สาเหตุที่ทำเช่นนี้นั้นก็เป็นเพราะไม่ต้องการให้บิดาเสียใจอีกครั้งหลังจากที่อาหญิงเสียชีวิตไปเท่านั้นเอง
เมื่อกลับไปถึงหน้าห้องพักผู้ป่วยของบิดา เขาไม่ได้เข้าไป เพราะว่าสีหน้าของเขาในตอนนี้ดูไม่ได้เอาเสียเลย เขากังวลว่าบิดาจะมองอะไรออก
เขาเคาะประตูเบาๆอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่งสัญญาณมือเรียกฉิงฮัวที่อยู่ด้านในให้ออกมาผ่านหน้าต่างสังเกตการณ์บานเล็กมากบานหนึ่ง
“เจ้านาย จับคนเมื่อสักครู่นี้ได้หรือไม่ครับ เป็นใครกันแน่” ฉิงฮัวถามเป่หมิงโม่ทั้งที่คิ้วขมวด
เป่หมิงโม่ไม่พูดอะไร เพียงแต่หมุนตัวเดินจากห้องพักผู้ป่วยไป
ฉิงฮัวตามอยู่ด้านหลังเขาอย่างใกล้ชิด อยู่กับเจ้านายมาก็หลายปี เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของเขาอยู่มาก
ปฏิกิริยาในตอนนี้ของเจ้านาย ฉิงฮัวรู้สึกว่าเขาจะต้องพบกับคนคนนั้นแล้วอย่างแน่นอน แต่เพราะมีสาเหตุอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาปล่อยคนคนนั้นไปก่อน
ฟ้ามืดแล้ว ห้องของเป่หมิงยี่เฟิงไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว เขานอนอยู่บนเตียงเงียบๆ ไม่ได้หลับ แต่อาศัยแสงจันทร์ที่ส่องผ่านบานหน้าต่างเข้ามา ลืมตามองเพดานเหนือศีรษะ
นานมากแล้วที่ไม่ได้รู้สึกว่าสามารถเอนตัวลงนอนได้อย่างสงบ
ช่วงเวลานี้เขาอาศัยอยู่ด้านนอก ไม่ได้กลับบ้านมาตลอด ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น เพียงแค่กังวลว่าถ้าหากบิดามารดาทราบเรื่องเหล่านี้แล้ว จะห้ามเขาไม่ให้ทำ
“ก๊อกๆๆ……” เสียงเคาะประตูห้องเป่หมิงยี่เฟิงดังขึ้น
หลันเนี่ยนเปิดประตูอย่างเบามือ เกรงว่าจะทำเสียงดังปลุกลูกชายตัวเองตื่น ปรับแสงไฟให้สลัวเล็กน้อย ก็เห็นว่าลูกชายของตัวเองยังไม่ได้หลับ
“ยี่เฟิง คิดอะไรอยู่กัน ดึกขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องรอคุณพ่อแล้ว พวกเราทานข้าวกันก่อนเถอะ”
เป่หมิงยี่เฟิงหันศีรษะไปมองมารดาของตัวเอง พลางพยักหน้าเบาๆ
หลันเนี่ยนหมุนตัวออกไป
ผ่านไปครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงสับสนของหลันเนี่ยนดังขึ้นมาจากชั้นล่าง “เฟยหย่วน เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน ทำไมคุณถึงได้มีสภาพแบบนี้คะ!”
เป่หมิงยี่เฟิงคิ้วขมวด เขาพลิกตัวลงจากเตียง เดินออกไปจากห้องของตัวเองอย่างรวดเร็ว
เขาลงมาชั้นล่างอย่างเร่งรีบ เมื่อถึงห้องโถงใหญ่ก็เห็นเพียงแค่ผมเผ้าและร่างกายของบิดาตัวเองเต็มไปด้วยเศษดิน บนใบหน้าเขียวช้ำฟ้าม่วงเป็นจ้ำๆ มุมปากยังมีรอยเลือดแห้งกรังเปรอะเปื้อนเล็กน้อย
“คุณพ่อ คุณพ่อเป็นอะไรไป!” เป่หมิงยี่เฟิงวิ่งไปข้างกายเป่หมิงเฟยหย่วน มองบิดาของตัวเอง
หลันเนี่ยนที่อยู่ด้านข้างนั้นปิดปาก อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา
เป่หมิงเฟยหย่วนเห็นเป่หมิงยี่เฟิงกลับมาแล้ว นัยน์ตาก็เผยแววตกตะลึง
จากนั้นเขาก็ฝืนเค้นรอยยิ้มออกมา ส่ายศีรษะเบาๆ “ไม่มีอะไร พ่อเพียงแค่หกล้มเพราะไม่ระวัง”
เขาพูดแล้วก็ยื่นมือออกไปตบบ่าลูกชายเบาๆ
เงยหน้ามองก็เห็นว่าบนโต๊ะอาหารที่อยู่ไม่ไกลนั้นเต็มไปด้วยถ้วยชาม
เขาชี้นิ้วไปทางโต๊ะอาหาร “หึ……ยี่เฟิงลูกดูสิ ลูกกลับมาคราวนี้แม่ของลูกเตรียมอาหารอร่อยให้ลูกมากมาย พวกลูกไม่ต้องรอพ่อ กินกันก่อนเลย พ่อจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสักหน่อย”
เอ่ยจบ เขาก็มองภรรยาของตัวเองที่กำลังร้องไห้อยู่ ความอ่อนโยนปรากฏขึ้นในแววตา
***
อาหารเย็นมื้อนี้ ไม่ได้ครึกครื้นต่อการกลับมาของเป่หมิงยี่เฟิง แต่กลับเต็มไปด้วยความอึดอัดจนเห็นได้ชัด
ทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว เป่หมิงเฟยหย่วนส่งหลันเนี่ยนเข้าไปพักผ่อนในห้องนอน ทั้งยังปลอบใจเธอด้วยว่าตัวเองไม่เป็นอะไร ไม่ให้เธอคิดมาก
จากนั้นครู่หนึ่งเขาก็ออกมาจากห้องนอนเงียบๆ ปิดประตูอย่างเบามือ
เมื่อหันกลับมาก็เห็นเป่หมิงยี่เฟิงยืนอยู่ที่หน้าบันไดมองมาทางตัวเอง
เป่หมิงเฟยหย่วนรู้ว่าลูกชายจะพูดอะไร เขาส่งสัญญาณมือห้ามพูดให้กับเป่หมิงยี่เฟิงครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ชี้ลงไปที่ชั้นล่าง
สองพ่อลูกลงไปที่ชั้นล่างเงียบๆ
เป่หมิงยี่เฟิงยื่นยาในมือให้กับเป่หมิงเฟยหย่วน
เป่หมิงเฟยหย่วนยิ้มบางก่อนจะรับมา เปิดฝากระปุกยาออกแล้วเริ่มทายาบนใบหน้า
หมัดนี้ของเป่หมิงโม่ต่อยหนักจริงๆ ระหว่างทายานั้นก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจลึกเป็นพักๆ
“คุณพ่อ คุณพ่อบอกความจริงมาว่าบาดแผลนี้ได้มาได้อย่างไรเถอะครับ” ใบหน้าเป่หมิงยี่เฟิงเต็มไปด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
เป่หมิงเฟยหย่วนหยุดมือ ยิ้มบางๆ “ไม่ใช่บอกลูกไปแล้วหรือ พ่อออกไปแล้วไม่ระวังเลยล้มน่ะ”
เป่หมิงยี่เฟิงไม่ใช่เด็กเล็กๆจะเชื่อได้อย่างไรกัน “คุณพ่อครับ บาดแผลนี้ถ้าหากว่าคุณพ่อล้มล่ะก็ คงจะไม่ถึงกับต้องฟันหลุดไปสองซี่ คนพวกนั้นมาหาคุณพ่ออีกแล้วใช่ไหมครับ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ คิ้วเขาก็ขมวด ตอนแรกเขาเจรจาตกลงเงื่อนไขกับคนพวกนั้นเรียบร้อยแล้วว่าจะไม่แตะต้องเส้นผมแม้แต่เส้นเดียวของคุณพ่อ วันนี้คุณพ่อของเขาถูกต่อยเสียจนมีสภาพแบบนี้ จะไม่ให้เขาโกรธได้อย่างไรกัน มือของเขาที่กำเป็นหมัดนั้นสั่นกึกๆแล้ว
สีหน้าของเป่หมิงเฟยหย่วนซีด โบกมือไปทางลูกชาย “ยี่เฟิง บอกกับลูกแล้วว่าพ่อหกล้ม ก็คือหกล้มสิ ลูกอย่าไปหาคนพวกนั้นอย่างเด็ดขาดเชียวนะ ลูกคนเดียวจะเสียเปรียบได้ง่ายๆ เรื่องนี้นับว่าผ่านไปแล้ว ไม่ต้องจำใส่ใจหรอก ได้ยินไหม”
เป่หมิงยี่เฟิงที่ได้ยินก็โมโหยิ่งกว่าเดิม คิดว่าบิดากำลังช่วยพูดให้คนที่ต่อยเขาอยู่ เขาไม่ถามอะไรให้มากความ หมุนตัวต้องการจะเดินออกไปข้างนอก
“ยี่เฟิง ลูกจะไปทำอะไร” เสียงตวาดของเป่หมิงเฟยหย่วนทำให้เท้าเป่หมิงยี่เฟิงหยุดชะงัก
แต่ว่าชะงักเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น จากนั้นเขาก็ยังเดินออกไปอีก ตอนที่ออกจากประตูไปก็เอ่ยทิ้งไว้ประโยคหนึ่งว่า “คืนวันนี้ผมไม่กลับมานอนที่นี่แล้ว”
ลูกโตแล้ว ตอนนี้แม้ว่าตัวเองอยากจะห้ามก็ห้ามไม่อยู่
เขาทำได้เพียงแค่ยืนอยู่ที่เดิมมองเป่หมิงยี่เฟิงขับรถจากไป
*
เป่หมิงโม่พาฉิงฮัวออกมาจากโรงพยาบาล เขาไม่ได้กลับบ้าน แต่กลับให้ฉิงฮัวขับรถไปรอบๆเมือง A แทน
เรื่องราวบนดาดฟ้า ทำให้เขายังคงรู้สึกถึงบรรยากาศแบบนั้นอยู่
เดิมสามารถลากคนที่อยู่เบื้องหลังเป่หมิงเฟยหย่วนคนนั้นออกมาได้ แต่ทว่าฝ่ายตรงข้ามกลับเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าที่คิดเอาไว้
ตอนนั้นเองที่โทรศัพท์ของฉิงฮัวดังขึ้น ฉิงฮัวที่ได้รับโทรศัพท์แล้วก็เอ่ยออกมาหนึ่งประโยค “ฉันรู้แล้ว พวกนายก็จัดการทำความสะอาดสถานที่จัดงานที่ตกแต่งเรียบร้อยสักหน่อยแล้วค่อยกลับ ฉันกับเจ้านายคงจะไม่ไปดูแล้ว” เอ่ยจบประโยคก็วางโทรศัพท์
จากนั้นก็เอ่ยกับเป่หมิงโม่ว่า “เจ้านาย สถานที่จัดงานแต่งงานที่สวนตกแต่งเรียบร้อยแล้วครับ”
เป่หมิงโม่พยักหน้า จากนั้นก็เอ่ยกับฉิงฮัวว่า “กลับบ้าน”