ตอนที่ 594 ไอดอลของหยางหยาง
ชี้นิ้วไปยังชุดใหม่ที่สุดที่จัดแสดงอยู่ชุดหนึ่ง ชุดแต่งงานสีขาวชุดหนึ่งที่มีประกายระยิบระยับของกลิตเตอร์และตกแต่งด้วยคริสตัล
เพราะว่าครั้งที่แล้วที่เฟยเอ๋อมาที่นี่ได้พบกับซูยิ่งหวั่นโดยบังเอิญ
เดิมมาเลือกชุดแต่งงาน สุดท้ายกลับหน้าอมทุกข์กลับไปมือเปล่า
ครั้งนี้อาศัยโอกาสที่มาซื้อเสื้อผ้าให้ลูกชาย ถือโอกาสเลือกชุดแต่งงานให้เฟยเอ๋อด้วย
ฉิงฮัววางถุงเล็กใหญ่ไว้ที่กระโปรงหลังรถยนต์ จากนั้นก็เข้าไปในที่นั่งคนขับติดเครื่องยนต์
“เจ้านาย ยังต้องซื้ออะไรอีกหรือไม่ครับ” ฉิงฮัวหันกลับไปถาม
เป่หมิงโม่และเฉิงเฉิงนั่งอยู่เบาะด้านหลัง เขาเอนศีรษะพิงพนักเก้าอี้ มือหนึ่งนวดขมับ “ไม่ต้องแล้ว ไม่มีคนนอกอยู่ก็ไม่จำเป็นต้องมีของจำพวกต้อนรับแขก”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเรากลับบ้านเลยใช่ไหมครับ” ฉิงฮัวลองถาม
“อืม” เป่หมิงโม่รับคำ
รถยนต์เคลื่อนตัวออกจากอาคารซินดูในเวลากลางคืน มุ่งหน้าไปยังทิศทางของบ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิง
*
บ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิงในตอนนี้ คนทั้งบ้านกำลังจัดเตรียมงานแต่งงานของเป่หมิงโม่ในวันพรุ่งนี้
พูดว่าจัดเตรียม มันก็แค่เหล่าคนรับใช้ทำความสะอาดบ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิงใหม่รอบหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่มีบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองที่น่ายินดีเลยแม้แต่น้อย
เป่หมิงยันนั่งดูโทรทัศน์เป็นเพื่อนเจียงฮุ่ยซินอยู่ในห้องโถงใหญ่ ด้านข้างยังมีเฟยเอ๋อนั่งอยู่ด้วย
พรุ่งนี้เธอเป็นตัวเอก แต่ดูจากความรู้สึกบนใบหน้าของเธอแล้วมองไม่เห็นความดีใจเลยแม้แต่นิดเดียว
บางทีอาจจะเป็นเพราะรู้ว่างานแต่งงานไม่ได้จัดที่โรงแรมแมนดาริน แต่ถูกเลือกจัดอยู่ที่สวนดอกไม้ส่วนตัวของตระกูลเป่หมิง
เดิมเป็นงานมงคลที่จะมีแขกเหรื่อชั้นสูงมาร่วมงาน ก็เปลี่ยนเป็นงานแต่งงานเรียบง่ายที่ไม่มีคนนอกเข้าร่วมเลย
ตอนนี้เองที่รถยนต์ของเป่หมิงโม่ขับเข้ามาในบ้านใหญ่ตระกูลเป่หมิง
“เฉิงเฉิง กลับมาแล้วหรือจ๊ะ มาหาย่าเร็วเข้า ให้ย่าดูหน่อย” เจียงฮุ่ยซินพอเห็นเฉิงเฉิง ทั่วทั้งใบหน้าก็เต็มไปด้วยประกายแห่งความยินดีในทันที
“คุณย่า” เฉิงเฉิงตะโกนเรียกแล้วก็วิ่งเหยาะๆไปถึงเบื้องหน้าเจียงฮุ่ยซิน
เจียงฮุ่ยซินรวบเฉิงเฉิงเข้ามากอดในคราวเดียว “หลานชายสุดน่ารักของย่า เพิ่งจะจากไปได้ไม่กี่วัน ดูเราสิ ผอมลงไปเยอะเลย”
“คุณแม่ ไม่ได้โอเวอร์ขนาดนั้น เฉิงเฉิงอยู่กับแม่เขามีเพียงแค่ดียิ่งขึ้นถึงจะถูก” เป่หมิงยันเอ่ยแก้ไข
เจียงฮุ่ยซินยื่นมือออกไปโบกศีรษะเป่หมิงยัน “เจ้าลูกหน้าเหม็น สรุปว่าอยู่ฝ่ายไหนกันแน่ แม่ก็แค่สงสารเฉิงเฉิงถึงได้พูดแบบนี้ แม่ของเขาจะรักเขามากแค่ไหน ปัจจัยจะดีกว่าพวกเราหรือไงกัน”
เป่หมิงยันกุมศีรษะ “พอแล้ว พอแล้ว……คุณแม่พูดอะไรล้วนมีเหตุผลหมด”
ตอนนั้นเองที่เป่หมิงโม่เดินเข้ามากับฉิงฮัว
เขาพูดกับเฉิงเฉิงว่า “ลูกเอาเสื้อผ้าของลูกกับหยางหยางขึ้นไปลองที่ชั้นบนสิ”
เฉิงเฉิงพยักหน้า แกะมือเจียงฮุ่ยซินที่กอดอยู่ออก เดินไปอยู่เบื้องหน้าฉิงฮัวเตรียมจะถือเสื้อผ้า
“คุณชายน้อยเฉิงเฉิง คุณไม่ต้องถือครับ ผมจะถือของพวกนี้ขึ้นไปส่งให้กับคุณและคุณชายน้อยหยางหยางเองครับ” ฉิงฮัวรีบเอ่ย
เป่หมิงโม่มองไปที่เฟยเอ๋อ จากนั้นก็หันหน้ามาพูดกับฉิงฮัว “เอาชุดแต่งงานของเฟยเอ๋อขึ้นไปด้วย”
ฉิงฮัวรีบพยักหน้า จากนั้นก็ตามเฉิงเฉิงขึ้นไปชั้นบน
เฟยเอ๋อเห็นเป่หมิงโม่กลับมาแล้ว ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นมีรอยยิ้มในทันที รีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่ข้างกายเขา ช่วยนำเสื้อที่เขาถอดไปแขวนไว้ในราวแขวน
***
ฉิงฮัวถือเสื้อผ้าขึ้นมาที่ชั้นบน เฉิงเฉิงและหยางหยางเดินตามอยู่ด้านหลัง
เขาเข้าไปในห้องของเฉิงเฉิงก่อน วางเสื้อผ้าของเฉิงเฉิงลงบนเตียงเรียบร้อยแล้วก็เตรียมตัวจะจากไป
หยางหยางก็ก้าวตามไปติดๆ ยื่นมือไปกระตุกปลายเสื้อของฉิงฮัว
ฉิงฮัวหยุดเท้า หันกลับมามองหยางหยางอย่างไม่เข้าใจ “คุณชายน้อยหยางหยาง มีเรื่องอะไรหรือครับ”
หยางหยางหัวเราะอิอิ “ลุงหัวฟู คุณไม่ต้องไปที่ห้องผมหรอกครับ วางของของผมไว้ที่นี่ก็ได้”
“ครับ” ฉิงฮัวพยักหน้า วางเสื้อผ้าของเขาไว้ที่นี่ตามที่หยางหยางบอก
“คุณชายน้อยทั้งสอง ผมขอตัวก่อนนะครับ พวกคุณลองเสื้อผ้าเถอะ” ฉิงฮัวพูดแล้วก็หมุนตัวจากไป จากนั้นก็ปิดประตูเบาๆจากด้านนอก
เฉิงเฉิงนั่งอยู่บนเตียงของตัวเอง มองห้องที่ตัวเองเคยใช้ชีวิตอยู่มาหลายปี
เหมือนกับที่หยางหยางบอกไว้ว่า คุณย่าเก็บห้องของตัวเองเอาไว้ให้ อีกทั้งข้าวของภายในห้องล้วนไม่ได้ถูกขยับเลย
แม้กระทั่งตู้บนหัวเตียงก็ไม่มีแม้แต่เศษฝุ่น ดูท่าคุณย่าคงจะให้คนรับใช้เข้ามาทำความสะอาดวันละรอบทุกวัน
หยางหยางหยิบเสื้อผ้าออกมาจากในถุง โยนไปบนเตียงของเฉิงเฉิง
จากนั้นก็หมุนตัววิ่งไปที่หน้าประตู เปิดประตูแล้วยื่นศีรษะออกไปมองซ้ายมองขวาทางด้านนอกราวกับขโมย เมื่อมั่นใจแล้วว่าด้านนอกไม่มีคนอยู่ เขาก็ปิดประตูใหม่ พร้อมกับล็อกบานประตูด้วย
ถึงจะวางใจเดินกลับมาที่ข้างเตียงของเฉิงเฉิงแล้วขึ้นไปนั่งเช่นกัน
“ตอนที่พ่อนกสมควรตายไปรับนาย ไม่เห็นน้องสาวใช่ไหม” หยางหยางเขยิบเข้าไปข้างกายเฉิงเฉิง กดเสียงเบาๆ
เฉิงเฉิงพยักหน้า จากนั้นก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านของคุณแม่ให้หยางหยางฟังรอบหนึ่งแบบง่ายๆ
หยางหยางนั่งฟังอยู่ข้างๆอย่างตื่นเต้น เขาดีดนิ้วครั้งหนึ่ง “เฮ้ ตื่นเต้นจริงๆ”
เฉิงเฉิงใช้แขนถองหยางหยาง “คุณครูที่คุณพ่อเชิญมาให้นายคนนั้นเป็นอย่างไร นายตั้งใจเรียนหรือเปล่า ระวังตอนถึงเวลาสอบกลางภาคแล้วไม่ถึงเกณฑ์ คุณพ่อจะจัดการนาย”
เมื่อเอ่ยถึงครูโล่ใบหน้าของหยางหยางก็ปรากฏความเคารพนับถือออกมา “เรื่องนี้นายวางใจได้ มีครูโล่อยู่ ฉันสามารถพูดได้ว่าโจทย์ยากอะไรล้วนไม่กลัว เขาล้วนสามารถช่วยฉันแก้โจทย์ได้หมด”
เฉิงเฉิงมองหยางหยางอย่างดูถูก “นายคงจะไม่ได้ให้คุณครูทำโจทย์แทนนายหรอกนะ”
หยางหยางเบะปากมองเขา “ไม่ได้ให้เขาทำแทนฉันสักหน่อย สำหรับฉันในตอนนี้มีโจทย์มากมายก็เป็นแค่เรื่องเล็กๆแล้ว”
“นายอย่ามาโม้ ถึงเวลาสอบกลางภาคเห็นคะแนนก็รู้” เฉิงเฉิงเอ่ยจบก็หยิบเสื้อผ้าของตัวเองขึ้นมาลองสวม
หยางหยางสวมเสื้อผ้าไป พูดชมครูโล่ไม่หยุด “นายไม่รู้ว่าครูโล่ยอดเยี่ยมมากขนาดไหน เขาอธิบายโจทย์ให้ฉันฟัง ไม่เหมือนกับคุณครูที่โรงเรียนพวกนั้นพูดแม้แต่น้อย อีกอย่างเขายังเล่นเกมส์เก่งมาก เขาได้รับรางวัลในการแข่งขันระดับประเทศด้วยนะ ถึงเวลามีการแข่งขัน เขาจะพาฉันไปด้วยล่ะ”
ไม่นาน เฉิงเฉิงและหยางหยางล้วนสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ พวกเขาจูงมือกันลงไปที่ชั้นล่าง
เจียงฮุ่ยซินที่เห็นก็เอ่ยชมในทันที “ดูหลานชายสองคนนี้ของย่าสิ พอสวมเสื้อผ้าแบบนี้แล้วก็เหมือนกับโม่ในตอนเด็กราวกับพิมพ์เดียวกัน ลูกหลานตระกูลเป่หมิงของพวกเรา ควรจะสวมเสื้อผ้าแบบนี้ ไม่ใช่วันๆทำตัวเหมือนกับชาวบ้านทั่วไปในเมืองแบบนั้น”
เฉิงเฉิงและหยางหยางที่ได้ยินก็ขมวดคิ้วเล็กๆ เบื้องหน้าคุณย่ากำลังชมพวกเขา แต่ว่าแท้จริงแล้วกำลังดูถูกคุณแม่
เฉิงเฉิงเบนหน้าเล็กน้อย ใช้หางตาเหลือบมอง เห็นใบหน้าของหยางหยางกระตุกเกร็ง รูจมูกเล็กๆบานกว้าง
เขากังวลว่าหยางหยางจะทะเลาะกับคุณย่า จึงออกแรงหยิกมือหยางหยางไปครั้งหนึ่ง บอกใบ้ให้เขาอย่าหุนหันพลันแล่น
***
ที่จริงแล้วหยางหยางนั้นเข้าใจความหมายของเฉิงเฉิงว่าอยากให้เขาขอโทษคุณย่า เรื่องนี้นั้นถือว่าผ่านไปแล้ว
แต่หยางหยางที่อาศัยอยู่ในบ้านตระกูลเป่หมิงมาหลายวันนี้ ก็ขัดใจกับคุณย่าที่มักจะหาเหตุผลมาพูดถึงคุณแม่ในแง่ไม่ดี
เธอไม่เคยอยู่ร่วมกับคุณแม่ จะมาวิจารณ์คุณแม่ว่าไม่ดีตามใจแบบนี้ได้อย่างไรกัน
เป่หมิงยันก็รู้สึกว่าคำพูดแม่ของตัวเองนั้นเกินไปอยู่บ้าง
อีกทั้งพอเห็นความรู้สึกเล็กน้อยของหยางหยางนั้นก็ดูแล้วไม่พอใจอยู่บ้าง
ด้านหนึ่งก็รักแม่ของเขา อีกด้านก็หลานชายที่เขาค่อนข้างชื่นชอบ
ความขัดแย้งของสองคนนี้ดูท่าว่ายังคงต้องให้เขาออกมาไกล่เกลี่ยให้เข้าใจกัน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็รีบยกถ้วยชาให้กับเจียงฮุ่ยซิน “คุณแม่ครับ คุณแม่พูดเยอะมากพอแล้ว ดื่มน้ำหน่อยเถอะ”
เจียงฮุ่ยซินยิ้มให้กับเป่หมิงยัน “ยังคงเป็นลูกที่น่ารักที่สุด รู้จักสงสารแม่”
ในเวลานี้หยางหยางก็เอ่ยทับไปอีกประโยคหนึ่งว่า “คุณย่าพูดได้ถูก มีเพียงแค่ลูกชายที่จะปฏิบัติกับคุณแม่แท้ๆอย่างดี”
เอ่ยจบ เขาก็ปล่อยมือเฉิงเฉิง หมุนตัววิ่งขึ้นไปชั้นบน
ประโยคนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์รู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง โดยเฉพาะเจียงฮุ่ยซินและเฟยเอ๋อ ทั้งสองคนล้วนเป็นตัวแทนแม่เลี้ยงของตระกูลเป่หมิง
เป่หมิงโม่มองเงาร่างเล็กๆของหยางหยางที่วิ่งขึ้นไปชั้นบนแล้วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเข้าใจปฏิกิริยาตอบโต้ของหยางหยาง คำพูดที่เจียงฮุ่ยซินพูดก็ทำให้เขาที่ฟังอยู่รู้สึกฟังไม่เข้าหูมากอยู่เหมือนกัน
ใบหน้าของเจียงฮุ่ยซินในตอนนี้แดงก่ำเพราะความโมโห กระแทกถ้วยชาลงบนโต๊ะน้ำชาอย่างแรง “ใช้ไม่ได้เกินไปแล้ว นี่กำลังตีวัวกระทบคราดใช่ไหม โม่ เธอบอกสิว่าฉันปฏิบัติกับพวกเธอพี่น้องตระกูลเป่หมิงอย่างไม่ยุติธรรมหรือไม่”
จากนั้นก็หันไปมองเฉิงเฉิง “เฉิงเฉิง ย่าปฏิบัติกับเราไม่ดีหรือ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้นัยน์ตาเธอก็แดงก่ำ “นับตั้งแต่ฉันแต่งเข้ามาในตระกูลเป่หมิงของพวกเธอ เป็นวัวเป็นม้าไปแล้วครึ่งชีวิต สุดท้ายสิ่งที่ได้มาก็คือการถูกด่าว่าจากหลานชาย”
เป่หมิงโม่เดินไปถึงเบื้องหน้าเจียงฮุ่ยซิน “ป้าซิน คุณใจเย็นๆก่อน ล้วนเป็นผมที่สอนลูกไม่ดีเอง”
เจียงฮุ่ยซินส่ายหน้าเบาๆ ถอนหายใจยาว “เฮ้อ…..เด็กล่ะนะ แน่นอนว่าอยู่ด้วยกันกับใครบ่อยๆ ใครเล่นเป็นเพื่อนเขา ก็มักจะรู้สึกว่าใครดีกับเขา”
เอ่ยจบเธอก็กวักมือเรียกเฟยเอ๋อ เฟยเอ๋อเดินเข้ามา
จากนั้นก็เอ่ยกับเธอว่า “เธอก็อย่าเก็บมาใส่ใจเลย หลังจากนี้ก็ปฏิบัติกับเด็กๆให้ดี พวกเขาก็จะชอบเธอเอง”
เฟยเอ๋อพยักหน้าแรง
บรรยากาศกระอักกระอ่วนที่ถูกสร้างโดยหยางหยางก็ผ่านไปทั้งอย่างนี้
*
มื้อเย็นหยางหยางไม่ได้ลงมา เป่หมิงโม่ให้ฉิงฮัวไปเรียกหยางหยางลงมา
หยางหยางเข้ามาให้ห้องอาหารด้วยใบหน้าตึง นั่งที่นั่งที่ว่างอยู่ข้างเฉิงเฉิง
เป่หมิงโม่ที่นั่งอยู่ที่นั่งประธานถลึงตาใส่เขา “ยังไม่ขอโทษคุณย่าอีก”
หยางหยางเหลือบตามองเป่หมิงโม่ จากนั้นก็มองเจียงฮุ่ยซินที่นั่งอยู่ตรงข้าม ขยับปากไปมาแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร
เป่หมิงโม่เลิกคิ้ว ตอนที่กำลังจะโมโห เจียงฮุ่ยซินก็โบกมือให้เขา
จากนั้นก็ยิ้มบางๆพลางเอ่ยว่า “โม่ เรื่องนี้ผ่านไปแล้ว ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน มีอะไรต้องขอโทษ”
เธอพูดแล้วก็คีบปีกไก่น้ำแดงขึ้นมาชิ้นหนึ่งวางลงในชามของหยางหยาง จากนั้นก็พูดอย่างมีเมตตาว่า “หยางหยาง ที่จริงแล้วย่าไม่ได้พูดว่าคุณแม่ของหลานไม่ดี นี่คือปีกไก่ที่หลานชอบกิน รีบกินสิ”
ตอนนี้เองที่เฉิงเฉิงเตะหยางหยางใต้โต๊ะไปทีหนึ่ง ให้เขาพูดประโยคหนึ่งเพื่อให้เรื่องนี้ผ่านไป
หยางหยางมองไปที่เฉิงเฉิง จากนั้นก็มองเจียงฮุ่ยซิน พลางเอ่ยเสียงเบาประโยคหนึ่ง “ขอบคุณครับคุณย่า” จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาทานข้าว
***
อาหารมื้อเย็นทานเรียบร้อยแล้ว เหล่าคนรับใช้ของตระกูลเป่หมิงก็ยังคงยุ่งอยู่กับเรื่องงานแต่งงานในวันพรุ่งนี้
งานแต่งงานครั้งนี้เป็นงานที่สำคัญมาก ไม่อาจเทียบกับงานแต่งงานของเป่หมิงเฟยหย่วนในครั้งนั้นได้
วันนี้เป่หมิงโม่เข้ามาแทนตำแหน่งของท่านปู่เป่หมิงในตระกูลเป่หมิงแล้ว งานแต่งงานของเขาแม้ว่าจะไม่ได้จัดอย่างยิ่งใหญ่มากขนาดนั้น แต่บ้านใหญ่ตระกูลเป่หมิงยังคงต้องจัดให้สมเกียรติสมศักดิ์ศรี
เฉิงเฉิงวิ่งขึ้นไปเคาะประตูห้องของหยางหยางอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ม้วนตัวเข้าไป
เป่หมิงโม่นำฉิงฮัวเข้าไปในห้องหนังสือของตัวเอง
เฟยเอ๋อก็กลับไปยังห้องนอนของตัวเอง
เจียงฮุ่ยซินมีเป่หมิงยันนั่งดูโทรทัศน์เป็นเพื่อน
ในตอนนี้เองที่เธออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “พรุ่งนี้เป็นวันสำคัญที่น่ายินดีของตระกูลเป่หมิง แต่ว่าโม่กลับจัดงานอย่างเงียบๆ อีกทั้งยังมีแค่คนในครอบครัวที่เข้าร่วมงาน แต่กลับไม่แจ้งให้คุณพ่อเขาทราบ ยังมีครอบครัวพี่ชายใหญ่ของเรา แม่คิดว่าพวกเขาก็คงจะไม่เข้าร่วมแล้ว”