ตอนที่ 596 เรื่องไม่คาดฝัน
เป่หมิงยันโยนรีโมทโทรทัศน์ไปด้านข้าง ลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาถึงหน้าหลานชายตัวน้อยทั้งสองคน หัวเราะมีความสุขพลางมองเฉิงเฉิงอยู่พักหนึ่ง พร้อมกับยื่นมือไปลูบผมหยางหยาง “โอ้โห หยางหยาง เราเป็นอะไรไปน่ะ ตาดูแดงๆนะ”
หยางหยางเงยหน้ามองเป่หมิงยันอย่างนึกสนุก “อาสาม คุณก็เหมือนกันไม่ใช่หรือครับ พวกเราเหมือนกันๆ”
เมื่อคืนวานกว่าเป่หมิงยันจะนอนก็ดึกมาก ไม่ใช่เพราะอย่างอื่น
เขากับหยางหยางเล่นเครื่องวิดีโอเกมส์ล้วนใช้อินเทอร์เน็ต เขาฝึกเล่นเป็นเพื่อนกับหยางหยางให้ฟรีๆจนดึกมากกว่าจะได้นอน
เป่หมิงยันส่งสัญญาณให้หยางหยางว่าอย่าพูดอะไรไปมากกว่านี้เลย
เป่หมิงโม่เหลือบมอง สองอาหลานที่ ‘สมคบคิดกัน’ ครั้งหนึ่ง รู้สึกว่าหมดคำบรรยายแล้วจริงๆ
ในเวลานั้นเอง เสียงกริ่งของบ้านใหญ่ตระกูลเป่หมิงก็ดังขึ้น ฉิงฮัวรีบออกไปดูในทันที
ผ่านไปสักครู่ เขาก็นำคนหลายคนที่ถือกระเช้าผลไม้เข้ามา ทั้งยังอุ้มกล่องไวน์แดงที่ด้านบนแปะตัวอักษรที่แปลว่า ‘มีความสุข’ ตัวใหญ่เดินเข้ามา
ฉิงฮัวกำชับให้พวกเขาวางของเหล่านี้ไว้ด้านข้างแล้ว ก็หยิบซองแดงออกมาแจกจ่ายให้กับพวกเขา คนเหล่านั้นโค้งขอบคุณอย่างยินดีแล้วก็จากไป
ฉิงฮัวเดินมาถึงข้างกายเป่หมิงโม่ “เจ้านาย นี่คือของขวัญแสดงความยินดีที่คุณชายชูและคุณชายป่ายให้คนนำมาส่งให้ครับ”
เป่หมิงโม่พยักหน้า ตอนนั้นเองที่เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น
เขาหยิบขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นชูหยุนเฟิงโทรมา
“ฮัลโหล มีเรื่องอะไรหรือ”
ได้ยินเพียงแค่เสียงจ้อกแจ้กจอแจดังมาจากฝั่งชูหยุนเฟิง เขาหัวเราะอย่างมีความสุข เอ่ยพูดเสียงดังว่า “เป่หมิงเอ้อ นายช่างแล้งน้ำใจต่อเพื่อนฝูงเสียจริง เรื่องใหญ่อย่างการจัดงานแต่งงาน กลับมีเพียงแค่คนในครอบครัวของนายที่เข้าร่วม ดีร้ายอย่างไรนายก็เป็นคนที่มีชื่อเสียง ทำไมต้องทำราวกับว่าไม่มีหน้าไปพบผู้คนด้วยล่ะ นายทำให้ฉันกับป่ายมู่ซีขายหน้ามาก ดังนั้นพวกเราจึงไม่หน้าด้านไปแล้ว แม้ว่าพวกเราจะไม่ไป แต่ของขวัญไปแล้ว ส่วนเรื่องที่ชอบหรือไม่ชอบนั้นก็อย่าจับผิดพวกเราอีกเลย รอนายแต่งงานเรียบร้อยแล้ว ก็รีบพาพี่สะใภ้มาให้พวกเราสองคนรินเหล้าขอขมาด้วย”
เป่หมิงโม่คิ้วขมวดเล็กน้อย แปดส่วนไอ้หมอนี่ต้องอยู่ที่ร้านเหล้าของป่ายมู่ซีทั้งคืน
เขากล้าพูดจาแบบนี้กับตัวเอง แสดงว่าจะต้องดื่มมาเยอะอย่างแน่นอน
เป่หมิงโม่เพิ่งจะวางโทรศัพท์ เสียงของเจียงฮุ่ยซินก็ดังมาจากชั้นบน “โม่ เรามาดูสิว่าใครมาแล้ว”
ทุกคนหมุนตัวหันกลับไปมองที่ชั้นบน เห็นเพียงแค่เธอพาเฟยเอ๋อที่ถูกห้อมล้อมด้วยเหล่าคนรับใช้ค่อยๆเดินลงมา
เฟยเอ๋อสวมชุดแต่งงานสีขาวชุดที่เขาซื้อเมื่อวาน บวกกับการแต่งตัวแต่งหน้าที่คนรับใช้แต่งให้เธออย่างประณีตแล้วก็เหมือนกับถอดรกเปลี่ยนกระดูกใหม่อย่างไรอย่างนั้น
***
เป่หมิงยันเขยิบไปอยู่ข้างกายเป่หมิงโม่อย่างชั่วร้าย ใช้แขนถองเขา “พี่สะใภ้รองแต่งตัวแบบนี้แล้วดูไม่ออกเลยจริงๆว่ามีส่วนไหนที่ผิดปกติ”
เป่หมิงโม่เอ่ยเสียงเย็นชา “ความหมายของนายก็คือ ถ้าหากว่าเธอไม่แต่งตัว ทุกส่วนก็ดูผิดปกติไปหมดหรือ”
เป่หมิงยันหัวเราะอิอิ “ฉันก็แค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง อย่าคิดเป็นเรื่องจริงอย่างเด็ดขาดล่ะ ที่จริงแล้วไม่ได้บอกว่าพี่สะใภ้น่าเกลียด ฉันเพียงแค่ชมว่าวันนี้เธอสวยมากเท่านั้นเอง”
เป่หมิงโม่กลอกตามองบนใส่เขา “ถ้าหากว่าวันนี้ไม่ใช่วันพิเศษล่ะก็ ฉันชกนายไปนานแล้ว”
เป่หมิงยันหน้าม่อยคอตก เขยิบตัวออกห่างจากเป่หมิงโม่ให้ไกลหน่อย เขากลัวว่าไอ้หมอนี่จะมอบหมัดหนึ่งให้เขาอย่างนึกไม่ถึง ตั้งแต่เล็กจนโต การเสียเปรียบแบบนี้เขาก็โดนมาเยอะแล้ว
ตอนนี้ เฟยเอ๋อถูกเจียงฮุ่ยซินพาเดินมาถึงหน้าเป่หมิงโม่
เป่หมิงโม่มองเฟยเอ๋อ เห็นเพียงแต่เธอก้มศีรษะ
เขายื่นมือออกไป แตะคางเธอเบาๆ จากนั้นก็ยกให้เธอเงยศีรษะขึ้น
เห็นใบหน้าของเธอไม่มีแม้แต่รอยยิ้ม แต่เต็มไปด้วยท่าทางเหนื่อยล้าเหมือนกับมีเรื่องราวหนักใจ
เป่หมิงโม่คิ้วขมวดเล็กน้อย “เมื่อวานนี้คุณพักผ่อนไม่เพียงพอใช่หรือไม่”
เฟยเอ๋อก็พบว่าตัวเองไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไร จึงเค้นรอยยิ้มบางออกมา ส่ายศีรษะเบาๆพลางพูดว่า “โม่ ไม่มีอะไร อาจจะเพราะว่าเป็นเจ้าสาวของคุณจึงรู้สึกตื่นเต้นไปบ้าง”
หยางหยางได้ยินก็เบะปากดึงเฉิงเฉิงจากไป
เจียงฮุ่ยซินเห็นแล้วก็หัวเราะฮ่าๆ
เธอพูดกับเฟยเอ๋อและเป่หมิงโม่ว่า “เราดูสิ พวกเด็กๆอายจนหนีไปแล้ว”
แท้จริงแล้วเป็นอย่างที่เธอพูดเสียที่ไหนกัน หยางหยางลากเฉิงเฉิงเดินมาถึงข้างกายเป่หมิงยัน พลางเอ่ยเสียงเบา “ยายอัปลักษณ์ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับเสียที่ไหนกัน แปดส่วนน่าจะแอบยิ้มจนไม่ได้นอนทั้งคืนมากกว่า”
เป่หมิงยันยื่นมือออกมาดีดหน้าผากหยางหยางเบาๆทีหนึ่ง “ระวังถูกคุณพ่อและคุณแม่ในอนาคตได้ยิน ไม่อย่างนั้นคืนวันหลังจากนี้ของนายลำบากแน่ๆ”
หยางหยางเอามือทั้งสองข้างกุมศีรษะ คิ้วขมวด ทำปากจู๋ มองเป่หมิงยันด้วยใบหน้าโกรธๆ
เวลาในช่วงเช้านั้นผ่านไปเร็วมาก พริบตาเดียวก็ 9 โมงแล้ว
ฉิงฮัวมองนาฬิกา “เจ้านาย เชิญคุณและคุณเฟยเอ๋อขึ้นรถครับ”
เป่หมิงโม่พยักหน้า เฟยเอ๋อยืนอยู่ข้างกายเขา ยื่นมือคล้องไปที่แขนของเขา
พวกเขาสองคนค่อยๆเดินออกไปจากห้องโถง ตอนนั้นเอง บริเวณสวนกว้างของบ้านใหญ่ตระกูลเป่หมิงก็มีเสียงของประทัดดังขึ้น
ภายใต้เสียงดังของประทัด เป่หมิงโม่พาเฟยเอ๋อขึ้นรถ Rolls-Royce Phantom ที่ตกแต่งเรียบร้อยแล้วคันนั้นของเขา
เจียงฮุ่ยซินคล้องแขนเป่หมิงยัน ด้านหลังตามด้วยเฉิงเฉิงและหยางหยางก็ขึ้นรถของเหล่าลี่
เนื่องจากตอนนี้ท่านปู่เป่หมิงอยู่ที่โรงพยาบาล แม้ว่าอาการป่วยจะดีขึ้น แต่ว่ายังคงเคลื่อนไหวไม่คล่องตัว ดังนั้นจึงไม่ได้ไปรับเขาที่โรงพยาบาล และยิ่งไม่ได้แจ้งให้เขาทราบ
ในใจของเป่หมิงโม่นั้นทราบชัดเจนดีกว่า บิดาไม่เห็นด้วยที่จะให้เขากับกู้ฮอนอยู่ด้วยกัน แต่ยิ่งไม่เห็นด้วยกับการที่เขาอยู่กับเฟยเอ๋อยิ่งกว่า
แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดออกมา แต่เมื่อก่อนตอนอยู่ที่บ้าน เขาแสดงท่าทางออกมาในทางนี้แล้ว
ฉิงฮัวขับเคลื่อนรถยนต์ เป่หมิงโม่ถามเขาว่า “ทางโรงพยาบาลมีส่งคนไปหรือไม่”
ฉิงฮัวพยักหน้า “เจ้านาย ผมเพิ่งจะส่งคนไปหาทางคุณท่านเป่หมิงสองคน คาดว่าน่าจะใกล้ถึงแล้วครับ”
เป่หมิงโม่พยักหน้า
รถยนต์สองคันก็เคลื่อนตัวออกจากบ้านใหญ่ตระกูลเป่หมิงมุ่งหน้าไปยังสวนส่วนตัวของตระกูลอย่างเรียบง่ายแบบนั้น
เพิ่งจะขับไปได้ไม่ไกล โทรศัพท์ของฉิงฮัวก็ดังขึ้น
เขายื่นมือกดปุ่มรับสายที่หูฟัง “มีเรื่องอะไร”
ได้ยินเพียงแค่น้ำเสียงที่ค่อนข้างเคร่งเครียดของคนทางด้านนั้นพูดว่า “หัวหน้า พวกเราถึงโรงพยาบาลแล้ว แต่ได้ยินคุณหมอที่เข้าเวรบอกว่า คุณปู่เป่หมิงถูกคนของตระกูลเป่หมิงรับไปแล้วเพราะต้องเข้าร่วมงานแต่งงานของเจ้านาย”
***
ฉิงฮัวได้ยินก็แอบร้องในใจว่าไม่ดีแล้ว
เรื่องที่เจ้านายจัดงานแต่งงานนั้นปิดบังคุณท่านเป่หมิงเอาไว้ ยิ่งไม่ต้องพูดว่าจะให้คุณท่านเป่หมิงเข้าร่วมงานเลย
เรื่องนี้จะต้องมีลับลมคมในอย่างแน่นอน
เขาคิ้วขมวดพลางเอ่ยถามต่อว่า “นายถามคุณหมอที่เข้าเวรแล้วหรือยังว่าคนพวกนั้นรับคุณท่านเป่หมิงไปที่ไหน”
คนที่อยู่อีกฝั่งของโทรศัพท์ตอบว่า “พวกเราเพิ่งจะสอบถามคุณหมอ เขาบอกว่าไปโรงแรมแมนดารินของเจ้านาย”
ฉิงฮัวคิ้วขมวดเล็กน้อย เขาสงสัยมาโดยตลอดว่านี่เป็นเรื่องการลักพาตัว
แต่แบบนี้ดูท่าว่าจะไม่เหมือน
หรือว่าเหมือนกับเรื่องตอนที่อยู่ที่ฟาร์มนะ มีคนแอบเปิดเผยข่าวคราวให้กับคุณท่านเป่หมิงอีกครั้ง
“เจ้านาย คนที่ผมส่งไปเมื่อสักครู่บอกกับผมว่า คุณท่านเป่หมิงถูกคนของพวกเรารับจากโรงพยาบาลไปโรงแรมแมนดารินแล้ว” ฉิงฮัวเอ่ยพูด
เป่หมิงโม่ที่นั่งอยู่ด้านหลังยังคงมีท่าทางสงบนิ่ง มีเพียงแค่คิ้วที่ขมวดตอนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็เอ่ยกับฉิงฮัวว่า “ไปดูที่โรงแรมก่อนว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
ฉิงฮัวพยักหน้า เหยียบคันเร่ง มุ่งหน้าไปยังโรงแรมแมนดารินอย่างรวดเร็ว
เฟยเอ๋อได้ยินว่าคุณท่านเป่หมิงถูกคนรับไปแล้ว ใจก็สั่นเบาๆ
ไม่ใช่เพราะอย่างอื่น ในใจเธอทราบชัดเจนแจ่มแจ้ง คนคนนั้นเริ่มลงมือแล้ว
เธออยากจะบอกเรื่องนี้กับเป่หมิงโม่มาก
แต่ในใจเธอก็เข้าใจดีว่า ถ้าหากพูดไปแล้ว เป่หมิงโม่จะต้องไล่ตัวเองลงจากรถในทันที จากนั้นก็ไม่ได้พบกันอีกตลอดกาล ถ้าหากว่าเกิดเรื่องเหนือความคาดหมายกับคุณท่านเป่หมิงล่ะก็ ผลลัพธ์สุดท้ายนั้นก็ไม่กล้าจะจินตนาการ
*
รถยนต์ของเป่หมิงโม่เพิ่มความเร็วขึ้นมากะทันหัน ทำให้คนที่อยู่ในรถคันหลังรู้สึกประหลาดใจมาก
เจียงฮุ่ยซินขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยกับเป่หมิงยันที่อยู่ข้างกายว่า “ยันยัน ต่อสายโทรศัพท์หาโม่หน่อยดีไหม ถามเขาสักหน่อยว่าเกิดเรื่องเร่งรีบอะไรกะทันหันหรือ”
เป่หมิงยันยังคงมีท่าทางสงบนิ่งอย่างเห็นได้ชัด เขาเอ่ยปลอบเจียงฮุ่ยซิน “คุณแม่ครับ มีอะไรที่ต้องกังวลใจกับเขา ถ้าหากว่าคุณแม่อยากรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ให้เหล่าลี่ขับตามไปก็รู้ชัดแล้วไม่ใช่หรือ”
เจียงฮุ่ยซินคิดๆแล้วก็ใช่ จึงรีบพูดกับเหล่าลี่ที่ขับรถว่า “นายรีบเพิ่มความเร็วตามรถของโม่ไป”
“ครับท่านนางเป่หมิง”
บนถนนของเมือง A รถยนต์สองคันขับผ่านรถแต่ละคันไปด้วยความรวดเร็ว
*
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง รถยนต์ของเป่หมิงโม่ก็จอดอยู่บริเวณสี่แยกห่างจากโรงแรมแมนดารินไม่เกิน 50 เมตร ประจวบเหมาะกับที่ไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีแดงพอดี
ที่นี่สามารถมองเห็นระเบียงและประตูใหญ่ของโรงแรมแมนดารินที่อยู่ถนนฝั่งตรงข้ามได้อย่างชัดเจน
ฉิงฮัวมือจับพวงมาลัย รอไฟจราจรสีแดงอย่างกระวนกระวาย เวลาเดียวกันเขาก็สังเกตประตูของโรงแรมอย่างละเอียด ไม่มีอะไรผิดปกติ
ตอนนี้เอง เขาพบว่าบนถนนอีกเส้นมีรถตู้คันหนึ่งขับผ่านสี่แยกไป หัวรถเลี้ยวเข้าไปบนที่จอดรถหน้าประตูของโรงแรม
ผ่านไปสักครู่รถคันนั้นก็เริ่มเคลื่อนตัวจากไป เหลือเพียงแค่เก้าอี้รถเข็นคันหนึ่ง บนเก้าอี้มีคนนั่งอยู่คนหนึ่ง
ตอนนั้นเองมีพนักงานสองสามคนเดินออกมาจากในโรงแรม ยังมีผู้จัดการแผนกต้อนรับด้วย
พวกเขาห้อมล้อมอยู่รอบด้านราวกับดวงดาวล้อมพระจันทร์ เชิญคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็นเข้าไป
ฉิงฮัวขมวดคิ้วเล็กๆ แม้ว่าเขาจะเห็นเพียงแค่ด้านหลังของเก้าอี้รถเข็น แต่ก็สามารถมองออกว่าคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็นนั้นก็คือคุณท่านเป่หมิง!
“เจ้านาย คุณท่านเป่หมิงถูกคนพามาส่งที่นี่จริงๆครับ!” ฉิงฮัวรีบบอกกับเป่หมิงโม่
เป่หมิงโม่รีบยืดตัวขึ้น มองไปยังคนพวกนั้นที่มาต้อนรับพาท่านปู่เป่หมิงเข้าไป
“รีบขับไปเร็วเข้า!” เป่หมิงโม่เอ่ย
ฉิงฮัวรีบเหยียบคันเร่ง รถยนต์พุ่งตัวไปข้างหน้าราวกับลูกธนู ขับผ่านสี่แยกมุ่งหน้าไปทางระเบียงประตูของโรงแรม
“เอี๊ยด…..” ในไม่ช้าก็ได้ยินเสียงเสียดแก้วหูจากการเหยียบเบรกดังขึ้น รถยนต์ถูกจอดอยู่หน้าประตูใหญ่ของโรงแรม
หลังจากรถยนต์จอดนิ่งสนิทแล้ว ฉิงฮัวกับเป่หมิงโม่ก็ลงจากรถอย่างรวดเร็ว เดินเข้าไปในห้องโถงต้อนรับของโรงแรม
***
เฟยเอ๋อมองเป่หมิงโม่กับฉิงฮัวที่เดินเข้าไปในห้องโถงต้อนรับของโรงแรมอย่างรีบร้อน
ตอนที่เป่หมิงโม่ลงจากรถได้กำชับกับเธอว่าอย่าลงจากรถ
ในตอนนั้น เฟยเอ๋อนั่งอยู่ในรถเพียงคนเดียว หัวใจเต้นระรัวราวกับตีกลอง
เธอคิดถึงวันนั้นที่ตัวเองถือกล่องติดโบว์สีแดงมาถึงที่โรงแรมแมนดาริน
แล้วทำตามคำสั่ง เธอวางกล่องใบนี้ไว้ในกล่องใส่ขยะบริเวณทางออกฉุกเฉินที่ชั้นหก
จากนั้นก็หมุนตัวจากไป
เธอไม่รู้ว่าด้านในใส่อะไรไว้กันแน่ และจนถึงตอนนี้ก็ยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมไอ้บ้าคนนั้นจะต้องให้ตัวเองหรือไม่ก็คนอื่นนำสิ่งนั้นมา แต่ไม่ใช่ตัวเองที่ลงมือกระทำเองกัน
เธอกลัวว่านี่จะเป็นกับดัก โดยเฉพาะการที่ได้ยินว่ามีคนพาท่านปู่เป่หมิงมาส่งที่นี่ในวันนี้อย่างน่าประหลาดแล้วนั้น เธอก็ยิ่งแน่ใจว่านี่คือกับดักที่ใช้ท่านปู่เป่หมิงเป็นเหยื่อ
ด้านหนึ่งเธอก็กังวลใจว่าเป่หมิงโม่ไปแล้วจะเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น
อีกด้านหนึ่งเธอก็กลัวว่าจะเกิดอะไรที่คาดไม่ถึงกับท่านปู่เป่หมิง
สุดท้ายแล้ว เฟยเอ๋อก็ยังคงลงจากรถทั้งชุดแต่งงาน เพียงแต่ว่าสวมชุดกระโปรงเลยทำให้ไม่สะดวกนัก ดังนั้นการเคลื่อนไหวจึงเป็นไปอย่างเชื่องช้า
ตอนที่เธอเข้าไปด้านในก็เห็นเป่หมิงโม่และฉิงฮัวที่ยืนอยู่หน้าลิฟต์ของห้องโถงรับรองที่เพิ่งจะลงมาถึง