ตอนที่ 597 กู้ภัย
ผู้จัดการฝ่ายต้อนรับฮึมฮัมเบาๆอย่างมีความสุขแล้วก้มหน้าเดินกลับไป เห็นคนสองคนเดินเข้าประตูมา เขามองแล้วก็วิ่งเข้าไปต้อนรับด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มในทันที “ประธานเป่หมิง คุณมาได้ประจวบเหมาะเสียจริง เมื่อสักครู่คุณเป่หมิงเพิ่งจะมา ไม่ใช่บอกว่าจะไม่จัดงานแต่งงานที่นี่แล้วหรือ ทำไมถึงได้มาที่นี่อย่างกะทันหันล่ะครับ”
ฉิงฮัวไม่ได้สนใจเขาที่ถามมา แต่ถามเขากลับว่า “คุณพาคุณท่านเป่หมิงขึ้นไปส่งที่ห้องจัดเลี้ยงที่ชั้นบนแล้วใช่หรือไม่”
ผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์พยักหน้า ตอบคำถามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความงุนงง “ไม่ผิดครับ ผมจัดพนักงานสองคนไปส่งคุณเป่หมิงขึ้นลิฟต์โดยสารแล้วครับ”
เป่หมิงโม่หมุนตัวเดินไปทางลิฟต์โดยสารอย่างรวดเร็ว
เมื่อถึงหน้าประตูลิฟต์โดยสารก็เห็นตัวลิฟต์โดยสารมุ่งหน้าขึ้นไปสู่ห้องจัดเลี้ยงที่ชั้นบนสุด หน้าจอแสดงตัวเลขว่าตอนนี้ถึงชั้นที่ 6 แล้ว และยังคงเพิ่มชั้นขึ้นเรื่อยๆ
ฉิงฮัวเอ่ยถามผู้จัดการฝ่ายรับรองต่อว่า “คุณเคยเห็นคนที่มาส่งคุณท่านเป่หมิงเมื่อสักครู่หรือไม่”
ผู้จัดการฝ่ายรับรองส่ายศีรษะ “พวกเขาล้วนไม่คุ้นหน้าคุ้นตาครับ ทำไมหรือ มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ”
ฉิงฮัวคิ้วขมวด ส่ายหน้าเบาๆ
ยื่นมือออกไปตบบ่าของผู้จัดการฝ่ายรับรอง “ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว คุณไปทำงานของคุณต่อเถอะ”
ฉิงฮัวก็รีบเดินไปยังลิฟต์โดยสาร
“เจ้านาย พวกเขามองไม่ออกว่าคนที่มาส่งคุณท่านเป่หมิงคือใครครับ”
เป่หมิงโม่พยักหน้า
*
รถคันที่พวกของเจียงฮุ่ยซินนั่งรอจนไฟเขียวแล้วก็ค่อยๆขับเคลื่อนมายังลานหน้าประตูของโรงแรมแมนดาริน จอดอยู่หลังรถของเป่หมิงโม่
ระหว่างที่เธอและเป่หมิงยันรอรถรอไฟแดงอยู่นั้น ก็เห็นเป่หมิงโม่และฉิงฮัวเดินเข้าไปในห้องโถงรับรองของโรงแรมอย่างเร่งรีบ
เมื่อพวกเธอเข้าไปในห้องโถงรับรอง เฟยเอ๋อก็กำลังยกกระโปรงขึ้นเดินไปทางลิฟต์โดยสารอย่างร้อนรน
เจียงฮุ่ยซินเรียกเฟยเอ๋อให้หยุด แล้วรีบเดินเข้าไปถามเธอว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
ในใจเฟยเอ๋อมีพิรุธ เธอเพียงแค่บอกกับเจียงฮุ่ยซินว่า ได้ยินฉิงฮัวพูดว่าคุณท่านเป่หมิงถูกคนรับมาที่นี่ตอนอยู่ในรถ
เมื่อได้ยินข่าวนี้ เธอกับเป่หมิงยันก็สบตากันอย่างประหลาดใจมาก
ในตอนนี้เองที่ได้ยินเสียงดังราวกับฟ้าผ่าดังขึ้น ทำให้คนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นล้วนตกอกตกใจไปตามๆกัน
จากนั้นก็มีเสียงเหมือนกับเหล็กขูดกับแผ่นเหล็กดังแสบแก้วหูลอยมาจากลิฟต์โดยสารจากที่ไกลๆจนถึงระยะใกล้
ทำให้คนที่ได้ยินนั้นรู้สึกหนังศีรษะชาหนึบ
คนในห้องโถงรับรองล้วนยกมือขึ้นมาปิดหูแน่น ยังมีคนส่งเสียงกรีดร้องว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่!
หลังจากหลายวินาทีอันยาวนานผ่านไป ตามด้วยเสียงที่ดังจนน่าอึดอัด ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง
***
บางทีทุกคนอาจจะถูกเรื่องเกินความคาดหมายนี้ทำให้ตื่นตระหนกไปแล้ว
พวกเขาล้วนเกือบจะหยุดชะงักทั้งหมด
หลังจากหลายวินาทียาวนานผ่านไป มีคนคนหนึ่งวิ่งออกมาจากชั้นล่างของทางออกฉุกเฉิน เขาหอบหายใจไม่หยุด ตะโกนเสียงดังขาดๆหายๆว่า “ลิฟต์โดยสารตกลงมากแล้ว รีบไปแจ้งความเร็วเข้า!”
เฟยเอ๋อที่ถูกทำให้ตกใจก็คิดถึงเป่หมิงโม่ที่ยังอยู่ในลิฟต์โดยสารทันที ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับเขาหรือไม่
เธอเอ่ยกับเป่หมิงยันว่า “โม่ยังอยู่ในลิฟต์โดยสาร คุณรีบไปดูเร็วเข้าว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขาหรือเปล่า!”
เป่หมิงยันพยักหน้า จากนั้นก็พูดกับเจียงฮุ่ยซินที่ถูกทำให้ตะลึงค้างว่า “คุณแม่ครับ ดูแลเฉิงเฉิงกับหยางหยางดีๆนะ ผมไปครู่เดียวก็กลับมาแล้ว”
เอ่ยจบก็หมุนตัววิ่งไปทางลิฟต์โดยสาร
*
เป่หมิงโม่และฉิงฮัวที่อยู่ในลิฟต์โดยสารอีกตัวหนึ่งมองไปยังลิฟต์อีกตัวที่บรรทุกท่านปู่เป่หมิงอยู่ค่อยๆไต่ขึ้นไปยังชั้นบน อีกด้านก็กดปุ่มที่อยู่ด้านข้างลิฟต์โดยสารไม่หยุด แต่ทำอย่างไรได้ลิฟต์โดยสารตัวนั้นเหมือนกับเกิดเหตุขัดข้องอย่างไรอย่างนั้น หยุดอยู่ที่ชั้นสิบแล้วก็ไม่เคลื่อนที่แล้ว
เมื่อเสียงดังเหมือนฟ้าผ่าดังขึ้นมาจากช่องว่างของตัวลิฟต์โดยสาร เขาก็รู้สึกขึ้นมาได้ในทันทีว่าสถานการณ์ไม่ดีเสียแล้ว
อีกทั้ง เรื่องที่ไม่ดีก็เกิดขึ้นมาติดๆ ลิฟต์โดยสารร่วงลงจากความสูงที่ชั้นสิบลงไปด้านล่างด้วยความเร็วสูง
เสียงแสบแก้วหูนั้นราวกับเสียงดาบคม แทบจะแทงแก้วหูเขาทะลุแล้ว
จนสุดท้ายก็มีเสียง “ปัง” ดังขึ้น เขารู้สึกว่าพื้นดินใต้เท้าของตัวเองสั่นสะเทือนเล็กน้อย
เมื่อคิดถึงบิดาตัวเองที่อยู่ในห้องลิฟต์โดยสารตัวนั้น ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นแล้ว
เป่หมิงโม่ก็เหมือนกับจะเป็นบ้า พุ่งตัวไปยังทางออกฉุกเฉิน ฉิงฮัวก็วิ่งตามเข้าไป
ลานจอดรถชั้นสองข้างใต้โรงแรมแมนดาริน ตัวลิฟต์โดยสารก็ร่วงตรงลงมาจนถึงชั้นใต้ดินที่สอง
พวกเขารีบวิ่งลงมาจากบันได ไม่ถึงครึ่งนาที พวกเขาก็มาถึงหน้าประตูลิฟต์โดยสาร
เนื่องจากลิฟต์โดยสารตกลงมาด้วยความเร็วสูง ใต้ห้องโดยสารที่ถูกเสียดสีจึงมีควันลอยออกมา ทำให้ผู้คนนั้นเกือบจะหายใจไม่ออก ไม่ใช่เพียงแค่นี้เท่านั้น ยังเห็นได้ชัดว่าหลอดไฟที่อยู่ด้านในนั้นถูกกระแทกจนแตก ตอนนี้เต็มไปด้วยความมืดมิด
ฉิงฮัวเปิดโทรศัพท์มือถือ ใช้แสงไฟสว่างอันน้อยนิดส่องไปยังทางใต้เท้าของเขา
แต่จะทำอย่างไรได้ หมอกควันมากเกินไป แสงสว่างจากโทรศัพท์มือถือนั้นเหมือนกับน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟอย่างไรอย่างนั้น
เป่หมิงโม่เคาะประตูโลหะของลิฟต์โดยสารที่ปิดสนิทอยู่อย่างแรง ตะโกนเรียกเสียงดังว่า “คุณพ่อ คุณพ่ออยู่ด้านในหรือเปล่าครับ!”
ฉิงฮัวก็ตะโกนเสียงดังเช่นกัน “คุณท่านครับ ถ้าหากว่าคุณท่านได้ยินแล้วช่วยเคาะประตูหน่อยครับ”
ที่นี่ฝุ่นควันเยอะมากเกินไป พวกเขาตะโกนได้ไม่กี่ครั้งก็สำลักจนไอออกมา
ฉิงฮัวพูดกับเป่หมิงโม่ว่า “เจ้านาย ดูท่าพวกเราคงจะต้องรอหน่วยกู้ภัยมาแล้วล่ะครับ บางทีคุณท่านอาจจะไม่ได้โดยสารลิฟต์โดยสารตัวนี้แต่ขึ้นลิฟต์โดยสารอีกตัวก็ไม่แน่นะครับ”
เป่หมิงโม่ยังคงไม่วางใจอยู่บ้าง มือทั้งสองข้างวางทาบอยู่บนประตูลิฟต์โดยสาร วางแผนจะเปิดประตูออก แต่หลังจากลองไปหลายครั้งจนเหนื่อยล้าหมดแรง ประตูลิฟต์โดยสารก็ยังคงไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย”
ฉิงฮัวตามมาถึงด้านนอกของลิฟต์โดยสารอย่างจนปัญญานั้น ตรงนี้ยังมีแสงสว่างอยู่บ้าง
ตอนนี้เองที่เป่หมิงยันวิ่งลงมาจากด้านบน เขาเห็นเป่หมิงโม่ก็เอ่ยถามอย่างร้อนใจ “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ”
ฉิงฮัวคิ้วขมวด เอ่ยตอบว่า “ตอนที่พวกเราออกเดินทางก็ทราบมาว่าคุณท่านเป่หมิงถูกคนพาออกมาจากโรงพยาบาล เป้าหมายของพวกเขาก็คือมาเข้าร่วมงานแต่งงานของเจ้านาย รอจนผมกับเจ้านายมาถึงก็ยังช้าไปก้าวหนึ่ง คุณท่านเป่หมิงนั้นขึ้นลิฟต์โดยสารตัวนี้…….”
เป่หมิงยันที่ได้ยิน ในสมองก็มีเสียง “วี้ด” ดังขึ้น ดวงตาของเขาจ้องเขม็งไปที่ฉิงฮัว “ความหมายของคำพูดนายก็คือ พ่อของฉันถูกคนรับมาร่วมงานแต่งงานที่นี่ จากนั้นลิฟต์โดยสารตัวนี้ก็ขึ้นไปได้ครึ่งทางแล้วร่วงลงมาอย่างไร้การควบคุมหรือ”
ฉิงฮัวมองเป่หมิงยันแล้วพยักหน้าเงียบๆ
***
เป่หมิงยันนั้นจินตนาการไม่ออกเลยว่าเรื่องราวจะเป็นแบบนี้
เป่หมิงยันจ้องไปทางเป่หมิงโม่แล้วเอ่ยถามอย่างต้องการการยืนยัน “ไม่ใช่ว่านายเก็บรักษาความลับได้ดีหรอกหรือ สื่อมวลชนทั้งเมืองล้วนปิดได้ แล้วทำไมถึงปิดบังคนแก่คนหนึ่งที่นอนไร้เรี่ยวแรงอยู่บนเตียงไม่ได้กัน!”
“คุณชายเป่หมิงยัน เรื่องนี้ไม่อาจโทษเจ้านายได้ครับ” ฉิงฮัวรีบอธิบายแก้ตัว
เป่หมิงยันหันหน้าที่มีรอยยิ้มเย็นชาไปมองฉิงฮัว “ถ้าหากว่าไม่โทษเขา ฉันก็คิดไม่ออกว่าในเมือง A จะมีใครที่สามารถทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้อีก”
ในตอนนั้นเองที่เสียงโทรศัพท์มือถือของเป่หมิงโม่ดังขึ้น
เป่หมิงโม่มองแล้วก็เป็นเบอร์โทรศัพท์แปลกหน้า เขากดรับสาย “ฮัลโหล”
ได้ยินเพียงแค่น้ำเสียงคุ้นหูเขาลอยมาเสียงหนึ่ง อีกทั้งเสียงนี้ทำให้เขาไม่มีวันลืม “หึๆ ได้ยินมาว่าคุณจะแต่งงานวันนี้ ผมส่งของขวัญแสดงความยินดีชิ้นหนึ่งให้คุณเป็นพิเศษ คาดเดาว่าคุณคงได้รับแล้วสินะ เสียง “ปัง” ที่ดังยิ่งกว่าเสียงของพลุน่ะ”
เป่หมิงโม่ถลึงตาขึ้นมาในเสี้ยววินาที “นายพูดว่าอะไรนะ นายเป็นคนทำเรื่องนี้สินะ!”
คนที่อยู่ในสายโทรศัพท์นั้นกำลังนั่งอยู่บนรถออดี้A6 สีขาวคันหนึ่งที่ไม่มีป้ายทะเบียนรถ
ประจวบเหมาะกับที่ด้านหน้าของเขาสามารถมองเห็นชายหนุ่มสามคนที่ยืนอยู่ด้านนอกลิฟต์โดยสารที่อยู่ไม่ไกลได้
เขาหัวเราะเสียงเย็น “คุณไม่มีหลักฐานก็ไม่อาจจะกล่าวหาผู้อื่นนะ ผมเพียงแค่โทรมาทักทายคุณเท่านั้นเอง”
เอ่ยจบเขาก็กดตัดสายโทรศัพท์
“สารเลว!” เป่หมิงโม่ปาโทรศัพท์มือถือของตัวเองลงบนพื้นอย่างโมโห
เขาในตอนนี้อยากจะจับไอ้หมอนั่นออกมาแล้วชกแรงๆสักยกหนึ่ง
ครั้งที่แล้วก็ให้เขาขุดเจอแขนที่หักไปของมารดาตัวเองกับมือ
ส่วนครั้งนี้ก็ต้องมองบิดาของตัวเองที่โดยสารอยู่ในลิฟต์โดยสารแล้วร่วงลงมาอย่างทำอะไรไม่ได้
เป่หมิงยันและฉิงฮัวในตอนนั้นไม่ได้ถกเถียงกันอีกแล้ว แต่ล้วนหันไปมองเป่หมิงโม่
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง รถออดี้สีขาวคันหนึ่งที่อยู่ห่างจากพวกเขาไม่ไกลมากนักก็เริ่มเคลื่อนตัว เสียงดังของเครื่องยนต์ที่ลอยมาชั่วขณะหนึ่งนั้นทำให้ลานจอดรถที่เงียบสงัดมีเสียงขึ้นมาในเสี้ยววินาที
รถคันนั้นไม่ได้ขับเร็วมาก ตอนที่ขับผ่านเป่หมิงโม่ไปใน หน้าต่างของรถก็ค่อยๆลดลง เผยให้เห็นใบหน้าของคนขับ
แว่นตากันแดดสีเข้มอยู่บนจมูกโด่งเป็นสันของเขา
แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่อาศัยแสงสว่างจากไฟในรถก็ยังสามารถมองเห็นใบหน้าหล่อเหลาของคนคนนี้ได้
เป่หมิงโม่ในตอนนี้จิตใจสับสนวุ่นวาย รถคันนี้ค่อยๆขับเข้ามาดึงดูดความสนใจของเขา
รถคันนี้ขับผ่านหน้าเขาไป เขาสบตาเข้ากับชายหนุ่มที่สวมแว่นกันแดดในระยะเวลาสั้นๆ ริมฝีปากของชายหนุ่มคนนั้นเผยรอยยิ้มเยาะออกมาก
เป่หมิงโม่นัยน์ตาเบิกโต แม้ว่าจะเห็นใบหน้าของคนคนนี้ไม่ชัดเจน แต่ว่าท่าทางตอนที่เขายิ้มเยาะนั้นทำให้เป่หมิงโม่รู้สึกคุ้นเคยมาก
สุดท้ายแล้วในสมองก็มีชื่อของคนคนหนึ่งลอยเข้ามา
“ถังเทียนจื๋อ!” ในที่สุดเป่หมิงโม่ก็คำรามออกมาด้วยความโกรธ
ใบหน้าของเขาถูกเลือดสูบฉีดขึ้นมาจนแดงก่ำ นัยน์ตาของเขาราวกับจะกลืนกินคนเข้าไปทั้งอย่างนั้น
แต่ว่าชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้รับคำ กลับเหยียบคันเร่งออกตัวไปในตอนที่เป่หมิงโม่เตรียมตัวจะพุ่งเข้าไปเปิดประตูรถของเขา
รถยนต์เคลื่อนตัวออกไปจากทางออกของลานจอดรถอย่างรวดเร็วราวกับลูกธนูที่ถูกปล่อย
“เจ้านาย คุณเป็นอะไรหรือครับ” ฉิงฮัวมองไปทางเป่หมิงโม่อย่างตึงเครียด เสียงคำรามด้วยความโมโหของเจ้านายเป็นสิ่งที่เขาได้ยินน้อยมากขณะที่อยู่กับเจ้านายมาหลายปี
เป่หมิงยันก็ตะลึงค้างไปแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ได้สังเกตเห็นว่าช่วงระยะเวลาอันสั้นนี้เกิดอะไรขึ้น
แต่เขารู้สึกได้ว่า ทั่วทั้งร่างของเป่หมิงโม่แผ่อารมณ์ความโกรธออกมา
กับรถคันที่ผ่านไปเมื่อครู่นี้หรือ ไม่น่าจะเป็นไปได้ วันนี้ที่โรงแรมแมนดารินเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ มีคนที่ชอบเรื่องยุ่งวุ่นวายมามุงดูก็เป็นเรื่องปกติ
***
ฉิงฮัวมองเป่หมิงโม่อย่างตึงเครียด “เจ้านาย คุณเป็นอะไรกันแน่ครับ หรือว่ารถที่เพิ่งขับผ่านไปเมื่อครู่จะมีปัญหาครับ”
เขาพูดแล้วก็หันหน้าไปมองยังเส้นถนนที่เป็นทางออก
ผ่านไปชั่วครู่ เป่หมิงโม่ก็กลับคืนสู่สภาพสงบนิ่ง เขาเอ่ยกับเป่หมิงยันว่า “นายรีบขึ้นไปดูแลป้าซิน จัดการส่งเธอและเด็กๆกลับบ้านเร็วหน่อย เรื่องที่นี่ฉันจะจัดการเอง
*
เป่หมิงยันลากเท้าอันหนักหน่วงกลับไปยังห้องโถงรับรองอีกครั้ง ในตอนนี้เจียงฮุ่ยซินก็เดินกลับไปกลับมาเพื่อรอข่าวคราวอยู่อย่างกระวนกระวายใจ
เฟยเอ๋อเอ่ยปลอบใจอยู่ข้างกายเธอไม่หยุด “ท่านนางเป่หมิง โปรดวางใจเถอะนะคะ พวกโม่จะต้องไม่เกิดเรื่องอะไรแน่นอนค่ะ”
เจียงฮุ่ยซินหยุดเดิน หันมามองเฟยเอ๋อหน้าตึง “ฉันไม่ใช่เด็กเล็กๆนะ ไม่ต้องให้เธอมาปลอบฉันแบบนี้”
“คุณชายสามเป่หมิงกลับมาแล้วครับ!” เหล่าลี่เห็นเป่หมิงยัน
เจียงฮุ่ยซินเดินไปหยุดอยู่หน้าลูกชายในไม่กี่ก้าว ยื่นมือออกไปจับแขนของเขา “ยันยัน 墨ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ คุณพ่อของลูกอยู่ที่ไหนกัน”
เป่หมิงยันเงยหน้าขึ้นมองเจียงฮุ่ยซิน น้ำเสียงเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก “พี่รองเขาไม่เป็นอะไร แต่ว่าคุณพ่อผมเขา……” เอ่ยถึงตรงนี้ ลำคอของเขาราวกับถูกอะไรบางอย่างปิดเอาไว้ พูดไม่ออกสักประโยคหนึ่ง