ตอนที่ 620 ฉันรู้สึกว่าเขาน่าสงสัย
กู้ฮอนพยักหน้า เธอกลับไปที่ของตน แล้วจัดของบนโต๊ะของตัวเอง
จากนั้นเธอก็พาลุงคุนออกมาจากสำนักงานทนายความ
พวกเขานั่งอยู่บนรถ ระหว่างที่ลุงคุนขับรถกลับบ้าน กู้ฮอนก็เห็นทนายหวังคุยโทรศัพท์ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเดินผ่านหน้ารถที่พวกเขานั่งไป
เขาคงไม่รู้ว่ากู้ฮอนนั่งอยู่ในรถ เขาพูดโทรศัพท์เสียงก็ถือว่าดังอยู่ “ที่รัก คดีที่ฉันรับผิดชอบนับว่าสิ้นสุดได้แล้ว เจ้านายถึงกับยอมแพ้แล้ว ฉันยังต้องสู้เพื่อเขามั้ย เดี๋ยวฉันจะกลับไปหาเธอนะ ถึงตอนนั้นฉันมีเรื่องดีๆ จะบอกเธออีกเรื่อง รับประกันว่าเธอต้องดีใจ……”
คำพูดทุกคำของทนายหวังเข้าหูกู้ฮอนหมดแล้ว เห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเขาแล้ว ทำให้เธอรู้สึกขยะแขยง
เห็นเงาไกลๆ ของทนายหวัง กู้ฮอนคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นคนแบบนี้
“คุณครับ ผมคิดว่าเรื่องเครื่องบันทึกเสียง แปดสิบถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เขามีส่วนเอี่ยวด้วย เอางี้มั้ยคุณเอาเรื่องนี้ไปบอกหยินปู้ฝันหน่อย ลองดูว่าเขาจะว่ายังไง” ลุงคุนก็เคยเผชิญเรื่องต่างๆ มากับคุณท่านเป่หมิง
ถึงแม้เขาจะเป็นแค่คนขับรถ แต่ว่าทำงานกับคุณท่านเป่หมิงมานาน รูปแบบและทัศนคติในการติดต่อกับผู้อื่น เขาก็เรียนรู้มาไม่น้อย แถมบางครั้งคุณท่านเป่หมิงก็สอนเขา
กู้ฮอนหยิบกระดาษขึ้นแผ่นนั้นมาจากกระเป๋า คิดอยู่ครู่ จึงพูดกับลุงคุน “นายไปรับเด็กๆ เลิกเรียนก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องกลับไปสำนักงาน อีกแป๊บนายค่อยมารับฉัน”
พูดจบเธอก็เปิดประตูลงจากรถไป กลับไปที่ห้องทำงานของหยินปู้ฝันอีกครั้ง
***
การเผชิญหน้าการแพ้คดีนี้ หยินปู้ฝันไม่ได้คิดเลยจริงๆ
มีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นมากมายระหว่างการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานของคดีนี้
ระหว่างกู้ฮอนกับทนายหวังก็ไม่ลงรอยกัน หลักฐานสำคัญก็หายไป เหลือแค่ไฟล์เสียงสั้นๆ ที่เหลืออยู่และไม่นานจะเอามาใช้แย้งได้
มือสองข้างของเขาลูบไปที่หน้าของตน เป็นเรื่องที่น่ารำคาญใจจริงๆ
ขณะนั้นประตูก็เปิดออกอย่างเบาอีกครั้ง “ปู้ฝัน…….”
หยินปู้ฝันเงยหน้ามองไปทางประตู “ไม่ใช่ให้เธอกลับไปดูแลเด็กๆ หรอกเหรอ ทำไมกลับมาอีกล่ะ?”
กู้ฮอนเดินไปที่หน้าโต๊ะทำงานของเขา ยื่นมือหยิบกระดาษแผ่นที่ลุงคุนให้เธอมา
“นี่คือเมื่อเช้าที่ทนายหวังออกไป เป็นกระดาษที่คนขับรถโยนออกมาจากรถ ฉันคิดว่ามันมีปัญหา” กู้ฮอนพูดอย่างแน่ชัด การแสดงออกของเธอยังมั่นคงมาก
หยินปู้ฝันมองดูกระดาษแผ่นนั้น ลายมือบนนั้นเป็นของทนายหวังจริงๆ
“กู้ฮอน เธออยากจะพูดอะไร? ถ้าสงสัยทนายหวังเพราะกระดาษแผ่นเดียว ฉันว่ามันไม่ถูกต้อง ฉันรู้ว่าเธอไม่อยากยอมแพ้ แต่ว่าโยนความผิดไปให้เขา นี่มันไม่ยุติธรรมไม่ใช่เหรอ?”
กู้ฮอนยึดมั่นในข้อสงสัยของตน “ปู้ฝัน นายคิดดีๆ เมื่อเช้านี้ก่อนฉันมาฉันฟังมันและยันยืนได้ว่ามันไม่มีปัญหา ตอนมาก็เป็นลุงคุนที่มาส่ง ระหว่างนั้นไม่ได้พบใครเลย แต่หลังจากมาถึงที่นี่ ก็ส่งเครื่องบันทึกเสียงให้ทนายหวัง ถึงแม้จะเป็นระยะเวลาสั้นๆ ไม่ถึงสองชั่วโมง เขาก็คืนเครื่องบันทึกเสียงให้ฉัน และก็รีบๆ ย่องออกไป”
เธอพูดพลางชี้ไปที่กระดาษในมือหยินปู้ฝัน “อันนี้เป็นลุงคุนที่เก็บได้ตอนที่ทนายหวังออกไป ที่อยู่ประจวบเหมาะอยู่ห่างจากบริษัทบันเทิงใหม่ไม่ไกล เมื่อวานฉันไปมาแล้วฉันคุ้นเคยกับที่นั่น”
หยินปู้ฝันตั้งใจฟังสิ่งที่กู้ฮอนพูด ดูเหมือนเขาจะได้เงื่อนงำบางอย่างจากคำพูดของเธอ
“หลังจากที่ทนายหวังกลับมา ก็ไม่ได้เอาเครื่องบันทึกเสียงไป แต่กลับเรียกฉันกับนายไปประชุมเรื่องคดี เขาจึงสามารถตัดการเชื่อมต่อจากเครื่องบันทึกได้อย่างสมบูรณ์”
หยินปู้ฝันมองกู้ฮอน “เรื่องแค่นี้ เธอก็คิดว่าทนายหวังเล่นตุกติกกับเครื่องบันทึกเสียงแล้ว?”
กู้ฮอนส่ายหน้า “ที่จริงสิ่งที่ทำให้ฉันสงสัยคือเมื่อกี้ ฉันนั่งอยู่ในรถเตรียมตัวจะออกไป พอดีกับที่ทนายหวังเดินผ่านข้างรถไป หน้าเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แถมยังบอกว่านายถึงกับยอมแพ้แล้ว เขาก็คงไม่ต้องทำอะไรแล้ว ฉันรู้สึกว่าที่ผ่านมาสิ่งที่เขาทำมันปลอมทั้งนั้น”
“กู้ฮอน เธอถึงกับพูดข้อสงสัยออกมาเยอะขนาดนี้ งั้นเธอมีหลักฐานที่บอกได้ว่าเขาทำเครื่องบันทึกเสียงพังมั้ย นี่คือประเด็น”
เธอคิดอยู่ครู่ และก็เหลือบไปเห็นกล้องวงจรปิดด้านบนอย่างไม่ได้ตั้งใจ
เธอชี้ไปที่กล้องวงจรปิดด้านบน “พวกเราแค่เช็กไอ้นี่ดู ก็รู้แล้วว่าเขาได้ทำมันหรือเปล่า”
หยินปู้ฝันมองไปที่กล้อง แล้วก็มองกู้ฮอน ที่จริงเขาเชื่อในความสามารถการตัดสินใจของกู้ฮอน แต่ว่าถ้าไม่มีหลักฐานพอเขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้
เขาลุกขึ้นยืน เก็บของที่อยู่ตรงหน้า เดินผ่านโต๊ะทำงานไปยังข้างกู้ฮอน “โอเค พวกเราไปเช็กที่ห้องมอนิเตอร์กัน ดูว่าเขาไปได้ทำอะไรมั้ย”
***
ถึงกับตัดสินใจว่าจะเช็กทนายหวังแล้ว เรื่องนี้จะชักช้าไม่ได้
ไม่นาน หยินปู้ฝันก็พากู้ฮอนไปที่ห้องมอนิเตอร์
ภาพจากกล้องวงจรปิดของสำนักงานนี้ ทั้งหมดได้บันทึกไว้ในนี้
หยินปู้ฝันขอให้หน่วยรักษาความปลอดภัยตรวจสอบภาพจากกล้องในสำนักงานเมื่อเช้านี้
กล้องทั้งสี่ได้ถูกติดตั้งไว้ที่มุมห้องทั้งสี่ของสำนักงาน และก็จับภาพจากคนละมุม
ไม่นาน กล้องวงจรปิดก็ได้เผยภาพที่บันทึกไว้เมื่อเช้า
มุมขวาล่างของจอภาพก็มีเวลาวิ่งอย่างเร็ว
กู้ฮอนบอกให้เจ้าหน้าที่เปิดภาพตั้งแต่เธอเดินเข้าสำนักงานมา
มุมของกล้องนั้น จับภาพได้แค่หน้าของทนายหวัง ส่วนล่างก็โดนโต๊ะทำงานตัวอื่นบังไว้
ที่นั่งของเขาอยู่ด้านหลัง มีแค่กล้องตัวหลังที่จับภาพแผ่นหลังของเขา และโต๊ะทำงานครึ่งตัวได้
เพราะงั้น โฟกัสของพวกเขาอยู่ที่คนเดียว ยังคงอยู่ในกล้องที่สามารถให้เบาะแสได้
ตอนเริ่มต้นท่าทีเขาปกติมาก กู้ฮอนส่งเครื่องบันทึกเสียงให้ทนายหวัง
เขาแค่ก้มหน้าดูเอกสารของตน เครื่องบันทึกเสียงนั้น ก็วางอยู่บนโต๊ะเขา
ผ่านไปสักพักก็ไม่มีอะไรผิดแปลก
“กู้ฮอน เธอคิดมากไปเองหรือเปล่า?” หยินปู้ฝันนั่งอยู่หน้าจอมอนิเตอร์ หันหัวกลับมาพูดกับกู้ฮอน
กู้ฮอนขมวดคิ้วแล้วจ้องไปที่หน้าจอไม่เปลี่ยน ตอนที่เธอถูกถาม ก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองคิดมากไปหรือเปล่า
ขณะที่เธอกำลังคิดว่าจะดูต่อไปดีมั้ย อยู่ๆเจ้าหน้าที่ก็เอ่ยขึ้น “ทนายหยิน ดูนี่” เขาพูดพลางชี้ไปที่มุมของหน้าจอ นั่นคือที่ที่เครื่องบันทึกเสียงถูกวางไว้
ถึงแม้ภาพจะไม่ชัดมาก แต่ก็ยังมองเห็นสิ่งที่อยู่บนโต๊ะ
หยินปู้ฝันกับกู้ฮอนมองไปทางที่เจ้าหน้าที่ชี้ แล้วก็พูดพร้อมกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ “เอ๋?”
เห็นแค่ว่าบนโต๊ะขอทนายหวัง ไม่เห็นเครื่องบันทึกเสียงแล้ว
แต่ทนายหวังไม่ได้ผิดสังเกต ยังคงไม่รู้ว่าก้มหัวทำอะไรอยู่
“หรือว่าเครื่องบันทึกเสียงหล่น?” หยินปู้ฝันถาม
กู้ฮอนส่ายหน้า และพูดอย่างหนักแน่น “เป็นไปไม่ได้ ถ้าหากทำหล่นยังไงก็ยังต้องมีเสียง ไม่มีทางที่ทนายหวังจะไม่รู้ตัว พวกเราดูต่ออีกหน่อยเถอะ”
ในภาพทนายหวังเอาแต่ก้มหน้าก้มตา แต่ว่าจากนั้นอีกสิบนาที เครื่องบันทึกเสียงนั้นก็กลับมาอยู่บนโต๊ะเขา
ต่อมาทนายหวังก็ยืนขึ้น แล้วเอาเครื่องบันทึกเสียงไปคืนกู้ฮอน
“โอเค พอแค่นี้เถอะ จากนี้ก็ไม่มีอะไรให้ดูแล้ว” หยินปู้ฝันพูด พลางลุกขึ้นยืน
ทั้งสองออกมาจากห้องมอนิเตอร์ กลับมาถึงห้องทำงานของตน
ทางเดินกลับทั้งสองก็ขมวดคิ้วไม่มีใครพูดอะไร
ทำผิด ก็ต้องมีหลักฐาน
เมื่อกี้ถึงแม้จะเห็นว่าเครื่องบันทึกเสียงหายไปสักพักนึง แต่ก็ไม่มีหลักฐานว่าทนายหวังเล่นตุกติก
ถึงอย่างไรก็ตาม สิ่งแปลกๆ ที่เกิดขึ้นนี้ กู้ฮอนก็ยังรู้สึกว่าทนายหวังนั้นน่าสงสัย
“ปู้ฝัน ช่างเถอะไม่ต้องคิดแล้ว ถึงแม้ทนายหวังจะเป็นคนทำ เขาก็คงไม่เหลือหลักฐานให้เราสาวถึงตัวเขาหรอก”
เธอว่ากระดาษที่เขียนที่อยู่ลงบนโต๊ะ “หรือว่าจะถูกคนพวกนั้นซื้อตัวไปแล้ว?”
กู้ฮอนอยากจะลากเขามาถามให้รู้เรื่อง แต่ว่าทำแบบนั้นมันปัญญาอ่อนเกินไป มีใครจะยอมรับผิดล่ะ?
***
ยังไงก็ตามหาหลักฐานจากตัวทนายหวังไม่ได้ ก็คงทำได้แค่ยอมแพ้
แต่ว่า มีโจทย์ที่ยากกว่า กองอยู่ด้านหน้าของหยินปู้ฝันกับกู้ฮอน
นั่นก็คือ อีกไม่นานก็จะเปิดคดีนี้แล้ว ถ้าหากยังให้ทนายหวังว่าความให้เป่หมิงโม่ เป็นไปได้มากว่าเขาจะยอมแพ้
ถึงแม้หยินปู้ฝันจะเตรียมตัวที่จะแพ้ไว้แล้ว แต่ว่าจะแพ้ก็ต้องมีขีดจำกัด เพราะงั้นก็คงต้องสู้ดูสักตั้ง
หยินปู้ฝันคิดอยู่ครู่ จากนั้นก็พูดกับกู้ฮอน “เอาแบบนี้ คดีนี้ฉันจะว่าความเอง”
กู้ฮอนมองหยินปู้ฝันอย่างคาดไม่ถึง “เขาทำแบบนี้ก็เท่าทิ้งพวกเราแล้ว ถ้าจะแพ้ก็ให้เขาว่าความแพ้สิ ถือเป็นการลงโทษเขาด้วย ทำไมนายต้องไปเก็บกวาดที่เขาทำด้วย”
หยินปู้ฝันมองกู้ฮอน “กู้ฮอน ฉันเข้าใจความหมายของเธอนะ ว่าความจะชนะหรือแพ้มันก็มีผลกระทบต่อการเป็นทนายในอนาคต แต่ว่าฉันไม่อยากจะแพ้แบบไม่ชัดเจนแบบนี้”
เขาพูดพลางตบไหล่กู้ฮอน “ว่าความก็เหมือนกับการไปออกรบ สำหรับนักรบแล้ว การกลับมาจากสนามรบนั้นถือว่าเป็นเกียรติ แต่ว่าตายในสนามรบก็ถือว่าเป็นความกล้าอย่างหนึ่ง”
กู้ฮอนพยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้ว งั้นตอนนี้ให้ฉันเตรียมเอกสารอะไรมั้ย? ถึงยังไงคดีนี้นายก็ไม่นับว่าเข้าใจทั้งหมด”
หยินปู้ฝันยิ้มแล้วส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก ทนายหวังเอาเอกสารวางไว้บนโต๊ะแล้ว เธอกลับไปอยู่เป็นเพื่อนลูกๆ จะดีกว่านะ สองสามวันนี้เหนื่อยมาพอแล้ว”
“ปู้ฝัน……” กู้ฮอนอยากจะพูดต่อ แต่เห็นว่าหยินปู้ฝันโบกมือให้เธอ จากนั้นก็กลับเข้าห้องทำงานไป
เห็นอย่างนั้น กู้ฮอนก็ทำได้แค่กลับบ้าน
หยินปู้ฝันอยู่ที่สำนักงานต่อ และเริ่มยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อเปลี่ยนตัวทนายความ
กู้ฮอนออกมาจากสำนักงาน ตอนนั้นลุงคุนก็ไปรับเด็กๆ ที่เลิกเรียนยังไม่กลับมา
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาลุงคุน บอกเขาว่าหลังจากส่งเด็กๆ กลับไปแล้วก็ไม่ต้องมารับเธอแล้ว
ก็แบบนี้ เธอจึงค่อยๆ เดินกลับบ้านคนเดียว บนถนนมีรถไหลไม่ขาดสาย คนบนทางเดินก็แออัด
เธอก้มหน้าขมวดคิ้วแล้วเริ่มคิด คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าทนายหวังจะเป็นคนแบบนี้ เพื่อเรื่องของตัวเองแต่กลับลากคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ไม่รู้จริงๆ เขามาเป็นทนายเพื่ออะไร เพื่อประโยชน์ส่วนรวมหรือประโยชน์ส่วนตน
*
หลังจากที่เป่หมิงโม่มีเรื่องกับซานหุ่นในบาร์ คิดไม่ถึงว่าวันถัดมาด้านล่างอาคารเป่หมิงจะมีคนมาอออยู่เต็มไปหมด