ตอนที่ 628 ผมคือวีรบุรุษของบริษัทเป่หมิง
“อืม ฉันจะทำค่ะ เมื่อกี้ฉันถามเธอว่าเกิดเรื่องขึ้นได้อย่างไร แต่ดูเหมือนว่าเธอจะจำอะไรไม่ค่อยได้ พูดเพียงแค่ว่ามีคนไล่ตามเธอ สิ่งที่ฉันรู้ แม่ฉันเป็นเพียงคนร้องเพลงของที่นั่น ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน แล้วคนที่ไล่ตามเธอมีวัตถุประสงค์อะไร?” กู้ฮอนหุบยิ้ม แล้วครุ่นคิด
หยินปู้ฝันก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “อุบัติเหตุของคุณน้านั้นแปลกมาก แต่ตอนนี้เราอย่าเพิ่งใจร้อน รอให้ร่างกายของเธอดีขึ้นอีกหน่อย ไม่แน่อาจนึกอะไรได้ ถึงตอนนั้นเราค่อยไหลไปตามน้ำ”
กู้ฮอนพยักหน้า “ดูแล้ว คงต้องเป็นอย่างนั้น”
พูดถึงตรงนี้พวกเขาได้มาถึงข้างรถของหยินปู้ฝัน “ฮอนฮอนขึ้นรถ ผมไปส่งคุณกลับบ้าน”
“ไม่ต้องแล้ว รถของฉันอยู่ทางนั้น” พูดแล้ว เธอก็ชี้ไปรถBMWที่อยู่ไม่ไกล
ลุงคุนไม่เพียงมีทักษะในการขับรถที่ดีแล้ว การสอนก็ดีด้วย แม้ว่าสองสามวันมานี้กู้ฮอนจะนั่งรถบัส ในระหว่างนั้น ลุงคุนก็ได้สอนเธอไม่น้อย
กู้ฮอนก็เข้าใจทักษะบางอย่างได้อย่างรวดเร็ว และตอนนี้เธอยังสามารถขับรถบนถนนที่แออัดแล้ว เพียงแค่ล้าไปหน่อยก็เท่านั้น
หยินปู้ฝันพยักหน้า “งั้นก็ดี คุณกลับไปก็ขับรถระวังด้วย พรุ่งนี้อย่าลืมตื่นแต่เช้า”
***
หยินปู้ฝันพูดเสร็จก็หันไปขึ้นรถ ไม่นานก็ขับออกไปแล้ว
กู้ฮอนมองดูรถที่ขับออกไปไกลของเขา จึงหันไปขึ้นรถของตัวเอง ตอนที่เธอกำลังสตาร์ทรถ เห็นผู้หญิงคนหนึ่งลงจากรถแท็กซี่ที่อยู่ไม่ไกล รีบเดินเข้าไปในโรงพยาบาล
เธอมองแผ่นหลังของผู้หญิงคนที่เร่งรีบคนนั้นแล้วรู้สึกคุ้นเคยมาก ดูแล้วเหมือนลั่วเฉียว
ดึกขนาดนี้เธอมาทำอะไรที่นี่คนเดียว? ซึ่งทำให้กู้ฮอนคิดไม่ออก เธอจึงดับเครื่องแล้วรีบลงตามไป
“เฉียวเฉียว” ตอนที่กู้ฮอนเข้าใกล้กับผู้หญิงคนนั้น จึงเรียกเธอจากข้างหลัง
หลังจากนั้นก็เห็นฝีเท้าของคนนั้นหยุดลง จากนั้นก็รีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปในโรงพยาบาล
เมื่อพิจารณาจากปฏิกิริยาตรงหน้าของผู้หญิงคนนั้นแล้ว กู้ฮอนก็มั่นใจได้ว่าเธอคือลั่วเฉียว
เพื่อเธอจะได้รู้สถานการณ์ จึงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นและตามไป
ตามมาจนกระทั่งถึงชั้นสอง ร่างของลั่วเฉียวก็ไม่เจอแล้ว
กู้ฮอนรับหาทั่วชั้นสองอย่างร้อนใจ จนกระทั่งได้ผ่านห้องให้คำปรึกษา ประตูห้องนั้นไม่ได้ปิด เธอมองเข้าไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ ลั่วเฉียวกำลังนั่งอยู่ข้างใน
เธอเงยหน้าขึ้นมองชื่อของห้องให้คำปรึกษา— นรีเวชวิทยา
แย่แล้ว ยัยคนนั้นจะทำแท้งเหรอ!
นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เมื่อคิดถึงตรงนี้เธอรีบหยิบมือถือออกมา รีบโทรหาฉิงฮัวทันที
*
ตอนนี้ฉิงฮัวกำลังนั่งอยู่ประจำที่ของตัวเอง มองดูเป่หมิงโม่เจ้านายของตัวเอง
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ทำให้เขาเป็นห่วงเจ้านายมาก
ขณะที่เป่หมิงโม่กำลังเก็บของเตรียมจะกลับบ้าน เห็นเพียงประตูห้องทำงานเปิดอยู่ เป่หมิงยี่เฟิงเดินเข้ามา
ฉิงฮัวบุกขึ้นพยักหน้าให้เขา “คุณชายยี่เฟิง”
เป่หมิงยี่เฟิงเหลือบมองฉิงฮัว “ได้ยินว่านานเลื่อนขั้นแล้ว ฉันค่อนข้างยุ่ง ยังไม่มีเวลารับขวัญ อีกสองวันฉันค่อยให้ของขวัญ”
ฉิงฮัวรีบโบกมืออย่างรวดเร็ว “คุณชายยี่เฟิงเกรงใจแล้ว ไม่ทราบว่าวันนี้คุณมาหาเจ้านายมีธุระอะไรเหรอ?”
เป่หมิงยี่เฟิงมองเป่หมิงโม่แล้วยิ้มอย่างเยือกเย็น “ฉันมาที่นี่เพื่อแจ้งข่าวดีและข่าวร้าย”
เพียงแค่เป่หมิงโม่แทบจะไม่สนใจคำพูดของเขา หลังจากเก็บของที่อยู่ในมือเสร็จแล้ว หยิบบุหรี่หนึ่งม้วนออกมาจากโต๊ะแล้วจุด นั่งไขว่ห้างแล้วมองดูเป่หมิงยี่เฟิงว่าจะมาไม้ไหน
เป่หมิงยี่เฟิงนำภาพวาดกลับมาจากบริษัทเจียเม้า วางไว้บนโต๊ะของเป่หมิงโม่ “คิดไม่ถึงว่าชิ้นงานที่อาสามเลือก กลับถูกคนอื่นมองเพียงแค่เศษขยะที่โยนออกมา มันทำให้บริษัทเป่หมิงนั้นขายหน้าจริงๆ”
ฉิงฮัวเดินไปหน้าโต๊ะ แล้วเอื้อมมือไปหยิบภาพวาดมาดู เป็นชิ้นงานของผู้อำนวยการหวีจริงๆ “คุณชายยี่เฟิง นี่คือชิ้นงานที่เราเพิ่งส่งไปเมื่อเช้า ทำไมถึงอยู่ในมือของคุณได้?”
“การเป็นผู้ถือหุ้นคนที่สองของบริษัทเป่หมิง แม้ว่าบางเรื่องจะไม่บอกกับฉัน แต่ผมก็ไม่เอามาใส่ใจ เมื่อก่อนฉันนับถืออาสอง เพียงแต่ครั้งนี้ทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ เพื่อไม่ให้บริษัทเป่หมิงต้องขายหน้าไปจนถึงตระกูล ฉันจึงต้องแบกตัวเอง นำภาพออกแบบของตัวเองส่งไปให้ด้วยตัวเอง”
เป่หมิงยี่เฟิงพูด ไม่ได้สนใจว่าเป่หมิงโม่จะเห็นด้วยหรือไม่ ตรงไปหยิบกล่องบุหรี่ที่เขาเพิ่งโยนลงบนโต๊ะเมื่อครู่ หยิบมาสูบหนึ่งม้วน
ฉิงฮัวขมวดคิ้วแล้วพูดกับเป่หมิงยี่เฟิงว่า “หรือว่าพวกเขาได้เก็บภาพออกแบบของคุณชายยี่เฟิงไว้”
เป่หมิงยี่เฟิงที่สูบบุหรี่อยู่ก็ยิ้มเล็กน้อย “แน่นอนอยู่แล้ว ไม่เพียงแค่นั้น ฉันยังนำสัญญาระหว่างบริษัทเจียเม้าและบริษัทเป่หมิงกลับคืนมาด้วย”
***
เป่หมิงยี่เฟิงพูด ก็หยิบข้อตกลงที่มีตราประทับของบริษัทเจียเม้าออกมาจากกระเป๋าของตัวเอง
มือโยนไปที่โต๊ะทำงาน
เป่หมิงโม่เหลือบมองสัญญาที่อยู่บนโต๊ะ เอื้อมมือไปหยิบมาดู
“เจ้านาย อย่า!” เมื่อฉิงฮัวเห็นว่าเจ้านายกำลังจะฉีกสัญญาที่อยู่ในมือทิ้ง ก็รีบยื่นมือไปหยุดเขาไว้
เป่หมิงยี่เฟิงมองเขาแล้วยิ้มอย่างเยือกเย็น “เอกสารฉบับนี้ฉันว่านายเข้าใจดีกว่าฉันว่ามันสำคัญมากสำหรับบริษัทเป่หมิง หากฉันจำไม่ผิด ช่วงนี้บริษัทเป่หมิงของเรายังไม่ได้ทำโปรเจกต์ใหญ่ ฉันเกรงว่าหากคุณฉีกมันทิ้งผ่านหมู่บ้านนี้ไป ก็จะไม่มีร้านนี้อีกแล้ว”
พูดแล้ว เขาก็เดินออกไปจากห้องทำงานอย่างสบายๆ
“เอาล่ะ สิ่งที่ฉันจะพูดก็พูดไปแล้ว เรื่องอื่นพวกคุณดูกันเอาเอง ฉันต้องกลับบ้านแล้ว เรื่องนี้เปลืองคำพูดฉันมากเลย” พูดแล้วก็เอื้อมมือไปเปิดประตู แล้วเดินออกไป
ฉิงฮัวมองร่างที่เดินออกไปของเป่หมิงยี่เฟิง ไม่รู้ควรพูดอย่างไรจริงๆ เขาถอนหายใจแล้วกลับไปนั่งประจำที่ของตัวเอง
ตอนนี้มือถือของเขาดังขึ้น ก้มมองดูเป็นกู้ฮอนที่โทรมา
เขาเงยหน้าขึ้นมองเป่หมิงโม่ จากนั้นก็รับสาย
ยังไม่รอให้เขาพูดอะไร ก็ได้ยินกู้ฮอนที่อยู่ปลายสายพูดอย่างร้อนใจ “คุณอยู่ไหน รีบมาที่โรงพยาบาล ยิ่งเร็วยิ่งดี มิฉะนั้นจะมีคนได้เสียชีวิต!”
ฉิงฮัวขมวดคิ้ว “คุณผู้หญิง เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ผมยังอยู่ที่ทำงาน ตอนนี้ยังมีเรื่องที่ยังทำไม่เสร็จ”
เมื่อเป่หมิงโม่ได้ยินว่ากู้ฮอนโทรมา คิ้วก็เลิกขึ้นอย่างอดไม่ได้
เมื่อกู้ฮอนได้ฟัง “ฉันเจอเฉียวเฉียวที่โรงพยาบาล ฉันกลัวว่าเธอจะทำเรื่องโง่ๆ คุณรีบมาจะดีกว่า อยู่แผนกนรีเวชวิทยา”
ฉิงฮัววางมือถือลง นั่งลงที่นั่งแล้วทำท่าใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“นายมีธุระก็ไปทำเถอะ ให้คนอื่นรออยู่ตรงนั้นไม่เหมาะสม” เป่หมิงโม่พูดจบ แล้วดับไฟบุหรี่ตรงมุมปาก ลุกขึ้นยืนไม่มองสัญญานั้นเลยแม้แต่นิด แล้วเดินออกไปจากห้องทำงาน
เมื่อฉิงฮัวเห็นว่าเจ้านายออกไปแล้ว ตัวเองก็ไม่ต้องรออะไรอีก
เมื่อถึงลานจอดใต้ดิน เขายื่นกุญแจให้เป่หมิงโม่ “เจ้านาย ที่นี่ผมมีเรื่องสำคัญต้องไปทำ ไม่สามารถส่งคุณกลับไปได้” พูดเสร็จก็เดินออกไปข้างนอก
ดูท่าทางฉิงฮัวที่วิ่งออกไปนั้นเป่หมิงโม่มุมปากยกขึ้น
*
หลังจากกู้ฮอนวางสาย เธอกลัวว่าลั่วเฉียวจะทำเรื่องโง่ๆ จึงรีบผลักประตูแผนกนรีเวชวิทยาออกอย่างใจร้อน “เฉียวเฉียว เธออย่าทำเรื่องโง่ๆ นะ!”
ลั่วเฉียวหันไปมองเป็นกู้ฮอนที่เข้ามา ก็รู้สึกผิดปกติ
วันนี้ที่มาที่นี่เธอไม่ได้บอกใครเลย เธอกลัวว่าจะมีคนขัดขวางเธอ
กี่วันมานี้อยู่กับพ่อแม่ในบ้าน เธอได้ทบทวนอย่างถี่ถ้วนแล้ว เด็กคนนี้สำหรับเธอแล้วมันคือเรื่องบังเอิญ อีกอย่างยังเป็นเรื่องบังเอิญที่เกิดขึ้นกับผู้ชายที่เธอไม่ได้ชอบ
แต่คิดไม่ถึง เป็นเพราะแบบนี้เธอจึงไม่อยากพบเจอเรื่องที่น่ากลัว
เธอหยิบกระเป๋าของตัวเองแล้วลุกขึ้น สีหน้าแสดงถึงมองกู้ฮอนอย่างหมดความอดทน “ฮอน เรื่องที่จะเก็บเด็กไว้รึเปล่า สองสามวันมานี้ฉันอยู่ที่บ้านได้คิดทบทวนไว้อย่างถี่ถ้วนแล้ว แต่คิดไม่ออกจริงๆ ว่าเหตุผลที่ควรจะกำเนิดเขาออกมา”
กู้ฮอนลากเฉียวเฉียวออกมาจากห้องนรีเวชวิทยา มายืนที่ตรงทางเดิน “เฉียวเฉียว เธอทำแบบนี้ต้องเสียใจแน่นอนเธอไม่รู้เหรอ! หรือสิ่งที่ฉันพูดกับเธอที่บ้านไม่เคยฟังเลยใช่ไหม?”
ลั่วเฉียวมองกู้ฮอนที่ท่าทางใจร้อน เหมือนว่าจะรู้สึกเครียดและเจ็บปวดมากกว่าเธอ
***
ลั่วเฉียวหลับตาลง ปรับอารมณ์ของตัวเองใหม่ จากนั้นก็พูดกับกู้ฮอนอย่างจริงใจว่า “ฮอน ฉันคิดดีแล้ว ฉันไม่มีวาสนาต่อเด็กคนนี้ หากกำเนิดเขาออกมา เขาก็ไม่มีความสุข”
“เฉียวเฉียว ลูกเป็นสิ่งที่เธอและฉิงฮัวมีด้วยกัน เธอไม่ควรเห็นแก่ตัวตัดสินใจด้วยตัวเอง” กู้ฮอนยิ่งพูดยิ่งโกรธ
ลั่วเฉียวแทบจะเป็นบ้า “ฮอน ขอร้องเธอหยุดพูดสักที อย่าเอ่ยถึงหัวฟูคนนั้นอีกได้ไหม ฉันไม่อยากคุยกับเขาจริงๆ ยิ่งไม่อยากเจอหน้าเขา” พูดแล้วเธอก็หมุนตัวกำลังจะเดินออกไปนอกโรงพยาบาล
“เฉียวเฉียว เธอไม่ควรหนีปัญหานี้เข้าใจไหม ไม่ควรหนีปัญหา!” กู้ฮอนเดินตามติดเธอ
มีโรงพยาบาลมากมายที่ผู้คนสามารถเดินทางไปได้ ใครจะรู้ว่าเธอจะออกไปจากที่นี่ แล้วไปโรงพยาบาลอื่น
ลั่วเฉียวหยุดฝีเท้า หันกลับมามองกู้ฮอน “เธอคอยบอกฉันว่าอย่าหนีปัญหา ต้องเผชิญหน้า แล้วเธอล่ะ ก็คอยหลบหนีเขาเหมือนกัน”
เมื่อกู้ฮอนได้ฟัง คิดไม่ถึงจริงๆ ว่ากู้ฮอนจะพูดเช่นนี้ออกมา
เธอมองลั่วเฉียว ส่ายหน้าเบาๆ “เฉียวเฉียว เธอผิดแล้ว ฉันหลบหนี เพราะนั่นเป็นเรื่องที่ผิดจริงๆ อีกอย่างฉันไม่ได้โชคดีและมีความสุขเท่ากับเธอ แต่ไม่ว่าอย่างไร ในเมื่อเป็นความผิด ฉันก็จังกำเนิดเด็กออกมา เพราะเด็กไร้เดียงสา ฉันสามารถสัมผัสถึงการเต้นหัวใจของพวกเขา ความรู้สึกไม่มีที่สิ้นสุดนั้น ไม่ว่าจะสถานการณ์จะยากเย็นเพียงใดมันทำให้ฉันสามารถยืนหยัดต่อไปได้”
พูดแล้วเธอก็เดินไปตรงหน้าลั่วเฉียว ดึงมือของเธอ “เฉียวเฉียว ฉันไม่อยากให้เธอทำผิดเรื่องที่ในชีวิตนี้เธอจะไม่สามารถหวนคืนมันมาได้อีก เข้าใจไหม”
ในเวลานี้ ประตูลิฟต์เปิดออก ฉิงฮัวรีบออกมาจากลิฟต์ด้วยความตื่นตระหนก เขาตรวจสอบอย่างไม่หยุด ที่จะตามหาร่างสองคนที่เขาคุ้นเคยท่ามกลางฝูงชน
ไม่นานเขาก็เจอกู้ฮอนและลั่วเฉียว
“คุณผู้หญิง คุณลั่วเธอ…” ฉิงฮัวมองลั่วเฉียวอย่างประหม่า
กู้ฮอนเห็นว่าฉิงฮัวมาแล้ว หน้าที่ของตัวเองก็ถือว่าสิ้นสุด
เธอยืนอยู่ตรงหน้าของฉิงฮัว จงใจทำเสียงให้ดังขึ้น เพื่อลั่วเฉียวจะได้ยิน “ฉันส่งเฉียวเฉียวไว้ในมือนายแล้ว หน้าที่ของฉันก็ถือว่าสิ้นสุดแล้ว สำหรับเด็กในท้องของเธอ พวกนายไปคุยกันเอง ไม่เช้าแล้ว ฉันก็ต้องไปดูแลลูกๆ ของฉันแล้ว”
พูดจบเธอก็หันตัวเดินไปที่ลิฟต์
ระหว่างทางที่กู้ฮอนขับรถกลับบ้าน หัวสมองก็คอยเป็นห่วงฉิงฮัวและลั่วเฉียว หวังว่าพวกเขาสองคนจะสามารถเผชิญหน้ากับปัญหานี้จริงๆ และราบรื่นในท้ายที่สุด
เมื่อกลับถึงบ้าน เมื่อเข้าประตูไปก็เห็นอ้อมกอดของแอนนิมีจิ่วจิ่ว เธอนอนหลับแล้ว แอนนิทำมือ
กู้ฮอนมาข้างๆ แอนนิเบาๆ ยื่นมือไปรับจิ่วจิ่วมาอย่างระมัดระวัง