ตอนที่ 655 เป่หมิงเอ้อไม่เป็นที่พอใจ 1
ในระหว่างที่ถังเทียนจื๋อและหยางหยางกำลังดำเนินการย่างแกะ ฝั่งของเป่หมิงโม่ก็ได้นำไก่และเห็ดตุ๋นเข้าไปในหม้อแล้ว
***
การแข่งขันฝีมืออาหารของเป่หมิงโม่และถังเทียนจื๋อ กำลังดำเนินอย่างดุเดือด
หยางหยางและเฉิงเฉิงต่างคอยช่วยอยู่ข้างพวกเขา
ไม่นาน ในตอนที่ถังเทียนจื๋อจะย่างแกะเสร็จ เป่หมิงโม่ก็ได้ทำอาหารหลายอย่างเสร็จเรียบร้อย แล้ววางไว้บนโต๊ะ
“โถโถ ….. น่าทานจริงๆ” ครูใหญ่ยืนอยู่หน้าโต๊ะ และดมกลิ่นอาหารที่ลอยไปมา
ผู้เข้าชมคนอื่นอื่นก็ประจบสอพลอข้างข้างเป่หมิงโม่: ” ประธานเป่หมิงเก็บฝีมือไว้ดีจริง พวกเราชื่นชมจริงๆ“
เป่หมิงโม่ไม่ฟังคำพูดของพวกเขาหรอก เขาปิดไฟแล้วหันหลังเดินออกไป
ในเวลานี้ ก็ได้ยินเสียงจากไม่ไกล หยางหยางกำลังเลียนแบบคำพูดในโทรทัศน์ “ ย่างเสร็จแล้ว ย่างเสร็จแล้ว แกะย่างรสชาติดั้งเดิม รับรองทานแล้วหยุดไม่ได้……”
ถังเทียนจื๋อและผู้ช่วย ได้นำแกะที่ย่างเสร็จแล้ววางไว้บนโต๊ะ
ผู้คนรอบข้างมองแกะตัวนี้ที่ย่างจนเปื่อยและเหลือง ไอร้อนลอยขึ้นมา และมีกลิ่นหอมของบาร์บีคิวที่เป็นเอกลักษณ์ของมัน พวกเขาพยักหน้าอย่างพอใจ และชมไม่หยุดปาก
ไม่นาน อาหารที่ทั้งสองฝ่ายทำก็ได้วางอยู่บนโต๊ะไว้หมดแล้ว ครูใหญ่ขอให้พ่อครัวที่พามา ทำอาหารอีกสองสามอย่างเพื่อร่วมกับพวกเขา ในแง่หนึ่งมันคือการตกแต่ง แต่ในทางกลับกันเนื่องจากมีคนจำนวนมากเกินไป จึงไม่เพียงพอที่จะแบ่งอาหารกัน
รอทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฟ้าก็มืดสนิทแล้ว
ถังเทียนจื๋อก็ได้ให้ผู้ช่วยของเขากองกิ่งไม่แห้งที่เคยกองไว้ข้างลำธาร แล้วจุดไฟ
ความมืดปกคลุมไปทั้งป่า แต่พอมีไฟนี้แล้วก็รู้สึกไม่มืดมนอีกต่อไป
ไก่ตุ๋นเห็ดที่เป่หมิงโม่ทำ และเมนูปลาต่างต่าง บวกกับแกะย่างที่ถังเทียนจื๋อทำ ผู้คนรอบข้างก็ต่างพากันชื่นชม ไม่ใช่เพราะอยากสนิทสนมกับใคร แต่เป็นการชื่นชมที่มาจากใจจริง
ไม่ว่าทั้งวันใครจะยุ่งมาก หรือแอบขี้เกียจ คราวนี้ทุกคนก็หิวกันหมดแล้ว ไม่นาน ปริมาณอาหารบนโต๊ะก็ลดลงอย่างเร็ว
กู้ฮอนถือถ้วยตัวเอง ไม่ได้ไปนั่งร่วมกับทุกคนรอบกองไฟ แต่หามุมที่เงียบสงบนั่งลงมา
“แม่ ทำไมแม่ไม่ไปนั่งกินทางนู้น ไม่งั้นอาหารจะโดนพวกเขาแย่งหมดแล้ว” หยางหยางถือเนื้อแกะมาข้างกู้ฮอน
กู้ฮอนมองหยางหยางแล้วยิ้ม “ วันนี้เธอทำได้ดีมาก สมควรที่จะได้รับคำชม” เธอพูดแล้วกอดเขาเข้ามาหอมแก้มเขาหนึ่งที
หยางหยางมีความสุขขึ้นมาทันที “ แม่ แม่ไม่ได้ชมฉันแบบนี้นานแล้ว”
“นั่นเป็นเพราะว่าที่ผ่านมา นอกจากเธอจะสร้างแต่ปัญหาแล้ว ก็ไม่ได้ทำเรื่องอะไรให้แม่ดีใจขึ้นมาเลย” ตอนนี้ เฉิงเฉิงก็ถือถ้วยเดินมาทางนี้
“เฉิงเฉิงพูดถูก มาให้แม่หอมทีหนึ่ง ….. อืม ….” กู้ฮอนก็ให้จูบที่หวานแก่เฉิงเฉิง
“งั้นฉันหล่ะ อาหารในวันนี้ ฉันเป็นคนพาหยางหยางหามาเอง โดยเฉพาะไก่ตัวนั้น เธอจะว่ายังไง?”เสียงเย็นชานี้ดังขึ้น สามแม่ลูกก็นิ่งไปทันที
เสียงนี้ไม่ใช่เสียงของใคร แต่เป็นเสียงของเป่หมิงโม่ เขามาตั้งแต่เมื่อไหร่ และมาอย่างไร้เสียงโดยไม่มีใครรู้
กู้ฮอนส่ายหัว ท่าทางไม่ได้ดีเหมือนที่ทำกับลูก เธอมองบนใส่เขา “ ส่วนคุณ ….. ไปไกลไกลเถอะ ”
“……”
เป่หมิงโม่ขมวดคิ้ว แม้เขาจะคาดเดาได้ว่ากู้ฮอนจะมีท่าทางอะไร แต่ก็ไม่คิดว่าเธอจะพูดตรงแบบนี้
เขาเหมือนเด็กที่ถูกรังแก เข้าไปในเต็นท์อย่างไม่พอใจ
***
เวลาดึกมากขึ้นเรื่อยเรื่อย เสียงคึกคักของผู้คนค่อยๆลดลง ที่จริงเวลาไม่ได้ดึกขนาดนั้น
แต่ความเหนื่อยระหว่างวัน และความสุขสันต์ในตอนกลางคืน ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คนรู้สึกเหนื่อยล้า
กิ่งไม้บนกองไฟก็ไหม้เปื่อยหมดแล้ว หุบเขาที่มีชีวิตชีวาก็เริ่มเงียบลง เมื่อแคมป์ไฟค่อยๆดับลง
ในหุบเขามีเพียงเสียงน้ำไหล เสียงแมลง และเสียงลมที่พัดมา
กู้ฮอนใช้มือเดียวนอนทับในเต็นท์
แม้ว่าจะมีผ้ากันน้ำหนึ่งชั้นอยู่บนเต็นท์ แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลของหญ้าใต้ตัว
หยางหยางกับเฉิงเฉิงได้นอนหลับไปแล้ว ต่อหน้าเธอ
ไม่มีแสงไฟกะพริบและเสียงการจราจรที่วุ่นวายในเมือง มันเงียบมาก เงียบจนรู้สึกว่าร่างกายและจิตใจได้รับการปลดปล่อย และได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่
ความรู้สึกนี้คล้ายกับในอดีตที่เคยอยู่บ้านไร่ของคุณป้าฟาง
เธอหาว และเมื่อแสงจันทร์ส่องเข้ามาในเต็นท์ มีเพียงพวกเขาสามคนเท่านั้นที่นอนอยู่ในเต็นท์นี้ แต่กลับไม่เห็นเงาของเป่หมิงโม่
ตอนแรกเธอเห็นเป่หมิงโม่เข้าไปในเต็นท์ตอนทานข้าว คราวนี้ก็ไม่รู้ว่าเขาออกไปตอนไหน
ดึกขนาดนี้แล้ว เขาจะไปไหนได้ ? กู้ฮอนห้ามใจที่จะห่วงเขาไม่ได้ แต่เธอก็ตัดความคิดนี้ทิ้งอย่างเร็ว
ช่างเขาเถอะ เขาไม่ใช่เด็กสักหน่อย มากกว่านั้นคือ แม้เขาจะเข้าไปในป่าก็สามารถกลับมาอย่างปลอดภัยได้
แม้ว่าคนที่นี่จะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เขาก็ไม่มีทางเป็นอะไรหรอก ช่างเถอะ ไม่สนแล้ว กู้ฮอนก็เข้าไปนอนในถุงนอน
ในขณะนี้ ที่ริมป่าไม่ไกลจากค่าย มีชายร่างสูงยืนอยู่ และดวงจันทร์ที่อยู่เหนือหุบเขา
แสงสว่างจ้า ทำให้ยืดร่างชายคนนั้นยาวมากขึ้น
เขาคือเป่หมิงโม่นั่นเอง