ตอนที่ 644 เจ้านายอย่ายุ่งกับผม
เฉิงเฉิงได้ยินว่าพ่อจะพาหยางหยางไป ในใจก็รู้สึกแปลกๆ
หยางหยางฟังเฉิงเฉิงไม่พูดอะไร เขาพูดต่อ“เห้อ นายยังจำครั้งที่แล้วไอ้พ่อนกพาพวกเราไปค่ายได้ไหม แล้วยังเอากล้องไปด้วยครั้งนั้น”
เฉิงเฉิงพยักหน้า“จำได้อยู่แล้ว ทำไมล่ะ?”
“ทำไมล่ะ ฉันก็กังวลไงว่าเขาจะเหมือนครั้งนั้น ฉันกับเขานั่งจ้องหน้ากันตรงนั้นทั้งวัน ยังมีอีก ยังต้องกินไส้กรอกที่เขาใช้ไฟแช็กย่างน่ะ ……ครั้งที่แล้วถือว่าน่าขายหน้ามาก ครั้งนี้ถ้ายังเป็นแบบนั้นอีกต่อหน้าทั้งโรงเรียน ฉันคงไม่มีหน้าอยู่โรงเรียนนั้นอีกต่อไปแล้ว จะต้องย้ายโรงเรียนให้ได้”
เฉิงเฉิงได้ยิน ทันใดนั้นก็รู้สึกเย็นวูบที่หลัง ทำไมเขาจะจำเรื่องครั้งที่แล้วไม่ได้
อย่างที่หยางหยางพูดเลย ไม่ใช่แค่เขาที่ขายหน้าคน ตัวเองกับแม่ก็โดนไปด้วย
***
เป่หมิงเอ้อกินข้าวเย็นเสร็จก็ขึ้นไปห้องทำงาน
วันนี้แผนกออกแบบเกิดเรื่อง มีบางอย่างที่เขาคาดไม่ถึง
โดยเฉพาะที่ตำรวจ มีหลักฐานมัดตัวเหล่าหวีเพียงพอแล้ว นั่นก็ยิ่งแปลกใจมากขึ้นไปอีก
ถึงแม้รู้ว่านี่น่าจะเป็นแค่สถานการณ์หนึ่ง แต่ว่าบทสนทนาระหว่างเป่หมิงยี่เฟิง แล้วจากที่เขาเข้าใจเป่หมิงยี่เฟิงมาหลายปีนี้
เขามั่นใจได้ว่าเรื่องนี้ เป่หมิงยี่เฟิงไม่ใช่คนทำ และก็ไม่ใช่คนอยู่เบื้องหลังด้วย
แต่อย่างนั้น เป่หมิงยี่เฟิงกลับได้รับผลประโยชน์สูงสุด ฝ่ายออกแบบในวันนี้ มีแค่เขาคนเดียวที่ใหญ่
ตอนบ่าย จากเรื่องของเหล่าหวีประธานหลัวของบริษัทเจียเม้ายังตั้งใจโทรมาถามเรื่องคดี
แต่ว่าดีที่เรื่องเกิดขึ้นค่อนข้างเร็ว ไม่ได้ทำให้ทั้งสองฝ่ายเกิดความสูญเสียอะไรที่ร้ายแรง
ดังนั้นประธานหลัวตัดสินใจทำความร่วมมือกับตระกูลเป่หมิงต่อ แต่ว่า เขายังตั้งใจเรียกร้องให้เป่หมิงยี่เฟิงดูแล นี่คือเงื่อนไขที่แนบมาของสัญญา
ตอนนี้เอง เป่หมิงโม่กำลังพิจารณาความเห็นของประธานหลัวอย่างรอบคอบ ว่าจะให้เป่หมิงยี่เฟิงเข้าไปในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายออกแบบที่ว่างนั้นดีหรือไม่
เขามองฉิงฮัว“คุณว่าเรื่องที่ฝ่ายออกแบบวันนี้ควรทำไงดี?”
“เอ่อ……”ฉิงฮัวคิด จากนั้นก็พูดอย่างระมัดระวังว่า“เจ้านาย ในเมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นแล้ว งั้นก็ทำได้แค่นี้แหละครับ ไม่งั้นพวกเรารอจังหวะเอาคืน แอบสะสมกำลังเงียบๆ รอคนที่อยู่เบื้องหลังคุณชายเป่หมิงปรากฏตัว ค่อยสู้กลับไหมครับ?”
พูดจบ เขาก็มองเป่หมิงโม่อีก รอคำตอบเขา
เป่หมิงโม่พยักหน้า“ทำตามที่คุณว่าละกัน แต่ว่าหาคนไปคอยจับตาดูเป่หมิงยี่เฟิง ถ้าหากเอาตัวคนนั้นมาได้ไวๆ นั่นก็ดีมาก”
“เจ้านาย ผมทราบแล้วครับว่าควรทำยังไง”เรื่องก็เอาตามนี้ จู่ๆฉิงฮัวก็ถามอีก“เจ้านาย คุณแน่ใจว่าจะไปเข้าค่ายฤดูร้อนของคุณชายน้อยหยางหยางจริงเหรอครับ?”
เป่หมิงโม่มองฉิงฮัว พูดอย่างแปลกใจ “ทำไมจะไปไม่ได้ล่ะ?หรือว่าฉันจะไปทำให้เขาขายหน้า?”
พอพูดถึงตรงนี้ เขาก็จาม
ไม่ผิด ครั้งนี้หยางหยางกับเฉิงเฉิงต่างรู้สึก พ่ออย่างเขาเข้าร่วมมีแต่จะทำให้ขายหน้า
ฉิงฮัวตกใจ รีบอธิบาย“เจ้านาย ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น ผมแค่คิดว่าคุณควรสนิทกับคุณชายน้อยหยางหยางให้มากกว่านี้ครับ จะเหมือนครั้งที่แล้วไม่ได้นะครับ ……”
แน่นอนว่าเป่หมิงโม่เข้าใจความหมายของฉิงฮัว
แต่ว่าตั้งแต่เล็กจนโต ต่างไม่ค่อยสนิทกับพ่อแม่และก็ญาติ พอตัวเองมีลูก ปฏิบัติกับเฉิงเฉิงกับหยางหยางก็เหมือนกัน
นี่มันคือเรื่องที่ยากมากมาอยู่ตรงหน้าเขา
เป่หมิงโม่ขมวดคิ้ว จากนั้นลุกขึ้น ยื่นมือไปยืดเอว“โอเค ผมรู้ละ คุณก็บอกผมอย่างเดียวไม่ได้นะ เรื่องของคุณก็จะปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้ เธอไม่ให้คุณไปเจอเธอ คุณก็ไม่ไปเจอเลย?วันนั้นป่ายมู่ซีกับชูเอ้อสอนคุณไปโดยไร้ประโยชน์เหรอ?”
ฉิงฮัวนิ่งไป เพื่อนสองคนนั้นของเจ้านาย วันนั้นพูดกับเขาสองประโยคประโยคแรกคือ“จากหน้าตานายหมดหวังแล้วที่จะทำให้คนมาหลงใหล”
ประโยคที่สองคือ“นายทำได้แค่ยืนหยัด ไม่ยอมแพ้อย่างเดียว”
สำหรับฉิงฮัวที่ตามเจ้านายมาหลายปี ความเย็นชา โดดเดี่ยวของเจ้านายนั้นได้ส่งผลกระทบตัวเองมาโดยไม่รู้ตัวแล้ว
ตอนนี้ถ้าจู่ๆเขาจะต้องเปลี่ยนสไตล์ ยากซะยิ่งกว่าปีนขึ้นไปที่สูงอีก
***
สุดท้ายก็ตามนี้ ให้เป่หมิงยี่เฟิงไปเป็นหัวหน้าฝ่ายออกแบบ
นอกจากนี้เป่หมิงโม่จะพาหยางหยางไปร่วมกิจกรรมเข้าค่าย เรื่องของบริษัทยังไม่เยอะ บวกกับแค่ไม่กี่วันเท่านั้น ก็เลยเอาอำนาจให้ฉิงฮัว
เช้าวันเดินทาง กู้ฮอนเอากระเป๋าตัวเองกับเฉิงเฉิงไปว่างที่หน้าบ้านแล้ว ตอนจะเตรียมตัวไป จิ่วจิ่ววิ่งออกมาจากห้องนอนแอนนิ งอแงจะไปด้วย
แอนนิก็ตามออกมา เธออดไม่ได้ที่จะมองกู้ฮอน
กู้ฮอนก็ยิ้มอย่างลำบากใจ ที่จริงเธอกลัวจิ่วจิ่วจะงอแงไปด้วย ดังนั้นเธอกับเฉิงเฉิงเลยแอบไป
คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กน้อยจิ่วจิ่ว เมื่อวานจะได้ยินที่พวกเขาพูด เลยตื่นแต่เช้า
พอกู้ฮอนจะพาเฉิงเฉิงไป เธอวิ่งออกมาแล้วกอดขากู้ฮอนไว้แน่นๆไม่ปล่อย
พูดด้วยน้ำตาว่า“หม่ามี๊พาพี่ไปเที่ยว ให้จิ่วจิ่วอยู่บ้าน หม่ามี๊ใจร้ายกับจิ่วจิ่ว ……”
กู้ฮอนก้มลง อุ้มจิ่วจิ่วขึ้นมา“แม่จะจะใจร้ายกับทารกน้อยได้ไงล่ะเนอะ แต่ครั้งนี้โรงเรียนพี่จัดกิจกรรม ดังนั้นมีแค่แม่ที่ต้องพาพี่ไป ทารกน้อยก็รีบโตนะ แบบนี้แม่จะได้พาหนูไปได้ไง”
ถึงจะพูดแบบนี้ แต่ในหัวของจิ่วจิ่วยังคงส่ายเหมือนคลื่น“ไม่เอา หนูจะไปเที่ยวกับหม่ามี๊กับพี่ อยู่บ้านจนจะงอกเหมือนหญ้าแล้ว”
จิ่วจิ่วพูดก็จริง แอนนิให้แต่เธออยู่บ้าน ตอนอยู่เมืองซาบาห์ดีที่ยังออกไปได้ ตอนนี้กลับมาบ้านตัวเองออกไปไหนไม่ได้
ก็เพราะว่ากลัวแอนนิพาจิ่วจิ่วออกไป สายของเป่หมิงโม่มีตั้งเยอะ ถ้าเขารู้ขึ้นมา ก็คงแย่
กู้ฮอนเห็นจิ่วจิ่วตัดสินใจจะไปกับเธอ ทันใดนั้นก็คิดได้ว่ามีอีกทาง“ทารกน้อย ลูกไปกับพวกเราได้”
จิ่วจิ่วรีบยิ้ม“โอว……จิ่วจิ่วสามารถไปกับหม่ามี๊แล้วก็พี่ชายได้แล้ว”
ใบหน้ากู้ฮอนเปลี่ยนเป็นพูดอย่างจริงจัง“แต่ว่าหม่ามี๊บอกไว้ก่อนนะ ครั้งนี้พวกเราจะเจอปีศาจสุขา”
ที่จริง เฉิงเฉิงรู้ว่าพ่อจะไป เขากลัวว่าแม่รู้แล้วจะไม่ไป ดังนั้นก็เลยไม่ได้บอกให้แม่รู้
ตอนนี้กู้ฮอนเห็นว่าเอาใจจิ่วจิ่วยังไงก็ไม่ได้ ก็มีความคิดแวบเข้ามา เลยพูดเรื่องปีศาจสุขาออกมา
แน่นอน พอจิ่วจิ่วได้ยินชื่อนี้ คิ้วของเธอก็ขมวด มองแม่อย่างเศร้าๆ มือเล็กๆก็ปล่อย
แอนนิเห็นโอกาสดีก็รีบอุ้มจิ่วจิ่วเข้ามา“จิ่วจิ่วไม่ต้องกลัว เดี๋ยวป้าแอนนิพาหนูไปเที่ยวนะ”
กู้ฮอนเดินมาตรงหน้าจิ่วจิ่ว จูบไปที่หน้าเล็กๆของเธอ“ทารกน้อยไม่ต้องห่วงแม่กับพี่ชายนะลูก พวกเราชนะปีศาจสุขาแล้วจะกลับมา”
จิ่วจิ่วพยักหน้าอย่างเข้มแข็งพูดว่า“หม่ามี๊ รีบๆกลับมากันนะคะ”
ลาทารกน้อยกับแอนนิแล้ว กู้ฮอนก็เอากระเป๋าเข้าไปในหลังรถ
ก่อนออกเดินทาง เธอคิดบางอย่าง จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์โทรหาลั่วเฉียว“ลั่วเฉียว รบกวนเธอเรื่องหนึ่ง สองวันนี้ฉันจะพาเฉิงเฉิงไปเข้าค่ายของโรงเรียน แอนนิดูจิ่วจิ่วคนเดียวคงลำบาก เธอไปอยู่กับเธอได้ไหม?”
ตั้งแต่ที่ลั่วเฉียวพูดกับฉิงฮัวอย่างชัดเจน เธอจึงได้แค่ถอนหายใจยาวๆ
***
แต่ว่าอีกเรื่องตรงหน้าปรากฏออกมาแล้ว ก็คือท้องของตัวเองยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ปรากฏภายใต้สายตาพ่อแม่แน่นอน
เธอก็รู้ว่าพ่อแม่เป็นประเภท ‘หัวโบราณ’ตัวเองเป็นนักแสดงแล้วเป็นแบบนี้ ถ้าให้พวกเขารู้ว่าตัวเองท้องก่อนแต่ง ……
นั่นไม่ใช่เรื่องตลกเลย เบาๆคงตัดขาดความสัมพันธ์ ถ้ารุนแรงก็คงบังคับให้ตัวเองกับตาบ้านั่นแต่งงานกัน……
ไม่สิ ทำไมตัดขาดความสัมพันธ์ยังดูเบาๆล่ะ?
เพราะว่าลั่วเฉียวไม่ได้รู้สึกอะไรกับฉิงฮัว อีกอย่างเธอคิดว่าพวกเขาสองคนจุดตัดกัน เป็นความผิดพลาดอย่างหนึ่ง ความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่หลังจากดื่ม
ถึงแม้จะมีเด็กแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมเพื่อรักษาหน้า ยังไงเธอก็ยังมีใจที่ตั้งมั่นในความดีไม่หลงไปกับความเลว
ในตอนนี้เอง ลั่วเฉียวรับสายกู้ฮอน มันก็คือฟางเส้นหนึ่งที่ช่วยชีวิตไว้
“ฮัลโหล กู้ฮอน ไม่มีปัญหา ทุกอย่างโอเค ฉันกำลังไม่มีที่ไปพอดี ฉันเก็บของแล้วจะรีบไป เธอกับเฉิงเฉิงไปเที่ยวกันสบายใจได้เลย”
ลั่วเฉียววางสายลงอย่างมีความสุข รีบลงจากเตียงลากกระเป๋าเดินทาง
ที่จริงในกระเป๋าเธอเตรียมของไว้แล้ว คิดว่าจะไปไหน ก็จะได้ไปทันที
กู้ฮอนวางสาย ถอนหายใจ
เฉิงเฉิงนั่งที่นั่งข้างคนขับ มองกู้ฮอนแล้วถาม“แม่ ป้าเฉียวเฉียวทำไมเหรอครับ?”
“ไม่มีอะไรลูก เป็นเรื่องของผู้ใหญ่”กู้ฮอนพูดจบก็สตาร์ทรถออก พาเฉิงเฉิงไปที่โรงเรียน
*
อีกด้านหนึ่ง หยางหยางที่ชอบทำกิจกรรมกลางแจ้งเสมอมา กลับไม่ค่อยสนใจกิจกรรมครอบครัวครั้งนี้ที่โรงเรียนจัดเท่าไหร่
ไม่ใช้เพราะอะไร จู่ๆไอ้พ่อนกจะพาเขาไปร่วมงานน่ะสิ
ตอนเช้า ฉิงฮัวก็เรียกหยางหยางตื่น
แป๊บหนึ่งเขาก็ลากกระเป๋าเดินทางของตัวเอง ออกมาจากห้องนอนอย่างไม่มีชีวิตชีวา
มองท่าทางของหยางหยางแล้ว ผิดปกติมากจริงๆ
เขายื่นมือไปรับกระเป๋าเดินทางของหยางหยาง
ตอนนี้เองเป่หมิงโม่ก็ออกมาจากห้องนอนของตัวเอง เดินลงบันไดอย่างแข็งแกร่ง
เขายังคงสวมชุดสูทราคาแพง ไม่เหมือนไปกิจกรรมครอบครัว เหมือนกำลังไปงานเลี้ยง
“เจ้านาย ใส่แบบนี้……”ฉิงฮัวพูดทัก
เป่หมิงโม่มองฉิงฮัวที่ดูอึดอัด เขาส่องกระจกมองตัวเองแต่งตัว ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ
ที่จริงความหมายของฉิงฮัวคือ กิจกรรมครอบครัว ก็น่าจะสบายๆหน่อย แต่งซะเคร่งขรึมมีประโยชน์อะไร
แต่ว่าถึงแม้จะมีความเห็น ยังไงก็เป็นเจ้านาย ตัวเองเลยไม่ว่าอะไร
“นายมีอะไรก็พูดมา ทำซะอะไรก็ไม่กล้าพูด ฉันไม่อยู่สองสามวันแล้วจะกล้าวางใจเอาตระกูลเป่หมิงไว้ในมือนายได้ยังไง”เป่หมิงโม่ไม่ค่อยพอใจ
ฉิงฮัวกัดฟัน“เจ้านาย คุณเข้าร่วมกิจกรรมครอบครัว ควรสวมชุดสบายๆ ไม่ต้องใส่ทางการขนาดนั้นครับ”
เป่หมิงโม่ก็เข้าใจความหมายของเขา แต่ว่าตัวเองไม่คิดอย่างนั้น“ฉันใส่แบบนี้ไม่ดูชิลเหรอ?”
แพ้ให้เขาแล้วจริงๆ ไม่แปลกใจเลย ทุกวันเป่หมิงโม่ไม่ว่าจะทำงานหรือเลิกงาน ต่างก็สวมสูทไม่ใช่หรือไง