ตอนที่ 659 คุณนี้มันหมา 1
ถึงแม้ว่าเธอจะจูงมือเฉิงเฉิงวิ่งนำไปด้านหน้าก็ตาม แต่ว่าเธอก็ดูเหมือนไม่มีแรง ถ้าล้มขึ้นมา คนที่อยู่ด้านหลังก็หลบไม่ทันแน่นอน หรืออาจจะก่อให้เกิดเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่
เป่หมิงโม่รีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปข้างๆกู้ฮอน “คุณส่งลูกมาให้ผม คุณดูแลตัวเองให้ดีก็โอเคแล้ว ”
พูดเสร็จ เขาก็ยืนมือไปเอาเฉิงเฉิงมาไว้ในอ้อมกอด
เด็กน้อยยังไงก็เป็นเด็กน้อย บนทางแบบนี้วิ่งไม่เร็วหรอก จูงมือพาเขาวิ่ง ก็สู้วิ่งอุ้มเขาไปไม่ได้
แค่ว่าในขณะนี้ด้านหลังของเป่หมิงโม่ก็แบกหยางหยางไว้อยู่ แถมตอนนี้ยังอุ้มเฉิงเฉิงอีก
ความรับผิดชอบบนตัวนั้นเพิ่มขึ้นไปอีก
เฉิงเฉิงที่ไม่ต้องตามกู้ฮอน รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาไม่น้อย แต่ว่าเธอเป็นห่วงเป่หมิงโม่เป็นอย่างมาก “คุณอย่ามาอวดเก่งเกินไปหน่อยเลย ทางไม่ดีแบบนี้ฉันว่าคุณควรที่จะเดินช้าลงหน่อย พวกเราเดินตามอยู่ด้านหลังก็โอเคแล้ว ”
เป่หมิงโม่ไม่ได้ลดความเร็วในการเดินลงเลย “คุณตั้งใจเดินดีๆ ไม่ต้องมาเพิ่มภาระให้ผมก็โอเคแล้ว ”
“คุณคิดว่าฉันเป็นห่วงคุณเหรอ ฉันแค่กลัวว่าถ้าเกิดคุณล้มขึ้นมา แล้วเอาลูกๆเกี่ยวไปด้วยต่างหาก ” กู้ฮอนถูกเขายั่วโมโห เธอไม่สามารถทำสีหน้าดีๆกับเขาได้ เขาไม่รับน้ำใจไม่พอยังจะมาพูดแว้งกัดอีก
“ทุกคนอดทนสู้หน่อย ด้านหน้าก็เป็นทางออกแล้ว ” คนที่เดินนำด้านหน้า เอาลำแสงของไฟฉายชี้ไปด้านหน้า ด้านหน้าไม่มีกำแพงภูเขาและต้นไม้แล้ว น่าจะเป็นทางออกภูเขาแล้ว
ได้ยินว่าใกล้จะออกจากตรงนี้แล้ว ใจที่ใกล้จะบ้าคลั่งของทุกคนก็มีแรงเพิ่มขึ้นมาทันทีทันใด
ไม่นาน ในที่สุดทุกคนก็วิ่งออกมาจากภูเขา เดินตามลำแสงของไฟฉายไป รถที่พาพวกเขามาที่นี่จอดอยู่ที่นั่น ห่างจากพวกเขาไปไม่ไกลมากนัก
อาจจะมีการรับการแจ้งเตือนมาก่อน รถได้เปิดไฟไว้แล้ว
*
ในที่สุดทุกคนก็กัดฟันสู้ ขึ้นรถไป
ตอนที่นั่งลงบนที่นั่งที่แสนสบายนั้น ในที่สุดก็ทำให้สภาพที่ตึงเครียดนั้นก็ผ่อนคลายขึ้นมา
กระเป๋าเดินทางของทุกคนอยู่บนรถ เมื่อทุกคนถึงรถ ก็ถอดเสื้อผ้า เริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้า
ทันใดนั้นในรถก็เกิด‘ทัศนียภาพในวัยรุ่น’ขึ้นมา
ทำไมถึงเป็น ‘ทัศนียภาพในวัยรุ่น’ นั้นก็เป็นเพราะจุดมุ่งหมายในครั้งนี้ที่ออกมาก็เป็นเพราะพ่อมักจะไม่ค่อยอยู่บ้านเป็นเพื่อนลูกๆ จึงนำไปสู่ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกชาย ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกสาวนั้นก็ไม่ได้ดีเท่ากับแม่
เพราะฉะนั้นจึงอยากให้พ่อมาโดยเฉพาะ ก็ไม่ต้องเอาแม่มาด้วยแล้ว
เฉิงเฉิงให้แม่มาด้วย ก็เป็นเพราะตอนนี้เขาใช้ชีวิตอยู่กับแม่แล้ว ถ้าไม่เรียกเธอ แล้วจะไปเรียกใครล่ะ
เห็นสภาพในรถแบบนี้ กู้ฮอนก็รู้สึกเคอะเขินอย่างเห็นได้ชัด
มองออกไป ในรถทั้งหมดนอกจากเด็กผู้หญิงไม่กี่คนแล้ว เธอก็เป็นหญิงสาวคนเดียวที่อยู่ในรถ
ตอนเวลานั้นเป่หมิงโม่ ก็เอาเสื้อผ้าออกมาจากกระเป๋าแล้วเปลี่ยนให้เฉิงเฉิงกับหยางหยาง
ตัวเองก็ยังไม่ทันได้เปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียก
เขาหันไปมองท่าทางของกู้ฮอน ก็รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
หลังจากที่เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยนั้น ก็ลุกขึ้นยืนแล้วหยิบเสื้อผ้าที่กู้ฮอนใส่ไว้ในกระเป๋าเล็กขึ้น แล้วลากมือเธอ “มากับผม ” แล้วก็เดินออกจากประตูรถ
กู้ฮอนเห็นเป่หมิงโม่ถือกระเป๋าที่ใส่เสื้อผ้าของเธอไว้ในมือ และยังลากเธอมุ่งไปทางประตูทางออกอีก
โง่แค่ไหนก็รู้ว่าไอ้เจ้าเป่หมิงโม่ต้องการที่จะทำอะไรแล้ว
กู้ฮอนก็หน้าแดงขึ้นมาทันที พูดเสียงเบาๆกับเป่หมิงโม่ว่า “ก็ไม่ใช่จะหาที่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ตัวเองหรอกนะ……”
ไอ้หนุ่มคนนี้ก็ยังคงไม่แยกแยะกาลเทศะเหมือนเดิม เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่
ไม่ว่าในเวลานี้กู้ฮอนจะมีกี่พันหมื่นเหตุผลไม่ยินยอม แต่พละกำลังของเธอในตอนนี้ก็หายไปจากการหนีภัยไปจนหมดแล้ว
ตอนนี้ เธอก็เหมือนของเล่นที่อยู่ในมือของเป่หมิงโม่ ไม่มีแรงต่อต้านใดๆ
เป่หมิงโม่ไม่ได้พูดอะไร เดินไม่กี่ก้าวก็มาถึงประตูด้านหน้าของรถบัส แล้วก็พูดกับคนขับรถว่า “คุณเปิดประตูที่ใส่กระเป๋าของข้างรถให้หมด เร็วหน่อย ”
คนขับรถทำหน้างุนงง หันหน้ากลับไปมองถังเทียนจื๋อที่นั่งอยู่แถวแรก
ในเวลานั้นเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว เขาเห็นเป่หมิงโม่จะพากู้ฮอนลงจากรถ ก็เดาออกว่าเขาทั้งสองคนจะลงไปทำอะไรล่างรถ แล้วก็หันไปพยักหน้าให้กับคนขับรถ “ทำตามที่เขาพูด ”
รอพวกเขาลงมาจากรถนั้น ประตูที่ใส่กระเป๋าเดินทางของข้างรถบัสก็เปิดหมดแล้ว ยื่นออกมากันไม่ให้ฝนตกลงมาโดนพวกเขา
เป่หมิงโม่เอากระเป๋าของกู้ฮอนยื่นส่งไปให้เธอ มองเธอไปแวบหนึ่ง “คุณนิ่งอึ้งอยู่ทำไม หรือว่ารอให้ผมช่วยคุณเปลี่ยน? ”
คำพูดนี้หลุดออกมา ร่างกายของกู้ฮอนก็สั่นไปทั้งตัว เธอยังถูกเป่หมิงโม่กลั่นแกล้งรังแกไม่พอหรือยังไง ถึงแม่ตอนนี้เธอจะไม่มีเรี่ยวแรง แต่ก็ไม่สามารถให้เขามาเอาเปรียบเธอได้หรอก
เธอยื่นมือทั้งสองออกไปรับกระเป๋า ขมวดคิ้วขึ้นมานิดหน่อย พูดเสียงเบาว่า “คุณช่วยหมุนตัวหันกลับไปหน่อยได้ไหม หันหลังให้ฉันหน่อย ”
เป่หมิงโม่ใช้แสงรำไรที่ผ่านมาจากหน้าต่างรถ สังเกตมองกู้ฮอนที่อยู่ตรงหน้า
เห็นแค่ผมสีดำของเธอ ที่ถูกน้ำฝนตกลงมาจนชุ่มทั่วร่างกาย และเรือนร่างที่มีเสน่ห์ของเธอ
ถึงแม้ตอนนี้ฝนยังตกหนักอยู่ และยังมีลมพัดอยู่ แต่ด้านในร่างกายของเขากลับร้อนระอุเหมือนไฟ อยากที่จะเอาเธอมาไว้ในอ้อมกอดจริงๆ
เขาหรี่ตาเล็กๆ มองร่างกายที่สั่นของเธอ ในที่สุดเป่หมิงโม่ก็ทนไม่ไหว
เขาฉีกยิ้มมุมปากขึ้น “อยู่ต่อหน้าผมคุณยังจะเขินอะไรอีก ลูกของพวกเราโตกันหมดแล้ว หรือว่าผมยังเอาเปรียบคุณไม่พอ ”