ตอนที่ 647 เป่หมิงเอ้อมีความสามารถ
ในฐานะที่เมืองA เป็นมหานคร ไปที่ไหนก็มีแต่ความเจริญพลุกพล่าน คุณภาพของอากาศก็ไปถึงจุดที่แย่แล้ว หมอกควันก็มีขึ้นบ้าง
ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนกลับมาจากต่างประเทศ ยังมีการรักษาการวิ่งในตอนเช้าตรู่ แต่ว่าอีกไม่นานก็คงตายหายไป
ดูพยากรณ์มลพิษอากาศที่กรมอุตุประกาศทุกวัน ทำให้มีความรู้สึกอยากจะหลบหนีจริงๆ
“เป็นไงบ้างครับ อากาศที่นี่ดีมากสินะ”ถังเทียนจื๋อเดินมาข้างๆกู้ฮอน
กู้ฮอนลืมตามองเขา“ที่นี่ไม่เลวจริงๆค่ะ สมแล้วที่คุณมักจะไปมาจนทั่ว สถานที่แบบนี้ถูกคุณพบเจอได้”
“เหอะเหอะ ที่จริงที่นี่ก็เป็นที่ผมเจอโดยไม่คาดคิด ต่อไปถ้าสนใจผมจะเล่าให้ฟัง”
ถังเทียนจื๋อพูดไป ก็หันไปตรงที่โล่งพูดกับทุกคนว่า“ทุกคนพักก่อนละกันครับ ที่ข้างต้นไม้ ผมเอาเต็นท์ไว้ให้ทุกคนตรงนั้นแล้ว เดี๋ยวทุกคนไปหยิบเอานะครับ แต่ว่าผมขอบอกก่อน เต็นท์มีไม่เยอะ มีทั้งเล็กทั้งใหญ่ อันเล็กนอนคนเดียว อันใหญ่นอนรวมนะครับ”
ทุกคนได้ยิน งั้นจะพักผ่อนอะไรล่ะ รีบไปเอาเต็นท์ก่อนค่อยว่ากัน ต่างเป็นคนมีชื่อเสียง เพื่อที่จะเลี่ยงไม่ให้ไม่มีที่พักยังต้องดึงหน้าไปเบียดเสียดอยู่กับคนอื่นอีก
เฉิงเฉิงกับหยางหยางทั้งสองคนวิ่งได้ไว พอมาถึงป่า หยางหยางก็มองเห็นถุงเต็นท์ขนาดใหญ่“เราเอาอันนี้กันเถอะ แต่ว่าใหญ่มากเลย นายช่วยฉันหน่อย เดี๋ยวฉันค่อยช่วยนายกับแม่หยิบ”
เฉิงเฉิงมองก็รู้ว่าไม่เล็กจริง เลยช่วยหยางหยาง ทั้งสองถือถุงค่อยๆไปตรงที่โล่งนั้น
“แม่ ดูสิครับพวกเราเจออะไร”กู้ฮอนได้ยินลูกเรียกตัวเอง ก็มองไปตามเสียง หยางหยางกับเฉิงเฉิงทั้งสองคนถือถุงใหญ่ๆลากมาทางนี้
เธอรีบไปทางพวกเขา
ตอนนี้เองเป่หมิงโม่ก็มองเห็นพวกเขา เดินไปทางพวกเขาเช่นกัน
“แม่ครับ เอานี่วางตรงนี้ก่อน เดี๋ยวเราไปหาให้แม่อีกอัน”หยางหยางพูดจบ ก็วิ่งไปกับเฉิงเฉิงที่ป่าอีกครั้ง
เป่หมิงโม่มองถุงเต็นท์“อันนี้ลูกนอนกับเฉิงเถอะ”พูดไป เขาก็หยิบถุงเต็นท์เดินไปตรงพื้นเรียบๆที่ไม่ไกลจากแม่น้ำเล็กๆนั่น
เขามองสถานที่ตรงนี้ ราบเรียบมาก เหมาะกับการกางเต็นท์
ดังนั้นเขาจึงเอาถุงเต็นท์วางตรงนี้
กู้ฮอนตามเขามาด้านหลัง ถึงแม้เธอจะอึดอัดกับวิธีการของเป่หมิงโม่ ท่าทางที่ติดต่อกับคนอื่นไปบ้าง แต่ว่าเธอก็ยังเข้าใจดีว่าเขาไม่ได้มีประสงค์ร้ายอะไร และยังมีความอ่อนไหวสูง
เขาก้มลง เปิดถุงออก เอาอุปกรณ์เต็นท์ด้านในออกมา เอาภาพประกอบเต็นท์ทิ้งไว้ข้างๆ
“นี่ ถ้าคุณเอานี่ทิ้ง รู้เหรอว่าประกอบเต็นท์ยังไงอ่ะ?”
***
ดังนั้นกู้ฮอนจึงถามเขาแบบนี้ เพราะว่าแต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่เคยเห็นเป่หมิงโม่ขยับมือทำอะไร นอกจากจะทำชีวิตประจำวันด้วยตัวเองแล้ว เรื่องอื่นที่จะให้เขาทำได้ก็เจอน้อยมาก
บวกกับดูชุดของเขาแล้ว ชุดสูทราคาแพงที่ดูดี ไม่เข้ากับค่ายแบบนี้สักนิด กลับเหมือนแขกที่มาร่วมงานตัดริบบิ้น พอเส้นสีแดงขาด เขาก็จะนั่งรถออกไปทันที
เป่หมิงโม่ไม่ตอบโต้อะไร ได้แต่มองกู้ฮอนด้วยสายตาเยือกเย็น จากนั้นก็นั่งยอง แล้วเริ่มประกอบเต็นท์
แป๊บเดียว เฉิงเฉิงกับหยางหยางก็กลับมาจากป่าด้วยมือเปล่า
“ลูกรักเป็นอะไรไป?”กู้ฮอนมองทั้งสองคนหน้าบึ้ง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“คนเอาเต็นท์ไปหมดแล้วครับอาบิวตี้ก็จริงๆเลย แม้แต่เต็นท์ก็ให้ไม่กี่อัน เหมือนว่าคืนนี้ผมต้องนอนในหุบเขากับไอ้พ่อนกซะแล้ว”หยางหยางพูด ก้มเอวหยิบก้อนหินเขวี้ยงใส่แม่น้ำเล็กๆ
ที่จริงแล้ว พูดถึงแม่น้ำนั่น ในความเป็นจริงก็แค่กว้างกว่าธารน้ำภูเขาทั่วไปเล็กน้อย จากการที่น้ำใสตนมองเห็นหินบนแม่น้ำอย่างชัดเจนนั้น น่าจะไม่ลึกมากเท่าไหร่
กู้ฮอนมองหยางหยางแล้วยิ้ม“แม่ไม่ให้ลูกต้องนอนในหุบเขาแน่นอน แต่ว่าพ่อนั้นไม่ขอพูดถึงนะ”
พูดถึงเธอก็เหลือบมองเป่หมิงโม่
เห็นแค่เขาหันหลังให้ตัวเอง สองมือยังคงไม่ว่าง
สิบนาทีผ่านไปเต็นท์อันหนึ่งก็เป็นรูปเป็นร่างในมือพวกเขา
“ว้าว เต็นท์เราใหญ่กว่าคนอื่นซะอีก”หยางหยางยืนหน้าเต็นท์ มองดู จากนั้นก็เปรียบเทียบของคนอื่นที่อยู่ไม่ไกล
ที่จริงเขาพูดไม่ผิด นี่มันอันใหญ่ที่สุด
นี่คือเต็นท์ลายพราง เสาหกชิ้นถูกตอกลึกไปที่พื้น
เต็นท์นี้ใหญ่กว่าเต็นท์อื่นกว่าสองเท่า ไม่ต้องพูดถึงนอนสี่คน หกคนก็ไม่มีปัญหา
เป่หมิงโม่เอาก้อนหินใหญ่ทับลงไปที่หมุดอันสุดท้าย ยื่นมือหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋ากางเกงมาเช็ดเหงื่อบนหน้า
จากนั้นลุกขึ้น ถอยหลัง ชมผลงานตัวเอง
กู้ฮอนเดินไปตรงหน้าเต็นท์ ยืนมือไปเขย่าเต็นท์ เต็นท์นั้นไม่ขยับ แข็งแรงมาก
มองไม่ออกจริงๆ ว่าเป่หมิงเอ้อมีฝีมือกางเต็นท์ด้วย
มองเขาที่มีเหงื่อท่วมหน้า เธอก็เอาน้ำในกระเป๋าที่พกติดตัวมาส่งให้เป่หมิงโม่“พวกคุณทำก่อสร้างเหรอ เริ่มต้นก็กางเต็นท์เลย”
เป่หมิงโม่ยื่นมือไปหยิบน้ำ เปิดฝาแล้วเงยหน้าดื่มไปหลายอึก จากนั้นก็หันไปมองกู้ฮอนอย่างเหยียด“ตอนเด็กผมเคยร่วมฝึกลูกเสือน่ะ”
พูดจบก็เอาขวดน้ำวางที่พื้น หันไปหยิบถุงเต็นท์ ก้มหน้าลงเข้าไปในเต็นท์
แป๊บหนึ่งคนอื่นๆก็ประกอบเต็นท์เสร็จ แม้แต่เจ้าคนรวยหกนิ้วที่บ้าอำนาจ เต็นท์เล็กๆที่น่าสงสารของเขาก็ประกอบเสร็จเขามอง ‘ผลงาน’ของตัวเองก็พูดอย่างดูถูกตัวเอง“เห้อ……หลายปีมานี้ไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย ฝีมือตกไปมาก”
มองไป บนหญ้าสีเขียว เต็มไปด้วยเต็นท์เขียวมีละหลัง ทั้งเล็กทั้งใหญ่ มีบางคนที่ไม่มีเต็นท์ ก็เป็นมิตรดีกับคนอื่นๆ สองครอบครัวนอนด้วยกัน
***
ตอนนี้ถังเทียนจื๋อ ก็เอาเต็นท์ของตัวเองปูเสร็จแล้ว เขาเปลี่ยนชุดลายพรางจากด้านในออกมา ใบหน้าหล่อเหลาคู่ควรกับชุดลายพรางที่ดูดี เพิ่มความกล้าหาญยิ่งขึ้น
มองเต็นท์ทุกคนรอบๆ มีบางคนที่สร้างออกมาได้ไม่ดี ถูกเขาแตะเบาๆก็ล้มลง คนนั้นเลยได้แต่ก้มหน้าลงประกอบใหม่
พอเขามาที่เต็นท์กู้ฮอน สำรวจรอบๆก็พยักหน้าอย่างพอใจ“คุณกู้ฮอน ดูคุณอ่อนโยน คิดไม่ถึงว่าจะมีฝีมือในการประกอบเต็นท์นะครับ”
กู้ฮอนยิ้ม“ฉันประกอบเองที่ไหนล่ะคะ”
พอพูดถึงตรงนี้เป่หมิงโม่ถือถุงเปล่า เอาหน้าต่างของเต็นท์พับออกด้านนอก เดินออกมา
เขาเห็นถังเทียนจื๋อยืนอยู่ตรงนี้ เดิมทีอารมณ์ดีหน่อยๆ ทันใดนั้นก็หน้าบึ้งขึ้นมา
ถังเทียนจื๋อกลับดูไม่สนใจอะไร“ดูเหมือนว่าจะมีคนมีฝีมือมาช่วย แต่ว่าดูเหมือนจะไม่เหลือเต็นท์ให้ฝีมือดีคนนี้ได้แล้วล่ะ”
“จะไม่มีได้ไงล่ะ ผมว่าตรงนี้ก็ไม่เลว”เป่หมิงโม่ไม่รอให้กู้ฮอนพูด ตัวเองก็มั่นใจว่าจะนอนที่นี่แล้ว
“ชายหนึ่งหญิงหนึ่งพาลูกมาด้วย นอนด้วยกันไม่ดีเท่าไหร่มั้ง ถึงตอนนั้นอย่าปล่อยให้มีเรื่องอื้อฉาว จะทำให้ชื่อเสียงของประธานเป่หมิงแปดเปื้อนได้……”ถังเทียนจื๋อพูดพร้อมหรี่มองเป่หมิงโม่
กู้ฮอนพูดกับถังเทียนจื๋ออย่างละอาย“Noton ไม่เป็นไรค่ะยังไงเขาก็ไม่ใช่คนแปลกหน้า แต่เป็นพ่อของเด็กๆ”
ถังเทียนจื๋อจะไม่รู้ได้อย่างไร ประวัติของเป่หมิงโม่เขาสืบมาชัดเจนจนไม่มีชัดเจนกว่านี้อีกแล้ว
แต่ยังทำเป็นพูดต่อไปว่า“อ้อ ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง สี่คนพ่อแม่ลูกสินะครับ น่าสนใจจริงๆ”
เป่หมิงโม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองถังเทียนจื๋อ ตอนนี้เขาก็กำลังมองตัวเองพอดี
ตาสองคู่สบตากัน รอบๆทั้งสองค่อยๆมีกลิ่นอายของความเร่าร้อนออกมา
ตอนนี้เอง หยางหยางก็วิ่งไปข้างๆถังเทียนจื๋ออย่างดีใจ ยื่นมือไปดึงปลายเสื้อเขา“อาบิวตี้ เมื่อไหร่จะสอนผมย่างปีกไก่ครับ”
ถูกหยางหยางทำแบบนี้ เขาก็ก้มหน้าลงมองหยางหยาง จากนั้นยื่นมือตบหัวเขาเบาๆ“วางใจเถอะ มาถึงนี่แล้ว จะไม่สอนได้ไงล่ะ”
ตอนนี้เอง คนข้างๆเขามองนาฬิกา จากนั้นพูด“Noton ได้เวลาแล้ว”
ถังเทียนจื๋อพยักหน้า หันเดินไปตรงที่โล่ง โบกมือให้ทุกคน ผู้ช่วยเขายื่นโทรโข่งให้
“ผู้ปกครองทุกท่านและนักเรียนทุกคน ค่ายผู้ปกครองฤดูร้อนครั้งนี้เปิดอย่างเป็นทางการนะครับ ตอนเย็น ผู้อำนวยการจะมาดูทุกคนที่นี่ แต่ว่าตอนนี้อยากถามทุกคน หิวกันไหมครับ?”
“หิว ผมหิวจะตายอยู่แล้ว พวกคุณจัดกิจกรรม เอาโทรศัพท์กับกระเป๋าเราไปด้วย ทำไมแม้แต่ของกินก็ไม่เตรียมให้?”คนที่พูดคือคนรวยหานิ้วนั่น
ถังเทียนจื๋อยิ้ม“อะไรคือความสุขของการเข้าค่ายที่สุดครับ แน่นอนว่าหาของกินเอง ทำเองถึงจะมีความหมาย ผู้ปกครองทุกท่านสามารถพาลูกของตัวเอง หาของกินในป่านี้ แต่ว่าวางใจได้ ที่นี่พวกเราตรวจสอบแล้ว ไม่มีสัตว์ที่อันตรายอย่างงูพิษ เพื่อให้ทุกท่านมีพลังขึ้นมา”
พูดไป เขาก็โบกมือไปด้านข้าง
ผู้ช่วยเขาถือกล่องเดินมาข้างเขา เอากล่องวางลงพื้น
***
ถังเทียนจื๋อชี้ไปที่กล่อง“นี่คืออาหารแห้งที่เตรียมให้ทุกคนวันนี้ หลังจากกินมีพลังแล้วก็จะทำกิจกรรมต่อไปได้”
พูดจบ เขาก็ให้ผู้ช่วยถือกล่องเอาคุกกี้แบ่งให้ทุกคน แล้วก็เนื้อวัวแดดเดียวกับน้ำหนึ่งขวด
“เห้อ ผมว่าNotonคนนั้นอ่ะ พวกเราพาลูกมาร่วมกิจกรรมนะ ไม่ได้พามาฝึกทหาร ให้พวกเราสร้างเต็นท์ก็แล้วกัน ตอนนี้พวกเราหิวยังแบ่งของเล็กๆน้อยๆแบบนี้ให้เราอีก เกินไปหรือเปล่าแบบนี้”
ถังเทียนจื๋อเริ่มได้ยินคนไม่พอใจ ก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย“ให้ผู้ปกครองพาเด็กๆมาสัมผัสธรรมชาติสักหน่อย และวิธีที่จะใกล้ชิดกันมากที่สุดก็คือได้อาหารมาจากธรรมชาติ ผมก็แค่ตอบสนองความหิวให้พวกคุณเท่านั้น”
“เหอะ พูดซะน่าฟัง ล่าสัตว์ไม่ใช่หรือไง ทุกปีผมพาลูกไปล่าสัตว์ที่ยุโรปอยู่แล้ว เรื่องนี้จิ๊บจ๊อยมากยังจะมาพูดอะไรไร้สาระอีก เอาปืนลูกซองมาให้พวกเราเลยสิ”อีกคนยืนอยู่หน้าเต็นท์ สองมือกอดตรงหน้าอก มองถังเทียนจื๋ออย่างไม่พอใจ