ตอนที่ 694 เรื่องทั้งหมดล้วนดำเนินการอย่างเป็นความลับ 2
สำหรับความเป็นมาของการที่เดินไปที่ไหนล้วนมี ‘ผู้ติดตาม’ สองคนนั้น เธอรู้อยู่แก่ใจ
แม้ว่าเธอจะคัดค้านการไปมาหาสู่กันระหว่างกู้ฮอนและเป่หมิงโม่ แต่ว่าในตอนนี้ทำได้เพียงแค่แสร้งสับสนมึนงงเท่านั้น
เพราะอย่างน้อยมีคนสองคนเพิ่มมาข้างกาย ก็สามารถรับประกันความปลอดภัยให้เธอกับลูกสาวได้
*
จนกระทั่งวันนี้ นาฬิกาชี้ไปที่ตอนกลางคืนหกโมง สีท้องฟ้าด้านนอกค่อยๆเริ่มมืดลง
ตอนนี้เป่หมิงโม่นั้นยังคงนั่งอยู่ในห้องทำงาน เดิมถึงเวลาที่จะกลับบ้านแล้ว แต่ว่าเขายังคงไม่อยากกลับอยู่บ้าง
ทุกคนกลับบ้าน แท้จริงแล้วล้วนมีเป้าหมาย เพราะว่าที่บ้านมีบิดามารดาที่แก่ชรา ลูกน้อยที่น่ารักหรือไม่ก็ภรรยาแสนอ่อนโยน
ส่วนเป่หมิงโม่นั้น นอกจากหยางหยางที่อยู่บ้านแล้วก็เหลือเพียงแค่เจียงฮุ่ยซินกับเฟยเอ๋อ แต่ว่าพวกเธอทั้งวันล้วนปั้นหน้าถกเถียงกับหยางหยางทั้งวัน
ไหนจะยังมีท่าทางของครอบครัวกัน ไม่ต่างจากโรงแรมเท่าไรนัก
ถึงแม้ว่าเขาจะมีทรัพย์สินมหาศาล แต่ว่ากลับไม่มีครอบครัวอันอบอุ่นอย่างที่คนปกติมีกัน
ในตอนนี้เองที่ประตูห้องทำงานเปิดออก ฉิงฮัวก้าวเข้ามาจากด้านนอก
เสียงเบามาก
เขาเดินมาถึงหน้าโต๊ะทำงานเป่หมิงโม่อย่างรวดเร็ว พลางเอ่ยเสียงเบาว่า “เจ้านาย ช่างซ่อมคนนั้นถูกพามาแล้วครับ อยู่ที่หน้าประตู คุณว่าพวกเรา…….”
เป่หมิงโม่วางของในมือลง “อืม พาเขาเข้ามาสิ”
ฉิงฮัวหมุนตัวแล้วยกมือขึ้นมาปรบมือเบาๆสองครั้ง จากนั้นประตูห้องก็เปิดออก ชายหนุ่มสามคนเดินเข้ามา
ชายหนุ่มสองคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าและหลังสวมชุดสูทสีดำ ชายหนุ่มที่อยู่ตรงกลางมีผิวออกเหลืองเล็กน้อย ส่วนสูงค่อนข้างเตี้ย เป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างผอมบางอยู่บ้าง
ทั้งสามคนเดินมาถึงหน้าโต๊ะทำงานของเป่หมิงโม่ ฉิงฮัวโบกมือให้กับชายหนุ่มสองคนที่พาเขาเข้ามา “พวกนายสามารถออกไปได้แล้ว”
ในไม่ช้า ภายในห้องทำงานของเป่หมิงโม่ก็เหลือเพียงแค่เป่หมิงโม่ ฉิงฮัวและชายหนุ่มที่ถูกพาตัวมา
“นั่ง” เป่หมิงโม่ไม่ได้ถามคำถามเขาในแรกเริ่ม
ชายหนุ่มมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างชัดเจน เขาไม่รู้ว่าชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้ส่งคนมากมายมาหาเขาทำไม เขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
“ได้ยินหรือไม่ เจ้านายของผมให้คุณนั่งลงแล้วพูด” ฉิงฮัวกดลงบนบ่าของชายหนุ่มคนนั้นเบาๆ
ร่างกายของชายหนุ่มผอมบางเกินไป ฉิงฮัวไม่ได้ออกแรงอะไรมาก คนคนนั้นก็ไร้เรี่ยวแรงเหมือนกระดาษใบหนึ่งร่วงหล่นลงบนเก้าอี้”
“คุณรู้ว่าหรือไม่ว่าผมพาคุณมาที่นี่ทำไม” ใบหน้าเป่หมิงโม่เย็นเยียบไร้ความรู้สึก น้ำเสียงก็เผยกลิ่นอายเย็นยะเยือกออกมา
ชายหนุ่มคนนั้นส่ายหน้า พูดด้วยใบหน้าเป็นทุกข์ว่า “เจ้านาย ผมจะไปรู้ได้อย่างไรว่าคุณส่งคนไปหาผมทำไมครับ ผมก็เป็นเพียงแค่ช่างซ่อมเท่านั้นเอง”
“คุณชื่อหวางซื่อใช่หรือไม่” ฉิงฮัวถาม
หวางซื่อหันหน้ากลับไปมองฉิงฮัวที่อยู่ข้างกาย “ไม่ผิดครับ ผมก็คือหวางซื่อ”
“หลายวันก่อนหน้านี้ คุณเป็นช่างที่บริษัทลิฟต์โดยสารส่งไปโรงแรมแมนดาริน เพื่อส่งอุปกรณ์เกี่ยวกับลิฟต์โดยสาร จากนั้นก็ทำการบำรุงรักษาอุปกรณ์ของลิฟต์โดยสารกับช่างซ่อมลิฟต์อีกคนหนึ่งใช่หรือไม่” ฉิงฮัวเอ่ยถามต่อ
***
หวางซื่อพยักหน้า “ไม่ผิดครับ เป็นแบบนั้นจริงๆ เซนเซอร์ตรวจจับระดับชั้นลิฟต์โดยสารของโรงแรมเสีย ช่างซ่อมที่รับผิดชอบดูแลไม่มีอุปกรณ์สำรองให้เปลี่ยนจึงโทรศัพท์ไปยังสำนักงานใหญ่ ประจวบเหมาะกับที่ตอนนั้นผมมีเวลา ดังนั้นพวกเขาจึงให้ผมนำเซนเซอร์ตรวจจับมาส่ง หลังจากนั้นผมก็เห็นว่าเขาทำคนเดียวไม่ทัน ล้วนเป็นเพื่อนร่วมบริษัทเดียวกัน ผมจึงช่วยเขาตรวจสอบและซ่อมลิฟต์ด้วยกันเสียเลย”
เป่หมิงโม่ได้ยินเขาพูดจาอย่างมีระเบียบแบบเป็น ทั้งยังนับว่าสมเหตุสมผล
ระหว่างที่หวางซื่ออธิบายเรื่องราวทั้งหมดนั้น เขาเห็นแววตาของหวางซื่อลอกแลกไปมา ลูกตายังมองไปซ้ายชั่วครู่หนึ่งแล้วก็ขวาชั่วครู่หนึ่ง แต่ว่าก็ไม่กล้าสบตากับเป่หมิงโม่ตรงๆ
อีกอย่างเขาพูดจามีเหตุมีผล พื้นฐานแล้วไม่มีประโยคไร้สาระและช่องโหว่ใดๆแม้แต่นิดเดียว นี่ไม่สอดคล้องกับสภาพอารมณ์ตึงเครียดที่เขาแสดงออกมาในตอนนี้เลยจริงๆ
เป่หมิงโม่คิ้วขมวด “พอแล้ว สิ่งเหล่านี้ผมล้วนรู้หมด”
หวางซื่อได้ยินแล้วก็เหมือนกับว่าก้อนหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งที่อยู่ในใจร่วงลงบนพื้น ใบหน้าก็เผยแววโล่งอกไม่น้อย “ในเมื่อพวกคุณล้วนรู้แล้ว อย่างนั้นผมก็สามารถไปได้แล้วใช่หรือไม่ครับ”
เขาพูดแล้วก็ลุกขึ้น
แต่ว่าฉิงฮัวกลัวกดเขานั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง “ใครให้คุณไปได้กัน”
“ไม่ใช่ว่าพวกคุณ…..” หวางซื่อเผยใบหน้าอมทุกข์ออกมาอีกครั้ง “ผมพูดกับพวกคุณชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือครับ ยังจะให้ผมพูดอะไรอีก”
“อย่างนั้นก็พูดในเรื่องที่พวกเราไม่รู้พวกนั้น” นัยน์ตาเย็นยะเยือกของเป่หมิงโม่เขม็งใส่จนหวางซื่อร่างสั่นระริก
เขาแสร้งฝืนทำเป็นยิ้ม “เจ้านายท่านนี้กำลังพูดเรื่องตลกใช่ไหมครับ เรื่องที่ผมรู้ทั้งหมดล้วนบอกกับพวกคุณแล้ว จะมีเรื่องที่พวกคุณไม่รู้อีกได้ที่ไหนกัน”
“คุณอย่ามาแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องต่อหน้าพวกเรา พาคุณมานั้นก็เพราะว่าพวกเรากุมข้อมูลบางอย่างที่คุณไม่ได้พูดกับพวกเรา ถ้าหากว่าคุณเป็นคนฉลาด อย่างนั้นก็สารภาพออกมาอย่างซื่อสัตย์เถอะ ไม่อย่างนั้น ถึงเวลาคุณก็ไปพูดกับตำรวจก็แล้วกัน”
ประโยคนี้ของฉิงฮัวนั้นมีพลังในการข่มขู่ แท้จริงแล้วพวกเขาก็เข้าใจเพียงแค่นี้เท่านั้นเอง
หวางซื่อทนต่อการข่มขู่ของเขาแบบนี้ไม่ได้ “อย่าๆๆ…..เจ้านาย คุณดูสิ พวกเราล้วนไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน ผมจะโกหกคุณไปทำไม สำหรับเรื่องที่จะส่งผมให้กับตำรวจนั้น ผมคิดว่าคงไม่ต้องลำบากพวกคุณหรอกครับ แม้ว่าปกติผมจะชื่นชอบเสพยา แต่ก็ไม่ถึงกับต้องเข้าคุกมั้งครับ ที่บ้านผมยังมีคนชราและเด็กรอผมเลี้ยงอยู่นะครับ”