ตอนที่ 700 พนันกันสักครั้ง 2
เฟยเอ๋อมีความกล้าในใจอยู่บ้างแล้ว ดังนั้นเมื่อพูดออกมาก็หนักแน่นมากขึ้น ไม่ได้พูดจาตะกุกตะกักเหมือนกับที่แสดงออกมาก่อนหน้านี้
เป่หมิงโม่ส่งเสียงเย็น พ่นลมหายใจเย็นออกมาจากทางจมูกรดใบหน้าของเฟยเอ๋อ
“ถ้าเป็นตามที่พูดมา คุณก็ยังทำเพื่อผมหรือ ถ้าอย่างนั้นก็พูดมาว่าคุณถือกล่องใบนั้นไปทำอะไรที่โรงแรมกันแน่ ที่สำคัญที่สุดก็คือ มีคนสั่งให้คุณทำตามหรือไม่”
เฟยเอ๋อสูดลมหายใจเบาๆ ด่านแรกถือว่าผ่านไปได้ ก็ต้องดูว่าด่านที่สองตัวเองจะแต่งออกมาอย่างไร “แท้จริงแล้วเรื่องราวเป็นแบบนี้ ฉันกำลังพักผ่อนอยู่ในห้องของตัวเอง แล้วก็ได้ยินคนรับใช้มาเรียกฉัน บอกว่าให้ฉันไปรับกล่องกล่องหนึ่งที่ข้างนอก ฉันออกไปแล้วก็เห็นรถคันหนึ่งจอดอยู่ที่หน้าประตู คนด้านในให้ฉันหยิบกล่องออกมาจากหลังรถ แรกเริ่มฉันยังสงสัยว่าเป็นอะไรกันแน่ แต่คนในรถเร่งให้ฉันรีบเอาไป พวกเขายังมีธุระอื่นอีก ดังนั้นฉันจึงกอดกล่องใบนี้กลับมาที่บ้านใหญ่”
“หลังจากคุณกลับมาแล้วไม่ได้เปิดดูหรือว่าข้างในมีของอะไรอยู่” เป่หมิงโม่หมุนตัวมองไปยังภาพที่ในมือของเฟยเอ๋อมีเพียงแค่กล่องใบนั้นที่ฉายอยู่
เฟยเอ๋อส่ายหน้าเบาๆ “ฉันไม่รู้ว่าข้างในคืออะไร เมื่อกลับถึงห้องฉันก็อยากเปิดออกมาดู แต่ว่าในตอนนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือฉันก็ดังขึ้น ฉันจึงรับสายโทรศัพท์นั้น และก็เป็นเพราะโทรศัพท์สายนี้ ฉันถึงได้นำกล่องนี้ไปส่งที่โรงแรม”
เป่หมิงโม่หันกลับมามองเฟยเอ๋อ พลางเอ่ยว่า “คนในโทรศัพท์นั้นพูดอะไรกับคุณกันแน่”
***
การโกหกก็เป็นเช่นนี้ เพื่อบรรลุเป้าหมายบางอย่างถึงได้แต่งเรื่องโกหกขึ้นมาเรื่องหนึ่ง เมื่อได้เริ่มแล้ว อย่างนั้นก็ไม่มีหนทางให้ย้อนกลับ เพื่อปิดบังอำพรางคำพูดข้างหน้า จึงต้องแต่งคำพูดด้านหลังต่อไป
คำพูดโกหกที่มีมาไม่ขาดสายนั้นทำให้คนไม่มีทางถอยหลังกลับได้อีก
เฟยเอ๋อก็เป็นเช่นนี้ เพื่อให้เป่หมิงโม่เชื่อเธอ จึงต้องแต่งเรื่องโกหกของเธอต่อไป
เมื่อเป่หมิงโม่ถามเธอว่าคนในสายโทรศัพท์พูดอะไรกับเธอ เธอก็ตัดสินใจแต่งเรื่องโกหกอีกเรื่องหนึ่ง
“โม่ หลังจากฉันพูดไปแล้ว ฉันหวังว่าคุณจะไม่โกรธ” เฟยเอ๋อเห็นเป่หมิงโม่พยักหน้าแล้วจึงค่อยๆเอ่ยพูดว่า “โทรศัพท์ที่ฉันได้รับก็คือ ชายหนุ่มคนหนึ่งให้ฉันนำกล่องนั้นไปวางไว้ในทางออกฉุกเฉินโรงแรมของโม่ ถ้าหากว่าไม่ทำตามที่เขาพูด อย่างนั้นก็รอให้บ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิงเกิดเรื่องเถอะ ฉันได้ยินแล้วก็เครียด ถ้าเกิดเรื่องกับบ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิง สิ่งที่สูญเสียนั้นไม่ต้องพูดถึง ฉันรู้ว่าบ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิงเป็นรากฐานของตระกูลเป่หมิง ท่านนายเป่หมิงจะต้องรับความสะเทือนใจแบบนี้ไม่ได้อย่างแน่นอน ดังนั้นฉันจึงทำตามที่คนคนนั้นบอก ฉันไม่พูดเรื่องนี้มาตลอดก็เพราะฉันคิดว่าของในกล่องนั้นน่าจะไม่ส่งผลเสียหายใหญ่โตต่อโรงแรม แต่ฉันก็เคยสงสัยว่าจะเป็นยาเสพติดอะไรพวกนั้นหรือไม่ แต่ฉันรู้ว่ารู้มากไปก็ไม่ส่งผลดี”
เป่หมิงโม่หัวเราะเสียงเย็น “เรื่องที่คุณเล่ามานั้นไม่เลวเลย แต่ผมอยากจะถามคุณมากกว่า นอกจากผมที่รู้เบอร์โทรศัพท์ของคุณแล้วยังมีใครรู้อีก อีกอย่างช่างบังเอิญที่คนคนนั้นก็รู้ด้วยว่าคุณอาศัยอยู่ที่นี่”
คำถามนี้ทำให้เฟยเอ๋อรับมือไม่ทันอยู่บ้าง
เพียงแต่เธอก็ไม่ใช่ตะเกียงไร้น้ำมัน หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง เธอก็พูดว่า “คุณยังจำพิธีการหมั้นครั้งนั้นได้หรือไม่ ลูกสองคนของคุณโวยวายกระทำเสียใหญ่โตขนาดนั้น หน้าของฉันก็นับว่าขายหน้าจนไม่เหลือแล้วในครั้งนั้น ยังมีใครไม่รู้อีกว่าฉันเป็นคู่หมั้นของคุณ บวกกับตอนนี้มีเสียงร่ำลือเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกเปิดเผยไปทุกหนทุกแห่ง ในฐานะที่ฉันเป็นผู้หญิงที่อยู่ข้างกายคุณ เบอร์โทรศัพท์จะถูกเปิดเผยออกไปก็ไม่แปลก”
“ถ้าอย่างนั้นคุณฟังออกหรือไม่ว่าคนที่ข่มขู่คุณเป็นใครหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น ถังเทียนจื๋อ…..” เป่หมิงโม่จงใจลากน้ำเสียงให้ช้าลงมาก ก็เพื่อจะดูว่าตอนที่เฟยเอ๋อได้ยินชื่อของเขาแล้วจะแสดงความรู้สึกอะไร
แต่เฟยเอ๋อกลับแสดงออกมาได้สงบนิ่งกว่าที่คาดไว้ แววตาของเธอเหมือนจะแฝงไปด้วยความเคียดแค้นอยู่บ้าง “ถ้าฉันฟังออกว่าเป็นใครล่ะก็ จะไม่บอกคุณหรือคะ ฉันจะยังยอมให้เขาจูงจมูกหรือคะ สำหรับถังเทียนจื๋อ ฉันมีเพียงความเคียดแค้นต่อเขาเท่านั้น ถ้าไม่ใช่เขาวางเพลิงในปีนั้น ฉันก็ไม่ต้องมีรูปโฉมเช่นนี้ในวันนี้ สำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง รูปโฉมสำคัญมากขนาดไหน เขาทำลายสิ่งสำคัญที่สุดของฉันไป ฉันจะยังไปเป็นพวกเดียวกันกับเขาได้หรือ”
เฟยเอ๋อพูดด้วยความโกรธจนใบหน้าขาวซีด ทั่วทั้งร่างก็สั่นระริก
เป่หมิงโม่พยักหน้า “เสร็จแล้ว ที่นี่ไม่มีเรื่องของคุณแล้ว คุณกลับไปพักผ่อนเถอะ แต่ผมขอบอกกับคุณสักประโยค ขอให้เรื่องที่คุณพูดวันนี้เป็นความจริง ถ้าหากว่ารอจนถึงวันใดวันหนึ่งที่ผมรู้ว่านี่ก็เป็นคำโกหก ทางที่ดีคุณควรจะคิดจุดจบของตัวเองเอาไว้ด้วย”
แน่นอนว่าในใจเฟยเอ๋อนั้นรู้ชัดเจน แต่จนถึงตอนนี้ก็ไม่สามารถจะไปสนใจภายหลังได้แล้ว
เธอไม่ได้พูดอะไร หมุนตัวแล้วก็ออกไปจากห้องหนังสือของเป่หมิงโม่ หลังจากที่เธอปิดประตูเรียบร้อยแล้ว หัวใจของเธอก็เต้นเร็วแทบจะหลุดออกมาจากลำคอ ทะลุออกมาจากเบ้าตา บนหน้าผากมีเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นมา
ถ้าหากว่าเป่หมิงโม่ยังถามต่อไปแล้วล่ะก็ คาดว่าเฟยเอ๋อก็คิดว่าตัวเองนั้นคงทนไม่ไหวแล้ว
เธอพยายามรักษาจังหวะการเดินให้มั่นคง มุ่งหน้าไปยังห้องของตัวเอง ยิ่งเป็นสถานการณ์แบบนี้ เธอยิ่งต้องแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง
***
เฟยเอ๋อกลับไปถึงห้องนอนของตัวเอง ก็ปิดประตูลงดาลแน่น แล้วก็แนบหูเข้ากับประตูราวกับทำเรื่องชั่วร้าย เพื่อฟังว่าด้านนอกมีความเคลื่อนไหวอะไรหรือไม่
ผ่านไปชั่วครู่ เธอก็มั่นใจว่าข้างนอกไม่มีคนแอบฟังและไม่มีคนผ่านมาแล้วถึงจะวางใจออกห่างจากประตู