ตอนที่ 736 การตัดสินใจของฉิงฮัว
หยางหยางยิ้มร่าแล้วตบที่ไปพุงของตัวเอง: “ท้องผมก็เหมือนกระเป๋าโดราเอม่อน มีเท่าไหร่ก็ใส่ได้เท่านั้น”
เฉิงเฉิงมองหยางหยางอย่างเอือมๆ อยู่ที่บ้านตระกูลเป่หมิงมาสักพักแล้ว ทำไมยังแก้นิสัยตะกละไม่หายสักที
ผ่านไปสักพัก หยางหยางก็กินผลไม้ไปเกือบครึ่งจาน ถึงจะพอใจแล้วกระโดดดึ๋งๆ ตามเจียงฮุ่ยซินขึ้นรถไป
กู้ฮอนพาเฉิงเฉิงและก็แอนนิ ไปยืนอยู่หน้าประตูส่งพวกเขา พอเห็นพวกเขาออกไปไกลแล้ว
เธอจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ วันนี้ทั้งวันทำเอาเธอตกใจไม่หยุดไม่หย่อน
กลับเข้ามาข้างใน กู้ฮอนก็นั่งลงบนโซฟา ถึงแม้เป่หมิงโม่กับเจียงฮุ่ยซินกลับไปแล้ว แต่ฉิงฮัวยังอยู่ข้างบน
แต่ว่า ก็ไม่ใช้ปัญหาใหญ่ ถ้าเขารู้แล้ว ก็ให้ลั่วเฉียวอุดปากเขาไว้ ให้เขาเก็บไว้เป็นความลับ
อีกอย่าง ครั้งนี้ฉิงฮัวอยู่กับลั่วเฉียวนานอยู่นะ เมื่อเทียบกับประวัติครั้งก่อนที่อยู่ได้แค่ยี่สิบนาที
เห็นไม่มีใครอยู่ แอนนิจึงถามขึ้น: “กู้ฮอน เธอไปเจอกับเป่หมิงโม่ได้ยังไง? ฉันเห็นว่าเธอลงมาจากรถเขา”
กู้ฮอนถอนหายใจ แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้แอนนิฟัง
ถึงตอนจบแอนนิก็เหงื่อไหลแทนเธอ: “กู้ฮอน ต่อไปห้ามทำแบบนี้นะ ทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วง”
กู้ฮอนพยักหน้า: “วางใจเถอะ ต่อไปฉันจะระวัง”
“ไม่รู้จริงๆ ว่าเรื่องจิ่วจิ่วจะยื้อได้อีกนานแค่ไหน” กู้ฮอนพูดออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ขณะนั้นประตูลิฟต์ก็ได้เปิดออก ฉิงฮัวเดินออกมา ตามมาด้วยลั่วเฉียว
“พวกเธอ……” กู้ฮอนกับแอนนิมองไปที่พวกเขาสองคน
เห็นสีหน้าของฉิงฮัวดูปกติ ไม่ได้กระอักกระอ่วนเหมือนเมื่อกี้แล้ว
สีหน้าของลั่วเฉียวก็เฉยๆ อย่างน้อยก็พอดูออกว่าเธอไม่ได้เกลียดฉิงฮัวขนาดนั้นแล้ว
“คุณกู้” ฉิงฮัวก้มหัวให้ จากนั้นก็มองที่ห้องรับแขก เหลืออยู่แค่สามคน “พวกเจ้านายล่ะครับ?”
“พวกเขาเพิ่งออกไปได้ไม่นาน เป่หมิงโม่บอกว่าให้นายกลับไปเอง” กู้ฮอนพูด
ฉิงฮัวพยักหน้ารับ: “งั้นผมคงต้องขอตัวก่อน เจ้านายกลับแล้ว ทางนู้นคงต้องมีเรื่องให้ผมทำอีก”
ทันใดนั้นลั่วเฉียวก็พูดบางอย่างที่เกิดคาดออกมา: “กลับดีๆ ”
***
ทุกคนต่างรู้ดีว่าลั่วเฉียวเย็นชาใส่ฉิงฮัวขนาดไหน พอมาวันนี้เธอกลับมาเป็นห่วงเป็นใยเขา ทำเอาทุกคนรู้สึกผิดคาด
ฉิงฮัวหันกลับมามองลั่วเฉียว พยักหน้ารับแล้วเดินจากไป
กู้ฮอนเดินไปข้างๆ ลั่วเฉียว ยื่นมือออกไปแตะหน้าผากของเธอ: “เธอก็ไม่ได้ตัวร้อนนี่ ทำไมเปลี่ยนไป ไม่ใช่ว่าเธอเห็นฉิงฮัวแล้วก็โมโหเหรอ แปลกๆ แหะ นี่ไม่ใช่แปลกธรรมดาแล้ว”
ลั่วเฉียวยื่นมือมาจับมือกู้ฮอนออกจากหน้าผาก: “มีอะไรแปลก”
พูดถึงตรงนี้ เหมือนเธอจะนึกอะไรออก จึงหันกลับไปขึ้นลิฟต์
“เฉียวเฉียวเธอจะไปไหน?”
กู้ฮอนรีบตามเธอไป ตอนนี้เธอกำลังท้องอยู่ ต้องดูแลเธอดีๆ
“ตัวเล็กยังหลบอยู่ในตู้เสื้อผ้า!”
ทั้งสองมาถึงห้องของลั่วเฉียว แล้วค่อยๆ เปิดประตูตู้ จากนั้นก็เอาเสื้อผ้าออก ก็เห็นจิ่วจิ่วนอนหลับอยู่ด้านในนั้น
กู้ฮอนอุ้มเธอขึ้นมาอย่างเบามือ แล้วหันหลังวางเธอลงบนเตียง แล้วห่มผ้าให้เธอ
พอเห็นว่าเจ้าตัวเล็กไม่เป็นอะไร กู้ฮอนจึงโล่งใจ
วันนี้อันตรายจริงๆ อีกนิดเดียวเรื่องของจิ่วจิ่วก็แดงแล้ว
ทั้งสองลงมาที่ห้องรับแขกอีกครั้ง
“เฉียวเฉียว เล่าให้พวกเราฟังหน่อย เมื่อกี้หลังจากที่เป่หมิงโม่กับฉันลงมาแล้ว เธอกับฉิงฮัวนี่ยังไง?”
*
ฉิงฮัวออกมาจากบ้าน รถถูกเจ้านายขับไปแล้ว ที่นี่ก็ไม่ค่อยมีรถแท็กซี่ให้เรียก ทำได้แค่เดินออกไปดูว่ามีรถมั้ย
ขณะเดินทาง เขาก็หยุดนึกถึง เรื่องหลังจากที่เจ้านายและคุณกู้ออกไป ที่เขาทั้งสองได้อยู่ด้วยกัน
*
ฉิงฮัวเห็นเจ้านายและคุณกู้เดินออกไปแล้ว เขาก็อยู่กับลั่วเฉียวสองคน นอกจากหน้าแดงแล้วยื่นอ้ำๆ อึ้งๆ แล้ว เขาก็ไม่กล้าขยับเลย ไม่รู้ว่าควรทำอะไร
ลั่วเฉียวยืนอยู่หน้าประตู ขมวดคิ้วเล็กน้อยมองไปที่ผู้ชายข้างหน้าที่ไม่รู้จะวางมือไว้ตรงไหน
“นายอยู่ที่นี่ทำอะไร ยังไม่รีบตามเจ้านายลงไปอีก”
ถึงแม้เป่หมิงโม่จะไปแล้ว แต่เธอก็ไม่อยากให้เขารู้เรื่องจิ่วจิ่ว
ขณะนั้น จู่ๆ ลั่วเฉียวก็รู้สึกปวดท้อง
“โอ๊ยยย……” เธอใช้สองมือกุมท้อง แล้วค่อยๆ นั่งยอง
ความรู้สึกแบบนี้คือเท้าเล็กๆ ในท้องเธอกำลังเตะเธอ
“เธอเป็นอะไรไป?” ฉิงฮัวรีบเข้าไปข้างเธอ ไม่สนว่าเธอจะพอใจมั้ย แล้วอุ้มเธอขึ้น ไม่นานก็วางเธอลงบนเตียง
“ปวดท้องเหรอ? เธออดทนก่อนนะ ฉันจะเรียกหมอ จะไม่ให้เธอเป็นอะไรไปแน่ๆ ” ฉิงฮัวพูดพลางรีบควักโทรศัพท์ออกมา เตรียมจะกดโทรออก
ลั่วเฉียวทนไหว แล้วส่ายหัว: “ไม่ต้องโทรหรอก ช่วงนี้เคยเป็นมาแล้ว”
ฉิงฮัววางโทรศัพท์ลง แล้วมองลั่วเฉียว
ลั่วเฉียวเห็นเขาแบบนี้: “ที่ฉันเป็นแบบนี้ก็เพราะนาย ทำให้ฉันทรมานแบบนี้โดยที่ยังไม่พร้อม”
ฉิงฮัวฟังเธอพูด ในใจก็โทษตัวเอง ทำไมตอนนั้นถึงไม่ห้ามใจเอาไว้นะ ทำเอาตอนนี้ทั้งสองต้องมาเจ็บ
เขาขมวดคิ้ว เหมือนจะตัดสินใจได้ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกรอบ
“นี่ ฉันบอกว่าไม่เป็นไรไง นายยังจะโทรอีก?” ลั่วเฉียวเห็นเขาไม่เข้าใจ แต่ก็เห็นได้ว่าตอนนี้อารมณ์เขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ฉัน ฉันอยากเรียกหมอ เห็นเธอทรมานแบบนี้ ฉันรู้สึกว่าตัวเองเห็นแก่ตัวเกินไป คิดว่ามีบ้านและเงินให้เธอ เธอก็สามารถเลี้ยงลูกให้ดีได้แล้ว แต่พอมาตอนนี้ ฉันเห็นเธอทรมานมากเลย ฉันเห็นเธอทรมานต่อไปไม่ได้ ฉันตัดสินใจว่าจะไม่เอาลูกแล้ว จะให้เธอทนทรมานไม่ได้”
***
ประโยคนี้ของฉิงฮัวทำเอาลั่วเฉียวผิดคาดและตกใจ
ไม่ใช่เพราะอย่างอื่น:ก่อนหน้านี้ เขาเคยสนใจแต่เด็กในท้อง
แม้แต่เมื่อก่อนเธอเลือกที่จะไม่เอา เขากลับยอมที่จะไม่เจอเธออีก แถมเพื่อลูก เขายังให้ทั้งบ้านและเงินกับเธอ
แต่ตอนนี้ปฏิกิริยาของเขาตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
นึกถึงเมื่อก่อน เขาอยากได้ลูกยังไงก็จะรับผิดชอบให้ได้ พอมาวันนี้เขาเห็นว่าเธอทรมานมากๆ กลับไม่ต้องการเด็ก เพื่อที่จะไม่ให้ตัวเธอต้องทรมาน
จู่ๆ ลั่วเฉียวก็รู้สึกซาบซึ้ง จากก้นบึ้งของหัวใจ
เธอมองฉิงฮัว: “นายพูดจริงเหรอ?”
ฉิงฮัวผงกหัวแรงๆ
“งั้นก็ได้ นายออกไปก่อน ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน” ลั่วเฉียวพูด แล้วจะลงจากเตียง
ที่เธอทำแบบนี้ ก็เพื่อจะทดสอบดูว่าฉิงฮัวพูดจริงมั้ย
ตอนนี้คนมากมายปากพูดอย่าง แต่ในใจคิดอีกอย่าง
ที่เธออยู่ในแวดวงมา ไม่มีอะไรที่ไม่เคยเจอ ปากก็บอกว่ารัก จะหยุดกันไปจนแก่เฒ่า
แต่ที่ไหนได้ ไม่นานก็เลิกกัน
ที่จริงเธอคิดว่า แบบนี้ก็คือการเอาonenightstandมาพูดให้ดูสวยหรูแค่นั้น
หลายปีที่ผ่านมาต้องใส่หน้ากากเข้าหากันแบบนี้ไม่เหนื่อยบ้างเหรอ?
จนมาวันนี้ตัวเธอเองต้องเผชิญหน้ากับปัญหา
ถ้าหากตอนนี้เขายื้อเธอไว้ งั้นเด็กคนนี้ก็ไม่จำเป็นสำหรับเธอแล้ว
“เดี๋ยวก่อน……” ฉิงฮัวเปิดปากพูด
ลั่วเฉียวในใจหน่วงๆ เล็กน้อย ความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ ผิดหวัง จากก้นบึ้งของหัวใจ
ตัวเธอคิดว่า ฉิงฮัวคนนี้ถึงแม้จะดูโง่ๆ ไปบ้าง แถมยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องความรัก
แต่สิ่งหนึ่งที่เธอยอมรับ นั่นคือเขาเป็นผู้ชายที่มีความรับผิดชอบ และตามใจเธอ
แต่เรื่องกะทันหันแบบนี้ เขาก็ไม่ผ่านด่านนี้ คำที่เขาเคยพูดมาสุดท้ายก็พูดเพื่อที่จะโอ๋เธอ ราวกับโอ๋เด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ลั่วเฉียวส่ายหน้าเบาๆ ขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าเธอจะต้องตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรก็ตาม
เธอมองฉิงฮัวอย่างเงียบๆ
ขณะที่เธอกำลังจะพูดแตกหักกับเขา
ฉิงฮัวก็มองลั่วเฉียวอย่างจริงจัง แล้วค่อยๆ พูด: “เธอใส่เสื้อหนาๆ หน่อย ฉันหาจากในเน็ตมา เขาบอกว่าถ้าจะทำแท้ง ก็เหมือนกับการคลอดลูก มีผลกระทบต่อร่างกายของผู้หญิง ร่างกายของเธอจะอ่อนแอไประยะนึง ถ้าหากโดนอากาศเย็นก็จะเป็นไข้ขึ้นมา แต่เธอก็ไม่ต้องกังวลไป ฉันก็ขับรถพาเธอไปเอง แล้วจะอยู่กับเธอตลอด ฉันรับประกันว่าร่างกายเธอจะไม่ได้รับอันตรายแน่นอน หลายวันที่ผ่านมา ฉันเอาแต่นึกถึงเรื่องของเรา อาจเป็นเพราะว่าฉันเห็นแก่ตัวมากไป แบบนี้มันไม่ยุติธรรมกับเธอเลย ถึงแม้จะไม่มีลูกแล้ว บ้านหลังนี้เธอก็อยู่ต่อเถอะ อยากอยู่นานแค่ไหนก็ได้ ฉันก็จะไม่มารบกวนเธออีก คืนชีวิตที่สงบสุขให้เธอ อีกครั้งที่ฉันต้องขอโทษสำหรับความเสียหายที่ฉันทำกับเธอ”
ฉิงฮัวพูดถึงตรงนี้ แล้วก็โค้งคำนับสุดตัวให้ลั่วเฉียว
ฉิงฮัวพูดราวกับบทในละครบางเรื่อง แต่ก็ดูจริงใจ
ปากของลั่วเฉียวสั่นเทา ดวงตาคู่นั้นก็เริ่มมีน้ำซึม
ถึงแม้เธอจะไม่ชอบฉิงฮัว แต่ว่าเขาที่ยืนอยู่ต่อหน้าเธอตอนนี้ ดูเป็นผู้ใหญ่และมีความรับผิดชอบมาก
เธอใช้มือเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาของเธอ แล้วยิ้มมุมปาก: “ไอ้โง่ ลงไปอยู่เป็นเพื่อนเจ้านายกับท่านนายเป่หมิง ต้องขับรถด้วยเหรอ?”
***
ฉิงฮัวมองไปที่ลั่วเฉียว ที่นอนอยู่บนเตียงแล้วหัวเราะตัวเองทั้งน้ำตา
ตอนนี้เขาเริ่มงงๆ
“นายยืนโง่อยู่ตรงนี้ทำไม ยังไม่ไปรอฉันที่หน้าประตูอีก” ถึงแม้ลั่วเฉียวจะซาบซึ้งอยู่ แต่ก็ยังไม่ลืม ว่าจิ่วจิ่วยังอยู่ในตู้เสื้อผ้า
เธอไม่อยากให้เรื่องของจิ่วจิ่วแดง
“เธอไม่ต้องรีบ ฉันจะรอเธออยู่ด้านนอก ถ้าหากไม่สบายตรงไหนพวกเราจะไปโรงพยาบาลทันที” ฉิงฮัวออกไปทันทีละไม่ลืมพูดทิ้งท้าย
“ฉันรู้แล้วน่า” ฉิงฮัวตอบรับ จากนั้นก็หันหลังเดินออกไปแล้วปิดประตูลง
*
เรื่องนี้ยังมีต่ออีก ก็คือ:
พอลั่วเฉียวเห็นฉิงฮัวปิดประตูแล้ว เธอก็ค่อยๆ ย่องไป ล็อกประตู
นั่นก็เพื่อความปลอดภัย เพื่อว่าจิ่วจิ่วพูดอะไร แล้วฉิงฮัวจะเปิดประตูเข้ามา
หลังจากที่ลั่วเฉียวเห็นว่าโอเคแล้ว เธอจึงค่อยๆ เปิดประตูตู้เสื้อผ้า ก็เห็นว่าจิ่วจิ่วอยู่ด้านใน และนอนหลับไปแล้ว