ตอนที่ 742 เรื่องในใจจะปิดไปได้นานเท่าไรกัน
แบบนี้จะได้ไม่ต้องกล้ามเนื้อขาลีบเพราะว่านอนอยู่บนเตียงเป็นระยะเวลานาน
รอจนถึงเวลาที่อาการป่วยดีขึ้น สามารถลงเดินบนพื้นได้ก็จะไม่ต้องฟื้นฟูสมรรถภาพมากนัก
“เมื่อวานหนูมีเรื่องยุ่งๆที่ต้องไปทำนิดหน่อย จึงไม่ได้มาเยี่ยมคุณแม่ คุณแม่คงไม่กล่าวโทษหนูหรอกนะคะ” กู้ฮอนเอ่ยตอบ
ลู่ลู่ยิ้มบางๆ “เด็กโง่ แม่จะถือโทษลูกได้อย่างไรกัน เพียงแค่แม่สามารถพบลูกได้บ่อยๆ ในใจก็สงบนิ่งมากแล้ว”
กู้ฮอนนวดช่วงขาให้กับคุณแม่ต่อไป เธอกำลังคิดว่าจะบอกเรื่องที่คุณป้าหวีหรูเจี๋ยกลับมาให้คุณแม่รู้ดีหรือไม่
“ฮอน ลูกกำลังคิดอะไรหรือ” แม้ว่าลู่ลู่กำลังดูโทรทัศน์อยู่ แต่เธอก็รับรู้ได้ว่าแรงและความเร็วที่กู้ฮอนนวดขาให้เธอนั้นช้าลงอย่างเห็นได้ชัด
บวกกับเห็นสติว่าของเธอในตอนนี้ มีท่าทางจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอยู่บ้าง
กู้ฮอนได้ยินคำถามของคุณแม่ก็ดึงสติกลับมาทันที เธอตัดสินใจว่ายังจะไม่พูดเรื่องนี้ออกมา
***
กู้ฮอนมองคุณแม่แล้วยิ้มบางๆ ส่ายหน้า พลางเอ่ยว่า “คุณแม่ ไม่มีอะไรค่ะ หนูกำลังคิดเรื่องเกี่ยวกับงานเล็กน้อย”
ลู่ลู่มองลูกสาวของตัวเองอย่างสงสาร “ฮอน ถ้าหากว่างานยุ่ง ไม่ต้องมาเยี่ยมแม่ทุกวันก็ได้ ยังต้องให้งานเป็นอันดับแรกนะ”
“คุณแม่ ไม่เป็นไรค่ะ เวลาแค่นี้หนูสามารถแบ่งออกมาได้” กู้ฮอนเอ่ย มองไปที่นาฬิกาก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเย็นแล้ว
“คุณแม่ หนูจะไปซื้อข้าวให้คุณแม่นะคะ” กู้ฮอนพูดแล้วก็หยิบกล่องข้าวที่ลู่ลู่ใช้ทานอาหารในเวลาปกติออกมาจากลิ้นชักบริเวณหัวเตียง จากนั้นก็เดินไปทางประตู
รอจนออกประตูห้องพักผู้ป่วย กู้ฮอนถึงได้ถอนหายใจเสียงยาว
ทางด้านคุณแม่นั้นตัวเองสามารถปิดบังได้ แต่ทางฝั่งพ่อบุญธรรมล่ะ ถึงเวลาเขาจะต้องหาเวลานัดตัวเองออกมาพบแน่นอน
อย่างนั้นตัวเองควรจะเผชิญหน้ากับคุณป้าหวีหรูเจี๋ยอย่างไรดี จะเล่าเรื่องที่ตัวเองประสบพบเจอออกมาอย่างไร จะเล่าเรื่องที่ตัวเองหาคุณแม่เจอให้พวกเขาฟังได้อย่างไร
ถึงเวลานั้น จะเผชิญหน้ากับความสัมพันธ์อันน่ากระอักกระอ่วนแบบนี้อย่างไรดี…….
เมื่อคิดถึงเรื่องเหล่านี้แล้ว ศีรษะของเธอก็ปวดหัวเป็นสองเท่าจริงๆ
*
ในเวลาเดียวกันนั้น เป่หมิงโม่ก็ถูกฉิงฮัวขับรถพากลับไปส่งที่บ้าน
นับตั้งแต่เมื่อวานที่ฉิงฮัวกลับมาจากบ้านพัก ความสัมพันธ์ระหว่างเจียงฮุ่ยซินและหยางหยางก็ดูเหมือนว่าจะคลายความตึงเครียดลงมาก
ในเวลานี้ทั้งสองคนกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องโถงใหญ่
“ผมเอาอาหารกลับมาให้พวกคุณลองชิม” เป่หมิงโม่เอ่ยแล้ววางกล่องอาหารสองกล่องลงบนโต๊ะ จากนั้นก็เดินไปที่ห้องหนังสือของตัวเองโดยไม่หันกลับมามองอีก
กระทั่งประโยคคำถามที่ถามหยางหยางว่าเขียนการบ้านเสร็จหรือยังก็ไม่ได้ถาม
หยางหยางเห็นอารมณ์ความรู้สึกของคุณพ่อผิดปกติ ตาเห็นเขาไปที่ห้องหนังสือแล้ว ก็โบกมือเรียกฉิงฮัว “คุณลุงหัวฟู”
ฉิงฮัวที่กำลังจะเดินไปยังห้องหนังสือของเป่หมิงโม่ เห็นหยางหยางเรียกเขา
เขาไม่รู้ว่าเรื่องอะไรก็เดินเข้าไปหา “คุณชายน้อยหยางหยาง มีเรื่องอะไรจะกำชับหรือครับ”
หยางหยางกดเสียงลงต่ำ กลัวว่าเป่หมิงโม่จะได้ยิน “คุณลุงหัวฟู คุณพ่อของผมปิดปกตินิดหน่อยนะครับ”
เจียงฮุ่ยซินก็เอ่ยขึ้นมาประโยคหนึ่ง “ใช่แล้ว ฉันเห็นว่าตอนที่เขากลับมาวันนี้ อารมณ์ก็ไม่ค่อยจะดีเท่าไร เกิดเรื่องอะไรกับทางบริษัทหรือ”
“นี่……” ฉิงฮัวนั้นยากจะเอ่ยตอบคำถามนี้จริงๆ แม้เขาจะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรตอนที่เป่หมิงโม่อยู่ในห้องประชุมคนเดียว แต่หลังจากที่พวกเขาอยู่ในร้านอาหารเล็กๆร้านนั้น ก็ฟังออกได้ถึงความนัยที่อยู่ในบทสนทนาของเจ้านายและคุณผู้หญิง
ดูเหมือนว่ามารดาผู้ให้กำเนิดเจ้านายจะกลับมาเมือง A แล้ว ยังมีพ่อบุญธรรมโม้จิ่งเฉิงของคุณผู้หญิงด้วย
แต่ว่าเรื่องราวพวกนี้จะพูดกับท่านนายเป่หมิงได้อย่างไรกัน เดิมทางฝั่งเจ้านายก็ยุ่งวุ่นวายมากพอแล้ว
เขาคิดอยู่ชั่วครู่แล้วก็เอ่ยว่า “ที่จริงแล้วก็ไม่มีเรื่องอะไรครับ วันนี้ประธานเป่หมิงพาคุณชายยี่เฟิงออกไปพบลูกค้าคนหนึ่ง จากนั้นก็ออกแบบสำนักงานธุรกิจให้กับพวกเขา ผมคิดว่าเจ้านายอาจจะรู้สึกสิ้นเปลืองความคิดเพราะการออกแบบนี้ครับ”
เจียงฮุ่ยซินพยักหน้า “นายบอกกับโม่ว่าอย่าใช้ความคิดและแรงกายมากไป เขาพายี่เฟิงไปด้วยไม่ใช่หรือ เรื่องเกี่ยวกับการออกแบบพวกนี้ มากน้อยก็ยกให้กับยี่เฟิงทำเถอะ เป็นผู้จัดการใหญ่ไม่จำเป็นต้องลงมือทำเองทั้งหมดขนาดนั้น”
“ท่านนายเป่หมิงพูดได้ถูกต้องครับ ผมจะแจ้งให้กับเจ้านายทราบ” ฉิงฮัวรีบรับคำ
เจียงฮุ่ยซินพยักหน้า
ตอนนี้หยางหยางเบนสายตาไปให้ความสนใจกับกล่องอาหารสองกล่องนั้นแล้ว เขามีความรู้สึกร้อนใจอยากจะเปิดออกดู เป็นปอเปี๊ยะกล่องหนึ่งและขนมลากลิ้งกล่องหนึ่ง
จากนั้นก็เงยหน้ามองฉิงฮัว พลางถามว่า “คุณลุงหัวฟู พวกคุณไปพบกับคุณแม่มาหรือครับ”
ฉิงฮัวรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง ทำไมพอหยางหยางเห็นของสองอย่างนี้ก็เชื่อว่าพวกเขาไปพบกับคุณผู้หญิงมา
แต่เขาคิดว่าไม่จำเป็นจะต้องปิดบัง จึงพยักหน้าพลางเอ่ยว่า “วันนี้ตอนบ่ายเจ้านายนัดคุณผู้หญิงออกมาทานอาหารกลางวันครับ”
เจียงฮุ่ยซินที่ได้ยิน ใบหน้าก็มีรอยยิ้มบางๆ “ดูท่าอีกไม่นาน ครอบครัวของเราก็จะมีคนเพิ่มเข้ามาแล้ว ฮ่าๆ”
***
หลังจากกู้ฮอนทานอาหารเป็นเพื่อนคุณแม่แล้วก็พูดคุยเรื่องไร้สาระกับเธออยู่ชั่วครู่
“ฮอน เวลาก็ไม่เช้าแล้ว ลูกกลับไปพักผ่อนเร็วๆหน่อยเถอะ แม่เห็นว่าวันนี้ท่าทางของลูกดูจะไม่มีสติเท่าไร” ลู่ลู่มองลูกสาวอย่างเป็นห่วง
“คุณแม่ หนูไม่เป็นอะไรค่ะ” กู้ฮอนส่ายหน้า พยายามแสร้งทำเป็นไม่มีปัญหา
“ฮอน ลูกเป็นห่วงแม่ ในใจแม่เข้าใจ แต่แม่เห็นว่าสภาพจิตใจของลูกนั้นดีสู้เมื่อก่อนไม่ได้ ฟังแม่นะลูก กลับไปพักผ่อนดีๆ วันอื่นค่อยมาเยี่ยมแม่ก็ได้” ลู่ลู่ตบไหล่เธอเบาๆ
กู้ฮอนเม้มริมฝีปาก มองไปทางคุณแม่แล้วพยักหน้า “ก็ได้ค่ะ หนูกลับแล้วนะคะ รอจนจัดการเรื่องที่อยู่ในมือเรียบร้อยแล้วจะมาเยี่ยมคุณแม่ค่ะ”
เธอล้างชามและตะเกียบเรียบร้อยแล้วก็เก็บเข้าไปในตู้บริเวณหัวเตียง
“คุณแม่ หนูไปแล้วนะคะ คืนนี้คุณแม่ก็อย่าพักผ่อนดึกมาก” กู้ฮอนกำชับคุณแม่ครั้งแล้วครั้งเล่า
“รู้แล้ว รู้แล้ว รีบไปเถอะ ระหว่างทางก็ระวังด้วยนะ”
กู้ฮอนเพิ่งจะเข้าไปนั่งในรถ โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมา เธอถอนหายใจ วันนี้เรื่องราวเยอะเสียจริง
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋า อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
กลัวเรื่องอะไร เรื่องนั้นก็มาเสียจริงๆ นับตั้งแต่เธอรู้จากเป่หมิงโม่ว่าพ่อบุญธรรม พวกเขามาเมือง A แล้ว ก็ไม่รู้ว่าควรจะเผชิญหน้ากับพวกเขาอย่างไรดี
วันนี้พ่อบุญธรรมโทรศัพท์มาแล้ว
สงบสติอารมณ์อยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็รับโทรศัพท์ “พ่อบุญธรรม”
เสียงของโม้จิ่งเฉิงดังออกมาจากอีกฟากของโทรศัพท์ “ฮอนลูก พ่อกับคุณป้าหวีหรูเจี๋ยมาถึงเมือง A แล้ว ไม่ได้เจอหน้ากันนานมากแล้ว คืนวันนี้ไม่รู้ว่าลูกมีเวลาว่างไหม พ่อกับคุณป้าหวีหรูเจี๋ยล้วนอยากพบหน้าลูกและพวกหลานๆ”
กู้ฮอนลังเลชั่วณะค่อยเอ่ยว่า “พวกเราจะพบกันที่ไหนหรือคะ”
“ที่โรงแรมแมนดารินแล้วกัน พวกเราจะรอลูกอยู่ที่ร้านกาแฟที่นี่” โม้จิ่งเฉิงเอ่ยจบก็วางสายโทรศัพท์
กู้ฮอนโทรศัพท์หาเฉิงเฉิง บอกเขาว่าคืนวันนี้ตัวเองมีธุระ จะกลับดึกอยู่บ้าง ทั้งยังให้เขาดูแลจิ่วจิ่วในคืนนี้สักหน่อย
หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นกู้ฮอนก็ขับรถไปจอดที่หน้าประตูทางเข้าโรงแรมแมนดาริน
เธอยืนอยู่ที่หน้าประตูร้านกาแฟ จัดการเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อยชั่วครู่ สงบสติอารมณ์แล้วค่อยเดินเข้าไป
“ฮอน พวกเราอยู่นี่”
กู้ฮอนเดินไปตามเสียงเรียก เห็นเพียงแค่โม้จิ่งเฉิงนั่งอยู่ใกล้กับที่จัดวางน้ำพุขนาดเล็กอันหนึ่ง
ข้างกายเขามีหวีหรูเจี๋ยนั่งอยู่
กู้ฮอนยิ้มน้อยๆแล้วเดินเข้าไป
“พ่อบุญธรรม คุณป้าหวีหรูเจี๋ย” เธอพยักหน้าให้กับพวกเขาอย่างเป็นธรรมชาติมาก
“รีบนั่งเร็วเข้า ฮ่าๆ อืม ไม่ได้เจอช่วงเวลาหนึ่ง ลูกสวยขึ้นไม่น้อยเลย” โม้จิ่งเฉิงชี้ไปยังที่นั่งด้านข้างซึ่งอยู่ตรงข้ามกับหวีหรูเจี๋ยพอดี
“พ่อบุญธรรม จู่ๆพวกคุณมาที่ได้อย่างไรกันคะ” กู้ฮอนแสร้งทำท่าทางไม่รู้เรื่อง
หวีหรูเจี๋ยสงสัยเล็กน้อย “อย่างไร โม่ไม่ได้บอกกับเราหรือจ๊ะ”
กู้ฮอนยักไหล่ “เขาจะบอกกับหนูทำไมคะ พวกเราไม่ได้อยู่ด้วยกันสักหน่อย”
หวีหรูเจี๋ยถอนหายใจเล็กน้อย เดิมคิดว่าระหว่างพวกเขามีความก้าวหน้า ตอนนี้ดูท่ายังคงย่ำอยู่ที่เดิม
กู้ฮอนในวันนี้ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับหวีหรูเจี๋ยอย่างไรอยู่บ้าง นั่งตรงข้ามกันกับเธอนั้นเห็นได้ชัดเจนว่าแปลกหน้า
เธออยากจะถามหวีหรูเจี๋ยมากกว่า ทำไมถึงได้ใจร้ายทิ้งเธอได้ลงคอในปีนั้น ทำให้พวกเธอแม่ลูกแยกจากกัน 20 กว่าปี
แต่เธอก็รู้สึกว่าตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่โอกาสที่เหมาะสม เพราะเธอรู้ถึงความรู้สึกที่พ่อบุญธรรมมีต่อหวีหรูเจี๋ย
เธอไม่อยากให้พ่อบุญธรรมรู้สึกผิดหวังกับหวีหรูเจี๋ย ไม่อยากทำลายภาพอันสวยงามในใจของพ่อบุญธรรมด้วยมือของตัวเอง
โม้จิ่งเฉิงเอ่ย “ครั้งนี้ที่พวกเรามาก็วางแผนจะอยู่ที่นี่สักพักหนึ่ง อีกอย่างคุณป้าหวีหรูเจี๋ยของลูกยังมีความปรารถนาอย่างหนึ่งด้วย”
***
กู้ฮอนมองไปที่หวีหรูเจี๋ยอย่างประหลาดใจ แท้จริงแล้วเธอสามารถเดาได้
คนเราเมื่อถึงช่วงอายุหนึ่ง ในชีวิตล้วนไม่ขาดอะไรแล้ว แต่ทางด้านจิตใจนั้นกลับขาดอะไรไปมากมาย
หวีหรูเจี๋ยนั้นจากเป่หมิงโม่ไปตั้งแต่เด็กๆ มาวันนี้เป่หมิงโม่ก็มีลูกแล้ว ทั้งยังมีธุรกิจของตัวเองอีก
สำหรับเธอแล้วนี่เป็นสิ่งที่ปลอบใจได้อยู่บ้าง
โม้จิ่งเฉิงพูดช้าๆว่า “ที่จริงแล้วหลายปีมานี้คุณป้าหวีหรูเจี๋ยรู้สึกผิดต่อเป่หมิงโม่มาโดยตลอด เธออยากจะมีโอกาสชดเชยให้เขามาก นอกจากนี้ครั้งที่แล้วเธอก็พบกับจิ่วจิ่วแล้วไม่ใช่หรือ เธอยังอยากพบกับหลานอีกสองคนด้วย ฮอน ไม่รู้ว่าลูกจะทำให้ความปรารถนาเธอเป็นจริงได้หรือไม่”
ในตอนนี้ความรู้สึกของกู้ฮอนนั้นซับซ้อนเป็นอย่างมาก เธอก้มหน้าไม่พูดอะไร
“ฮอน” นับตั้งแต่คืนนี้ที่ตัวเองได้พบกับกู้ฮอนแล้วก็รู้สึกได้ว่าเธอไม่ปกติอยู่บ้าง
เธอไม่ใกล้ชิดกับตัวเองเหมือนอย่างตอนที่อยู่เมืองซาบาห์ อีกทั้งยังรู้สึกว่าจงใจทำตัวห่างเหินตัวเองด้วย
หลังจากกู้ฮอนผ่านการสู้รบตบมือทางความคิดแล้ว ยังคงตัดสินใจว่าในเมื่อเรื่องนี้จะช้าหรือเร็วก็ต้องพูด ไม่สู้ให้พวกเขาได้มีโอกาสเตรียมตัวรับมือก่อนจะดีกว่า
เมื่อคิดถึงตรงนี้ กู้ฮอนก็ยิ้มบางๆให้กับโม้จิ่งเฉิง “พ่อบุญธรรม หนูขอคุยกับคุณป้าหวีหรูเจี๋ยเป็นการส่วนตัวได้ไหมคะ”
แน่นอนว่าโม้จิ่งเฉิงไม่รู้ว่าเธอคิดอย่างไร อีกทั้งเขาดูเหมือนว่าจะดีใจมากเกินไปเพราะได้พบกับกู้ฮอน จึงยังไม่พบการกระทำอะไรของเธอที่ผิดปกติ
“ฮ่าๆ ได้ พ่อจะกลับไปห้องก่อนก็แล้วกัน พวกลูกก็คุยกันที่นี่เถอะ” โม้จิ่งเฉิงหัวเราะเบาๆยื่นมือออกมาตบไหล่กู้ฮอน
จากนั้นเขาก็เดินไปข้างกายหวีหรูเจี๋ย “หรูเจี๋ย คุณอย่าคุยกับฮอนจนถึงดึกไปล่ะ พรุ่งนี้เธอยังต้องไปทำงานนะ ผมได้ยินมาว่าตอนนี้เธอเป็นทนายความ ก่อนหน้านี้เธอยังชนะคดีความคดีหนึ่งด้วย
โม้จิ่งเฉิงเอ่ยถึงตรงนี้ก็หยุดพูดไป เขาไม่อยากให้หวีหรูเจี๋ยรู้ว่า คดีความนั้นคดีนั้นเป็นกู้ฮอนที่สู้คดีชนะเป่หมิงโม่
หวีหรูเจี๋ยหันหน้าไปยิ้มบางๆ “รู้แล้วค่ะ ลูกสาวบุญธรรมของคุณมีอนาคตแล้ว คุณที่เป็นพ่อบุญธรรมก็มีหน้ามีตา วางใจเถอะค่ะ พวกเราคุยกันอีกสักพักหนึ่งก็จะกลับแล้ว”
โม้จิ่งเฉิงพยักหน้า จากนั้นก็หมุนตัวจากไป
กู้ฮอนเห็นโม้จิ่งเฉิงเดินไปแล้ว เธอก็มองไปที่หวีหรูเจี๋ย
นับตั้งแต่กู้ฮอนมาถึงที่นี่จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้พิจารณามองเธอเลย
เห็นเพียงแค่จอนผมด้านข้างของเธอมีสีขาวแซมมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าสภาพร่างกายดูชรามากกว่าแต่ก่อนไม่น้อย
แต่นัยน์ตาที่มองมาที่ตัวเองคู่นั้นยังคงเมตตาและสบายใจอย่างเห็นได้ชัด