ตอนที่752 ให้อภัย
การที่โม้จิ่งเฉิงปรากฏตัวออกมาทำให้เธอตื่นตกใจไม่น้อย ถึงแม้เธอคิดว่าหวีหรูเจี๋ยได้ตายไปแล้ว แต่ว่าการปรากฏตัวของโม้จิ่งเฉิงและยังร่วมงานกับตระกูลเป่หมิงอีก เป้าหมายของเขาคงไม่ใช่ง่ายๆแค่นี้แน่
เธอพูดกับเป่หมิงโม่ที่นั่งอยู่หน้าจอทีวีในห้องรับแขกว่า:”โม่ นายร่วมงานกับโม้จิ่งเฉิงต้องระมัดระวังตัวด้วยนะ”
“ป้าซิน ผมรู้ว่าควรทำยังไง ป้าอย่าห่วงเลย” เป่หมิงโม่พูดจบก็ลุกขึ้นมาจากโซฟา หันหลังเดินเข้าไปในห้องหนังสือตัวเอง
มองดูข้างหลังของเป่หมิงโม่ที่เดินจากไป เจียงฮุ่ยซินถอนหายใจ จากนั้นเธอก็ปิดทีวี ลุกขึ้นมา
คนรับใช้ได้พยุงเธอเข้าไปในห้องนอนตัวเอง
พอประตูห้องนอนปิดปุ๊บ สีหน้าเจียงฮุ่ยซินก็เปลี่ยนไป
เธอรีบโทรหาเป่หมิงยันที่ถ่ายหนังอยู่ในต่างแดน
“แม่ แม่อย่าเร่งสิ ตอนนี้ผมกำลังถ่ายหนังอยู่ รอให้ผมถ่ายหนังเสร็จก็กลับไปแล้ว” เป่หมิงยันนอนพิงอยู่บนโซฟาที่ชายหาด กำลังอาบแดดอยู่ที่ชายหาดอย่างสบายใจ
อยู่ห่างจากเขาไม่ไกล ที่ชายหาดมีสาวสวยเซ็กซี่กำลังเล่นวอลเลย์บอลอยู่ที่นั่น
ถึงแม้หนังทั้งเรื่องยังถ่ายไม่จบ แต่ว่าในส่วนของเป่หมิงยันได้จบเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ก็แค่ถ่ายฉากเพิ่มนิดๆหน่อยๆ
เขาไม่อยากกลับบ้านเร็วขนาดนี้ คือไม่อยากกลับไปฟังแม่จู้จี้ขี้บ่น
สีหน้าเจียงฮุ่ยซินเปลี่ยนไปอย่างเข้มขรึม เธอตะคอกลูกชายว่า:”ยันยัน เมื่อก่อนลูกโกหกแม่ แม่ถือว่าเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ แม่รู้ว่าในส่วนของลูกถ่ายเสร็จแล้ว แม่เร่งลูกกลับมาครั้งนี้ก็เพื่อต้องการปรึกษาเรื่องที่สำคัญกับลูกนะ”
เป่หมิงยันรู้ตัวว่าคำโกหกตัวเองถูกเปิดเผยแล้ว รีบเปลี่ยนสีหน้าทันที หัวเราะตอบไปว่า:” คุณแม่เก่งกาจจริงๆ คิดไม่ถึงขนาดอยู่ในกองถ่ายยังมีสายลับของคุณแม่อยู่ด้วย เอาหล่ะ ผมจะกลับไปเร็วๆนี้แหละ”
แจ้งให้ลูกชายตัวเองเป่หมิงยันทราบเรียบร้อยแล้วเธอขมวดคิ้วนั่งอยู่ข้างเตียงคิดๆดู จากนั้นลังเลสักพักแล้วก็โทรไปหาเป่หมิงเฟยหย่วน
เป่หมิงเฟยหย่วนกับภรรยาตัวเองหลันเนี่ยนพักอยู่ที่บ้านเดี่ยวส่วนตัว เป็นเวลานานมากแล้ว
หลังจากนั้นมานอกจากเคยปรากฏตัวในวันที่ส่งศพของเป่หมิงเจิ้งเทียนแล้ว ก็ไม่มีข่าวคราวอะไรอีกเลย
ช่วงนี้เขาอยู่ที่ข้างสระน้ำทุกวัน คันเบ็ดกกปลาอันนึง เก้าอี้ตัวเล็กๆตัวนึง เป็นแบบนี้จนผ่านไปอีกวัน
“ป้าซิน ป้าโทรหาผมมีธุระอะไรหรือ?” เขารับโทรศัพท์ขึ้นมา น้ำเสียงเหมือนหมดอาลัยตายอยาก
“เฟยหย่วน นายว่างเมื่อไหร่ ฉันอยากนัดนายออกมาคุยกันหน่อยได้ไหม?” ปฏิกิริยาที่เจียงฮุ่ยซินมีต่อเป่หมิงเฟยหย่วนนั้นเธอใจดีมาตลอด ความจริงลูกทั้งสองของเมียหลวง เธอก็มีปฏิกิริยาที่ดีต่อพวกเขาเช่นกัน
เพราะว่าตอนนั้นเป่หมิงเจิ้งเทียนยังมีชีวิตอยู่ เธอไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็นแม่เลี้ยงใจร้าย
โดยเฉพาะการปฏิบัติต่อครอบครัวเป่หมิงเฟยหย่วนทั้งบ้าน เพราะเธอรู้ดีนี่ถึงจะเป็นจุดอ่อนของเป่หมิงเจิ้งเทียน
ขอแค่ทำดีต่อพวกเขา เป่หมิงเจิ้งเทียนถึงจะตามใจตัวเอง ฐานะในบ้านตระกูลเป่หมิงของตัวเองถึงจะมั่นคง
***
แต่ว่าตอนนี้ เจียงฮุ่ยซินรู้สึกว่าการร่วมงานของเป่หมิงโม่และโม้จิ่งเฉิงต้องเป็นเรื่องที่อันตรายมาก
เป่หมิงเฟยหย่วนฟังออก น้ำเสียงของเจียงฮุ่ยซินไม่ได้ใจดีเหมือนปกติ แต่กลับมีความกดดัน
เขารู้สึกได้ว่า เหมือนที่บ้านเกิดเรื่อง เขาหัวเราะแบบขมขื่นพูดว่า:”ป้าซิน ถ้าแค่ชวนผมดื่มชาเฉยๆ ผมมีเวลา แต่ถ้ามีเรื่องเกี่ยวกับที่บ้านและตระกูลเป่หมิงงั้นผมรู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นที่ผมต้องไป ป้าน่าจะจำได้ว่าผมถูกไล่ออกจากบ้านแล้ว”
เจียงฮุ่ยซินจะไม่รู้ได้ไง:”เฟยหย่วน นายอย่าพูดแบบนี้ นี่อยากทำให้คนแก่ทรมานใจใช่ไหม นายวางใจได้เลยแค่ชวนนายออกมาดื่มชาเฉยๆ ถึงแม้ป้าจะเป็นแม่เลี้ยงของนาย แต่ว่าป้ารู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนแม่ลูกก็เหมือนแม่ลูกกันแท้ๆ ถึงเวลาป้าจะแจ้งที่อยู่ให้กับนายเอง อ๋อ ใช่แล้ว อย่าลืมเรียกหลันเนี่ยนและยี่เฟิงมาด้วย ป้าไม่ได้เจอพวกเขานานมากแล้ว คิดถึงพวกเขาเหลือเกิน”
“ได้เลยป้าซิน ผมจะรอโทรศัพท์จากป้า”
*
กู้ฮอนมองแม่ที่กำลังโมโหอยู่ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็น
เธอก้มหน้าเเละเงียบไปสักพัก ตาค่อยๆแดงขึ้นเรื่อยๆ นัยน์ตาได้เปียกชื้นไปแล้ว:” แม่ สำหรับเรื่องของหนูความจริงแล้วไม่อยากบอกกับแม่เลย หนูรู้สึกว่ามันผ่านไปแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องกล่าวถึงมันอีกครั้ง แต่ว่าในเมื่อแม่อยากฟัง หนูก็จะเล่านิทานของหนูให้แม่ฟังเอง”
กู้ฮอนถือว่าตอนนั้นตัวเองทำเพื่อช่วยหยูฟืน ผ่านการแนะนําจากคนอื่นมาร่วมงานกับเป่หมิงโม่จนสำเร็จ เเละได้เป็นแม่อุ้มบุญไปเป็นที่เรียบร้อย และหลังจากนั้นเรื่องที่เธอคิดว่าไม่สำคัญ
เธอไม่เอาเจียงฮุ่ยซินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย นั่นเป็นเพราะว่าไม่ง่ายเลยกว่าที่คุณแม่จะหาเจียงฮุ่ยซินจนเจอ จึงไม่อยากลากเธอเข้ามาเกี่ยวข้อง มิเช่นนั้นเธอไม่รับรองว่าคุณแม่จะเกลียดเจียงฮุ่ยซินเหมือนกับที่หวีหรูเจี๋ยเกลียดไหม
พอกู้ฮอนเล่านิทานตัวเองจบ แสงของพระอาทิตย์ก็ค่อยๆถูกความมืดครอบงำแล้ว
ลู่ลู่ในขณะนี้น้ำตานองหน้า เธอคิดไม่ถึงว่าใต้ความสุขของลูกนั้น ยังมีเรื่องราวที่น่าเศร้าเช่นนี้อยู่ด้วย
ช่างเป็นลูกสาวที่ชีวิตรันทดจริงๆ
เธอหันหลังไปกอดกู้ฮอน สองแม่ลูกร้องไห้อย่างเจ็บปวดทรมาน
หลังกู้ฮอนเล่านิทานตัวเองจบ รู้สึกว่าสบายใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน ในที่สุดก้อนหินในอกก็ถูกย้ายออกไปแล้ว
เธอในเวลานี้ก็คือคนที่สู้ชีวิตอยู่ข้างนอกมาตั้งหลายปี ในที่สุดก็เหมือนกับเด็กที่ได้ลากร่างกายอันบอบช้ำกลับมาในบ้าน
ความลำบาก ความน้อยใจ ความทรมานมันหลอมละลายกับน้ำตา ตกลงมา ประเด็นจนกลายเป็นดอกไม้คริสทัลใส่ๆ
ร้องไห้ไปตั้งนาน ลู่ลู่หยุดร้องไห้:”ลูก ทำให้ลูกต้องลำบากแล้ว มันช่างเป็นความสัมพันธ์สมรสที่เป็นเวรกรรม”
กู้ฮอนน้ำตานองหน้า เงยหน้าขึ้นมามองหน้าแม่:”แม่หนูเลวมากเลยใช่ไหม”
ลู่ลู่ใช้มือที่เเก่ เช็ดน้ำตาบนใบหน้าของลูกสาวอย่างเบาๆ:”ฮอน ลูกเป็นเด็กที่มีจิตใจดี ลูกทุ่มเททุกอย่างเพื่อคนในครอบครัวตัวเอง ไม่ว่าตอนนี้จะใช่หรือไม่ แต่เมื่อก่อนเคยใช่ ลูกทำให้แม่ภูมิใจในตัวลูก”
กู้ฮอนเห็นปฏิกิริยาของแม่ ไม่โกรธเรื่องราวที่ผ่านมาของตัวเองแล้ว แต่กลับยอมรับในการตัดสินใจทุกอย่างของตัวเองในอดีตที่ผ่านมา
เธอก็ยื่นมือไปเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของลู่ลู่
ลู่ลู่มองหน้ากู้ฮอนพูดว่า:” เมื่อไหร่ ลูกพาเด็กๆมาให้แม่ดูบ้าง ยังไงซะพวกเขาก็คือลูกในไส้ของลูก หลานของแม่เอง”
กู้ฮอนพยักหน้า:”ได้ แม่รอให้เด็กๆปิดเทอมหนูจะพาพวกเขามาเยี่ยมแม่เอง”
***
กู้ฮอนเล่าเรื่องเฉิงเฉิงและหยางหยางให้ลู่ลู่ฟัง จนดึก
ลู่ลู่เงยหน้าขึ้นมาดูนาฬิกาที่แขนไว้บนกำแพง เวลานี้คือเวลาสามทุ่มแล้ว
เธอยื่นมือออกไปชี้ให้กู้ฮอนดู:”ฮอน ตอนนี้ก็สายแล้ว ลูกควรกลับไปแล้ว พรุ่งนี้ยังต้องทำงาน”
กู้ฮอนพยักหน้า:”แม่ก็พักผ่อนเช้าๆหน่อยนะ หนูค่อยมาเยี่ยมแม่วันหลัง”
กู้ฮอนนั่งรถแท็กซี่ที่จะกลับไป ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้ม เธอมองแสงไฟที่เปล่งประกายอยู่นอกหน้าต่างรถยนต์เริ่มจินตนาการภาพที่มีทั้งเธอทั้งแม่และเด็กๆที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
*
วันที่สอง กู้ฮอนได้มาถึงที่โรงแรมแมนดารินเช้ามาก หน้าประตูห้องพักพิเศษของโม้จิ่งเฉิงและหวีหรูเจี๋ย
เธอกดกริ่งเบาๆ คนที่เปิดประตูคือโม้จิ่งเฉิง
“ฮอนมาแล้ว รีบเข้ามาเถอะ พ่อบุญธรรมกับป้าหรูเจี๋ยกำลังเตรียมตัวทานอาหารเช้า หนูมาพอดีเลยทานกับเราด้วยกันเถอะ
กู้ฮอนยิ้มแย้มให้กับโม้จิ่งเฉิง เธอดูออกว่าอารมณ์ของโม้จิ่งเฉิงยังคงดีมาก ไม่ได้ถูกข่าวสารเมื่อวานกระทบ
เธอผายมือปฎิเสธ:” พ่อบุญธรรมไม่ต้อง หนูแค่มาเอากระเป๋า จากนั้นก็ไปทำงานแล้ว”
โม้จิ่งเฉิงให้กู้ฮอนเข้าไปในห้อง ชี้ไปที่โซฟา:”ฮอน อย่าเพิ่งรีบร้อนไปทำงาน นั่งดูทีวีอยู่ตรงนี้ รอให้เราทานอาหารเช้าเรียบร้อยก่อน ป้าหรูเจี๋ยของหนูมีเรื่องจะคุยกับหนู”
กู้ฮอนได้แต่ฟังพ่อบุญธรรม นั่งที่โซฟา ถือรีโมตเปลี่ยนช่องอย่างตามใจชอบ
หลังครึ่งชั่วโมงผ่านไป โม้จิ่งเฉิงและหวีหรูเจี๋ยทานข้าวเรียบร้อย พวกเขาต่างเข้ามาข้างๆกู้ฮอน
โม้จิ่งเฉิงเอากระเป๋าของกู้ฮอนยื่นให้กับเธอ:” เอาไป นี่กระเป๋าหนู เปิดดูสิของอะไรหายไปรึเปล่า เมื่อวานไม่มีใครโทรหาหนูนะ”
กู้ฮอนรับกระเป๋ามา แขวนกระเป๋าไว้บนไหล่ ยิ้มแย้ม:”หนูไม่ดูแล้ว ของไม่หายแน่นอน”
หวีหรูเจี๋ยนั่งข้างๆโม้จิ่งเฉิง สีหน้าเธอเข้มขรึมเล็กน้อย เธอเห็นว่าโม้จิ่งเฉิงไม่พูดจา จึงเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า:” ฮอน ขออภัยด้วย เมื่อวานตอนที่จิ่งเฉิงเอากระเป๋าของหนูกลับมา ไม่ระวังกระเป๋าจึงได้ตกหล่นลงไปที่พื้น ของข้างในก็ตกหล่นลงมาอย่างกระจัดกระจาย”
“ป้าหรูเจี๋ย คงไม่ได้จะพูดกับหนูเรื่องแค่นี้หรอกนะไม่เป็นไรค่ะ กระเป๋าข้างในของหนูมีของเล็กๆน้อยๆ” กู้ฮอนยิ้มแย้ม
“ขณะที่ป้าเก็บของของหนู ได้เห็นอันนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ”หวีหรูเจี๋ยพูดอยู่ ทำท่าให้โม้จิ่งเฉิงนำรูปถ่ายใบนั้นวางไว้บนโต๊ะชั้นวางน้ำชา
กู้ฮอนเห็นปุ๊บ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอรีบหยิบรูปถ่ายขึ้นมา ใส่เข้าไปในกระเป๋าอย่างระมัดระวัง
หวีหรูเจี๋ยเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเธอ นี่เป็นเรื่องที่อยู่ในการคาดเดาของเธอ
เธอนิ่งไปสักพัก หลังจากนั้นมองหน้ากู้ฮอนพูดว่า:”ฮอน หนูบอกกับป้าได้ไหมว่ารูปถ่ายใบนี้หนูได้มาจากไหน?”
“ความจริง รูปถ่ายใบนี้หนูก็เพิ่งได้มันมาไม่นานนี้เอง” เวลาที่กู้ฮอนโมโหแสดงให้เห็นว่าใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว น้ำเสียงก็อ้ำๆอึ้งๆ
สิ่งเหล่านี้หวีหรูเจี๋ยได้เห็นกับตา นี่ถือเป็นการพิสูจน์สิ่งที่เธอได้คาดเดาเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วกู้ฮอนอาจติดต่อกับลู่ลู่หรือว่าเจียงฮุ่ยซิน
“ฮอน ป้าหวังว่าหนูจะพูดความจริงกับป้า หนูรู้จักลู่ลู่หรือว่าเจียงฮุ่ยซิน?”
“นี่….. ” กู้ฮอนลังเลสักพัก คิดถึงเรื่องเมื่อวานที่ตัวเองได้เล่าให้แม่ฟังหมดแล้ว ตอนนี้ต่อให้รูปถ่ายแพร่ออกมาแล้วก็ตาม ไม่ต้องห่วงแล้วว่าจะพูดมันออกมาไม่ได้
คิดถึงตรงนี้ เธอมองหน้าหวีหรูเจี๋ย พยักหน้า:” หนูรู้จักเจียงฮุ่ยซิน แล้วก็ยังรู้จักกับลู่ลู่อีกด้วย ที่สำคัญลู่ลู่เป็นแม่ของหนู”
***
คำพูดของกู้ฮอน ทำให้โม้จิ่งเฉิงและหวีหรูเจี๋ยต่างตกใจ
หลังพวกเขาสองคนจ้องตาโตใส่กันและกันจากนั้นก็หันไปมองหน้ากู้ฮอน
หวีหรูเจี๋ยพยายามเก็บกดเรื่องที่มาอย่างไม่ทันตั้งตัว กระตุ้นใจเธอจนเหมือนมีคลื่นทะเลอย่างรุนแรง ถามแบบเสียงเบา:”ฮอน ความหมายหนูคือ หนูเป็นลูกสาวลู่ลู่?
กู้ฮอนพยักหน้าด้วยสีหน้าเข้มขรึม เธอมองหน้าหวีหรูเจี๋ยแล้วพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า:” หนูเป็นลูกของลู่ลู่ที่หายไปเมื่อหลายปีก่อน เป็นเด็กที่ป้าทิ้งไปอย่างใจร้ายและทำโดยลับหลังคุณแม่ของหนูเอง
คำพูดคำนี้มันเหมือนกับระเบิดที่ดังใส่หัวหวีหรูเจี๋ย ร่างกายที่ผอมบางของเธอกระตุกเล็กน้อย
เวลานี้ นัยน์ตาของเธอค่อยๆเปียกชื้น ปากของเธอสั่นกระตุกเล็กน้อย อยากยื่นมือไปสัมผัสกู้ฮอน
แต่ว่าถูกเธอหันข้างให้ หลบหนีมือของเธออย่างคล่องแคล่ว
ความจริงต่อให้ไม่หลบหนี เธอก็สัมผัสไม่ถึงอีกต่อไปแล้วกับเด็กตรงหน้าคนนี้คนที่เธอเคยปล่อยทิ้งไป
เรื่องนี้ได้ทรมานเธอมาครึ่งชีวิตแล้ว เธอไม่เคยพูดกับใคร ต่อให้เป็นโม้จิ่งเฉิงก็ตาม เธอก็ไม่เคยพูดกับเขา