ตอนที่ 766 คือฝันจริง ๆ หรือ
“ซู่ ๆ ” เสียงน้ำออกมาจากห้องอาบน้ำ
เป่หมิงโม่หันหน้ามาตามเสียงน้ำที่ไหลออกมา ประตูห้องน้ำที่เต็มไปด้วยหมอก ซึ่งเป็นแต่เงาของคนที่ขยับไปมา
ขณะที่กู้ฮอนอาบน้ำอย่างมีความสุข ก็ได้ยินเสียงเคาะกระจก
เธอก็เลยหยุดการกระทำทั้งหมด แล้วก็เอาผ้าเช็ดตัวมาห่อรอบตัวเองเอาไว้ เธอเห็นเงาของคนยืนอยู่ตรงที่หน้าประตู “คุณมีเรื่องอะไรไหม ?”
ซึ่งได้ยินเสียงนี้มาจากเป่หมิงโม่ที่ดังเข้ามา “อาหารเช้าเตรียมตัวเสร็จแล้ว อาบน้ำแล้วก็ออกมากินได้เลย ฉันได้เตรียมเสื้อผ้าไว้บนเตียงของคุณ ที่บริษัทมีเรื่องนิดหน่อย ผมก็จะไปตอนนี้แล้วล่ะ”
พอพูดเสร็จ กู้ฮอนก็เห็นเงาของเป่หมิงโม่หายไปเสียแล้ว เธอซึ่งไม่มีความวางใจใด ๆ เลย ก็ได้ค่อย ๆ เคาะประตู แล้วก็หยุดหายใจเพื่อฟังเสียงจากข้างนอก
หลังจากนั้นผ่านไปหลายนาที เธอก็ได้เช็ดตัวเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว แล้วก็ค่อย ๆ เปิดประตูออกมา หลังจากนั้นก็เดินออกมาจากห้องอาบน้ำ
“เป่หมิงโม่ ? เป่หมิงเอ้อ ?”
พอเรียกชื่อเสร็จแล้ว ก็มั่นใจว่าเป่หมิงโม่ได้ออกไปจากที่นี่แล้ว
เธอก็ได้กล้าที่จะกลับไปยังห้องนอน
เห็นเพียงแต่เสื้อที่วางไว้บนเตียง ซึ่งเพียบพร้อมไปหมด
เพียงแต่ว่าเสื้อผ้าที่เป่หมิงโม่เตรียมให้ …. รู้สึกมีความไม่ดีเลยแม้แต่น้อย
คิดไปคิดมาก็ใส่ด้วยความไม่เต็มใจ รอกลับบ้านก่อนแล้วค่อยเปลี่ยน
เสื้อผ้าเป็นเสื้อผ้าทำงาน เหมือนกับกี่เพ้าตัวนั้น ที่รัดรูปมากมาย
พอใส่เสื้อผ้าเสร็จ เธอก็ได้มาถึงรถเลื่อนอาหาร จานที่ขาวที่ใส่แซนวิชอยู่ และยังมีนมกับไข่อย่างละหนึ่งอย่าง
***
กู้ฮอนกินอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย เก็บของตัวเองเสร็จแล้วก็ค่อยออกจากห้องไป
เกี่ยวกับเรื่องเมื่อวานที่เธอและเป่หมิงโม่ได้เต้นรำท่ามกลางอากาศ เธอรู้สึกว่าเหมือนกับกำลังฝันอยู่เลย
หรือว่าตัวเองดื่มเหล้าแล้วมึนเมาสลบไป
เรื่องหลังจากนั้นก็เหมือนเธอจะฝันร้ายไป
แต่เพราะอะไรเธอรู้สึกฝันนี่เหมือนจริงเลย ? เหมือนจริงจนตัวเองกลับไปคิดถึงลมเย็นท่ามกลางราตรีได้ และยังมีเสียงรองเท้าตัวเองที่กระแทกกับพื้น “ตึก ๆ”
สิ่งที่เสียดายที่สุดก็คือไม่ได้ถามตอนที่เป่หมิงโม่อยู่ให้ชัดเจน
ก็เลยเกิดความสงสัยและประหลาดใจขึ้นมา เธอตัดสินใจว่าจะขึ้นไปยังชั้นบนสุดเพื่อจะดูว่ามันคือฝันจริง ๆ ไหม
และอาศัยความทรงจำของเธอ ออกจากลิฟต์แล้วก็เดินไปตามทาง ซึ่งมีเพียงที่นี่ที่ทำให้ไปถึงตึกใหญ่
ตอนที่เธอเดินไปตามทางนั้น ก็เห็นว่าประตูมันล็อกอยู่ และยังถูกปิดตายเอาไว้ด้วย
กู้ฮอนเลยเริ่มสงสัยตัวเอง หรือว่าเมื่อคืนตัวเองฝันร้ายจริง ๆ
เธอขมวดคิ้วแล้วก็กลับมายังลิฟต์ และตอนที่จะผ่านห้องโถงของโรงแรม
มีคนตะโกนว่า
“คุณหนู”
กู้ฮอนหันกลับไป ฉิงฮัวก็ได้เดินมาใกล้ ๆ แล้วกู้ฮอนก็ถามว่า “ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่ ไม่ไปทำงานหรือ ? ”
“เป็นเพราะเจ้านายให้ผมมารอคุณที่นี่ ฉันจะต้องพาคุณไปส่งที่บ้านหรือไปทำงาน ส่วนคุณชายเฉิงเฉิงฉันได้ส่งเขาไปยังโรงเรียนแล้ว”
กู้ฮอนพยักหน้า แล้วก็มองไปยังเขา ซึ่งไม่อาจจะอดกลั้นหัวเราะได้เลย
ซึ่งทำให้ฉิงฮัวตกใจกับการหัวเราะครั้งนี้ “คุณหนู……ฉัน……”
“ไม่คิดว่าคุณจะซื่อตรงขนาดนี้ เมื่อวานไปจดทะเบียนสมรสมาก็อยู่กับเฉียวเฉียวเสียแล้ว แต่ก็ไม่ได้แปลกอะไร พวกคุณตอนนี้ทำตามกฎหมายแล้ว และยังเป็นบ้านของตัวเองอีก” กู้ฮอนพูดออกมาด้วยเสียงหัวเราะ
ฉิงฮัวหน้าแดง ๆ “ความจริงแล้วเมื่อวานผมไม่ได้อยู่กับเฉียวเฉียว เมื่อวานผมได้ยินคุณชายเฉิงเฉิงพูดว่าคุณไม่ได้กลับมาที่บ้าน ฉันรู้สึกว่าร่างกายของเฉียวเฉียวก็แบบนี้ จะให้แอนนิมาดูแลเด็กน้อย ๆ และยังจะต้องมาดูแลเธอก็คงไม่ไหว ดังนั้นฉันก็เลยอยู่ต่อที่ห้องรับแขกหนึ่งคืน”
“โธ่เอ้ย ลำบากคุณแล้ว เดิมที่คุณเป็นเจ้านายที่ตรงนั้นนะ แต่พวกเรากลับมาแย่งไปซะงั้น” กู้ฮอนหัวเราะและเดินไปยังประตู
ฉิงฮัวก็ได้เดินตามหลังเธอไป “คุณหนู คุณพูดเช่นนี้ หากไม่ใช่เจ้านาย ผมกับเฉียวเฉียวจะมีบ้านที่ดีแบบนี้หรือ ? ”
กู้ฮอนออกไปแล้ว เห็นรถคันหนึ่งจอดอยู่หน้าประตู
เธอเดินไปยังข้างแล้วก็เปิดประตูออกมา แล้วก็พูดกับฉิงฮัวว่า “ใช่แล้ว ฉันคิดถึงเรื่องหนึ่งแล้วอยากจะถามคุณสักหน่อย”
ฉิงฮัวพยักหน้า “คุณหนูมีอะไรก็ถามมาเถอะ”
“เมื่อคืนฉันฝันว่าบนชั้นบนสุดของตึกใหญ่แห่งนี้มาเวทีเต้นรำที่ทำด้วยกระจก ซึ่งเดินออกไปจากตึกตรงนี้ วันนี้ฉันอยากจะไป แต่ประตูปิดไวแล้ว คุณรู้ว่าไหมบนตึกจะมีพวกนี้ไหม ?”
ฉิงฮัวเหมือนกับจะได้ยินครั้งแรก “ขอโทษคุณหนู ฉันไม่เคยได้ยินเลย”
กู้ฮอนเหมือนกับผิดหวังแล้วก็พยักหน้า และยังคิดว่าฉิงฮัวอยู่กับเป่หมิงโม่ทุกวัน เรื่องแบบนี้จะต้องรู้อย่างแน่นอน ไม่คิดว่าเขาจะไม่รู้
ดูแล้วคงจะกลายเป็นความงมงายล่ะสิ ?
“เอาล่ะ วันนี้คุณไม่ต้องส่งฉัน ฉันขับรถไปทำงานเอง คุณกลับไปเถอะ” กู้ฮอนพูดแล้วก็เข้าไปในรถ
***
กู้ฮอนยากจากฉิงฮัวที่หน้าโรงแรม เธอไม่ได้รีบไปทำงาน แต่เธอกลับขับรถไปรอบ ๆ อาคารใหญ่แห่งนี้ เพราะเธออาจจะเจออะไรบางอย่าง
แต่สุดท้ายเธอก็ต้องผิดหวัง เธอไม่ได้เห็นอะไรเลย
สุดท้ายก็ได้ขับรถไปทำงานด้วยความผิดหวัง
***
ฉิงฮัวได้ขับรถกลับไปยังอาคารเป่หมิง ซึ่งตอนนี้เป่หมิงโม้ได้ยืนอยู่บนหน้าต่างสูบบุหรี่ และมีควันออกจากจมูกของเขาลอยออกมา
“เจ้านายผมกลับมาแล้ว คุณหนูไม่ให้ผมไปส่งทำงาน” ฉิงฮัวรายงาน
เป่หมิงโม่ไม่ได้หันกลับไปหาเขา แต่สายตาได้มองไปยังตึกตรงข้าม ซึ่งเหมือนกำลังถูกอะไรดึงดูดอยู่
“กู้ฮอนเธอได้ถามอะไรคุณไหม ?”
ฉิงฮัวพยักหน้า “มี เธอได้ถามเรื่องเวทีเต้นระบำกลางอากาศ”
“เหอะ ๆ เธอก็นั่นถามแล้ว แสดงว่าเมื่อวานเธอได้รับการกระทบที่ไม่ค่อยจะรุนแรงเท่าไหร่นัก แต่มึน ๆ ไปเท่านั้นเอง คุณตอบเธอไปว่าอะไร ?” เป่หมิงโม่หันกลับไป แล้วมองฉิงฮัว
“ฉันทำตามที่คุณบอก และบอกไปว่าไม่รู้”
เป่หมิงโม่พยักหน้า “หลังจากนี้พวกคุณก็ทำงานข้างบนนี้ละกัน จะต้องสังเกตรอบ ๆ ด้วยล่ะ ฉันคิดว่าเธอจะต้องมีข้อสงสัยและออกไปสืบอะไรแน่นอน”
ฉิงฮัวพยักหน้า “เจ้านายวางใจเถอะ”
***
ตอนเช้าหยางหยางได้ทานอาหารเช้าเสร็จ เจียงฮุ่ยซินได้เรียกเขามายังข้าง ๆ “หยางหยาง วันนี้คุณย่าและคุณอาสามมีเรื่องจะต้องออกไป คุณอยู่บ้านคนเดียวกินข้าวได้ไหม ?”
หยางหยางเห็นเป่หมิงยันที่อยู่ข้าง ๆ คุณย่า
เป่หมิงยันได้ขยับไหล่ของเขา แสดงถึงความน่าเบื่อ
คุณย่าไปไหนก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหยางหยาง แม้แต่คนที่คิดไม่ดีอย่าง คุณอาสามยังไม่อยู่บ้าน เขาก็รู้สึกถึงรับไม่ไหว แต่เขาก็ได้คิดคนที่จะมาแทนคุณอาสามได้อย่างเรียบร้อย
“อืมมมม งั้นผมให้ครูโล่มาอยู่เป็นเพื่อนผมเช้าหน่อยละกันจะได้ไหม ?” หยางหยางคิดแล้วก็พูดออกมา
“ได้ ได้ ความจริงฉันก็คิดแบบนี้ ฉันจะไปโทรศัพท์ตอนนี้เลย ให้เขามาก่อนที่พวกเราจะออกไป” เจียงฮุ่ยซินขณะพูดอยู่ ก็ได้เอโทรศัพท์ออกมา
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง โล่ฮานก็ได้มาด้วยความเร่งรีบ
“ครูโล่ ขอโทษจริง ๆ ที่ให้คุณมาก่อน วันนี้ฉันมีเรื่องนิดหน่อย ก็เลยให้หยางหยางอยู่คนเดียวไม่วางใจ”เจียงฮุ่ยซินพูดออกมา
โล่ฮานยิ้ม “ท่านนายเป่หมิง ไม่ต้องเกรงใจ วันนี้ฉันก็ไม่ได้มีเรื่องอะไร”
เจียงฮุ่ยซินได้เก็บของเรียบร้อย แล้วพูดกับหยางหยางว่า “หยางหยาง จะต้องเป็นเด็กดีของครูโล่นะ”
หยางหยางพยักหน้า
เจียงฮุ่ยซินได้พาเป่หมิงยันออกจากห้องรับแขก เป่หมิงยันที่เข้าไปนั่งในรถแล้วก็ออกจากบ้านนี้ไป
“คุณแม่ ไม่ใช่พูดคุยเฉย ๆ หรือ มีเรื่องอะไรที่พูดที่บ้านไม่ได้ล่ะ ทำไมไม่เอาหยางหยางมาด้วย ?”
เป่หมิงยันจับรถไปแล้วพูดไป
เจียงฮุ่ยซินที่นั่งข้างคนขับพูดว่า “ยันยัน อีกสักครู่ก็จะรู้ว่าทำไมจะต้องออกห่างจากหยางหยาง”
เป่หมิงยันที่ขับรถไปตามที่เจียงฮุ่ยซินบอกทาง ร้านน้ำชาที่มีชื่อว่าร้านเทียนเซียง
ที่นี่ก็ได้มีคนมารอต้อนรับพวกเขาแล้ว พอเห็นเจียงฮุ่ยซินและเป่หมิงยันลงจากรถ ผู้จัดการก็ได้ยิ้มต้อนรับมา “ท่านนายเป่หมิง และคุณชายเป่หมิงยันมาแล้ว สถานที่ได้จัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว”
พอพูดอย่างนอบน้อมเสร็จก็พาพวกเขาไปในร้านน้ำชา พวกเราสามคนได้ขึ้นไปยังชั้นสาม แล้วก็เดินไปตามทางเล็ก ๆ ถึงห้องหนึ่ง “ท่านนายเป่หมิง ถึงแล้ว”
เป่หมิงยันเงยหน้าขึ้นมา เห็นประตูเขียนตัวอักษรสองตัว เฟิงเซิง
ผู้จัดการได้นำพาเจียงฮุ่ยซินและเป่หมิงยันเข้ามายังห้อง
หลังจากนั้น ก็ดีมีผู้หญิงหน้าตาดีนำน้ำชาเข้ามา
“ท่านนายเป่หมิง เชิญชิมชาของร้านพวกเรา มีอะไรก็เรียกได้ตลอดเวลา ทางเราจะเตรียมพร้อมตลอด” ผู้จัดการพูดเสร็จก็ถอยออกจากห้องไป
เป่หมิงยันได้หยิบน้ำชาที่เพิ่งจะชงเสร็จหมาด ๆแล้วก็ดูสีของชา แล้วก็พูดกับเจียงฮุ่ยซินว่า “คุณแม่ คุณกำลังคิดอะไรอยู่หรือ หาห้องแบบนี้ และยังเรียกว่า เฟิงเซิง ไม่ทราบว่าท่านแม่ดูหนังเยอะไปหรือเปล่านี่ ”
เจียงฮุ่ยซินเหลือกตามองลูกชาย “อย่ามากเกินไปนักนะ วันนี้มีเรื่องสำคัญ”
ขณะพูด เธอก็ได้หยิบโทรศัพท์หาเป่หมิงเฟยหย่วน
สักครู่ก็โทรติด เจียงฮุ่ยซินก็ได้มีใบหน้าที่ยิ้มออกมา “เฟยหย่วนเอ๋ย ตอนนี้มีเวลาไหม ตอนนี้ฉันอยู่ที่ร้านเทียนเซียง พวกคุณสามีภรรยามาที่นี่ก่อน ไม่ได้เจอหน้ากันนานแล้ว มาพูดคุยกันหน่อยเถอะ อ่อใช่แล้ว เรียกยี่เฟิงมาด้วยนะ ฉันคิดถึง”
หลังจากนั้นเธอก็ได้เอาสถานที่ที่อยู่ตอนนี้บอกไป
***
สองวันมานี้ บริษัทGTเริ่มมีชื่อเสียง และยังทำข่าวอะไรใหม่ ๆ ออกมา และยังจัดกิจกรรมเต้นรำอีก
ข่าวที่เกี่ยวกับพวกเขาแทบจะได้ยินอยู่ทุกวัน และบริษัทGTที่ยกระดับขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ ทำให้คนที่รับผิดชอบแผนกต่าง ๆบริษัทเป่หมิง เห็นอนาคตของบริษัทเป่หมิง
และยังมีการเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่มีต่อเป่หมิงโม่อีกด้วย
ทำให้เป่หมิงยี่เฟิงรู้สึกถึงความไม่พอใจ เดิมทีชื่อเสียงตัวเองค่อย ๆ ดีขึ้นมา แต่หากเป็นเช่นนี้ก็คงจะต้องกลับไปเป็นเหมือนเดิม
ขณะที่เขากำลังเครียดกับเรื่องพวกนี้อยู่ โทรศัพท์เขาก็ดังขึ้น แล้วก็มาดูปรากฏว่าเป็นพ่อโทรหามา
ในวันธรรมดา คุณพ่อจะโทรหาเขาน้อยมา คาดเดาว่าน่าจะมีเรื่องอะไร
“คุณพ่อ มีเรื่องอะไรไหม ?”