ตอนที่ 767 ตระกูลเป่หมิงตกในอันตราย
เป่หมิงเฟยหย่วนได้ยินเสียงของลูกชาย ก็เลยมีความตะกุกตะกัก “ยี่เฟิง ตอนนี้มีเวลาไหม คุณย่าอยากจะนัดพวกเรามาเจอกันสักหน่อยที่ร้านเทียนเซียงและยังเรียกลูกเป็นพิเศษด้วย”
เป่หมิงยี่เฟิงได้ยินพ่อตัวเองพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ปกตินัก ก็รู้สึกว่าจะมีเรื่องแน่นอน “คุณพ่อ มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ? หากคุณย่าอยากจะพบผม ก็ไปที่บ้านก็ได้นี่ ทำไมจะต้องนัดเราออกมากันล่ะ ?”
“เรื่องนี้ ยี่เฟิงก็อย่าถามเลย ถึงเวลานั้นก็จะรู้เอง” เป่หมิงเฟยหย่วนขณะที่พูด ก็ได้บอกสถานที่ของร้านเทียนเซียงที่เจียงฮุ่ยซินบอกกับเขาส่งให้กับเป่หมิงยี่เฟิง
“โอเค อีกสักครู่ผมจะไป ” เป่หมิงยี่เฟิงวางโทรศัพท์ แล้วก็จัดการเก็บของตัวเอง แล้วก็ออกไปยังแผนกออกแบบ
ขณะที่ขับรถไปยังร้านเทียนเซียง
เป่หมิงยันและเจียงฮุ่ยซินก็รอประมาณหนึ่งชั่วโมง ดูเวลาไปแล้วก็น่าจะถึงข้าวเที่ยงแล้ว
เป่หมิงยันก็ไม่อาจจะทนนั่งต่อไป “คุณแม่ พวกเราไปกันเถอะ อยากจะพบกับพี่ใหญ่ก็ไปพบที่บ้านเถอะ ฉันไม่อยากจะอยู่ที่นี่กับคุณแม่แล้ว”
เขาพูดไปแล้วทำท่าจะลุกขึ้น
“นั่งลงเดี๋ยวนี้นะ คุณคิดว่าฉันอยากจะพบกับครอบครัวของพี่ใหญ่แกคนเดียวหรือไง ความจริงแล้วยังมีเรื่องอื่นอีก และยังเกี่ยวกับแกด้วย”
เจียงฮุ่ยซินพูดไป แล้วก็ถึงเสื้อของลูกชายลงมา
และตอนนี้ ข้างนอกก็ได้มีเสียงเดินเท้า “ตึก ๆ ๆ” ซึ่งเสียงนี้เหมือนพวกเขากำลังจะเดินมายังห้องนี้
หลังจากนั้น เสียงเท้าเดินก็หยุดลง ประตูค่อย ๆ เปิดออก
ซึ่งเป็นแต่เป่หมิงเฟยหย่วน และหลันเนี่ยน ข้างหลังก็ยังมีเป่หมิงยี่เฟิงที่เดินตามมา ครอบครัวสามคนเดินเข้ามาแล้ว
***
เจียงฮุ่ยซินได้เห็นเป่หมิงเฟยหย่วนมาแล้วก็ยิ้มขึ้นมา “เฟยหย่วน ตั้งแต่พ่อคุณเสียไป ก็ไม่ได้เจอกันอีกเลยนะ ไม่คิดว่าจะผอมขนาดนี้”
หลังจากนั้นก็ได้ทักทาย หลันเนี่ยน “ลูกสะใภ้ คุณลำบากกับเฟยหย่วนแล้ว”
หลันเนี่ยนยิ้ม “คุณแม่ อย่าพูดเช่นนี้เลย เป็นคนบ้านเดียวกันก็ต้องช่วยเหลือกันและกัน”
สุดท้าย เจียงฮุ่ยซินก็ได้โบกมือทักทายเจียงฮุ่ยซิน “ยี่เฟิง มานี่ รับมานั่งกับคุณย่า ในหลานทุก ๆ คน ฉันดูแลคุณมาตั้งแต่เด็กยันโต ฉันสนิทกับคุณที่สุดเลยนะ”
เป่หมิงยี่เฟิงก็รู้สึกว่ามีความสนิทกับเจียงฮุ่ยซินที่สุดแล้ว “คุณย่า ช่วงนี้ฉันมีเรื่องมากมายเลยไม่ได้มีเวลาไปหาเลย หวังว่าจะไม่โกรธผม”
หลังจากนั้นเป่หมิงยันก็ได้ทักทายเป่หมิงเฟยหย่วน
“เอาล่ะ พวกเรามากันครบแล้ว ถึงตอนเที่ยงแล้ว ก็ขึ้นอาหารเถอะ พวกเรากินไปคุยไป” เจียงฮุ่ยซินได้พูดกับผู้จัดการที่รอขึ้นอาหารมานานแล้ว
“เอาอาหารที่สุดยอดที่สุดของพวกคุณมา”
ผู้จัดการพยักหน้า “ท่านนายเป่หมิง กรุณารอสักครู่ อาหารใกล้จะถึงแล้ว”
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง อาหารก็ได้วางเต็มโต๊ะไปหมด กับอาหารเจ็ดแปดอย่าง
“เชิญรับประทาน” ผู้จัดการพูดเสร็จก็ออกไป
ซึ่งตอนนี้ในห้องก็เหลือแค่ห้าคน
เจียงฮุ่ยซินได้ยินตะเกียบขึ้นมา “รออะไรล่ะ กินสิ”
หลังจากทานอาหาร เป่หมิงยันก็ได้นำกระดาษมาเช็ดปากตัวเอง “คุณแม่ เรียกพวกเรามาทำอะไร อย่าชักช้าอีกเลย”
เจียงฮุ่ยซินได้วางตะเกียบลง แล้วก็มองไปยังทุกคนแล้วพูดว่า “พวกคุณล้วนเป็นลูกในไส้ของคุณท่าน ตอนนี้ตระกูลเป่หมิงกำลังถึงจุดอันตรายที่สุดแล้ว”
ทุกคนต่างตื่นตกใจ
เป่หมิงเฟยหย่วน “ป้าซิน กิจการของตระกูลเป่หมิงไม่ใช่ดีมาตลอดเลยหรือ ? โครงการของบริษัทเจียเม้าก็ได้ดำเนินการอยู่ และได้ทำกิจการร่วมกันกับบริษัทGT ดูแล้วกิจการจะต้องดีขึ้นเรื่อย ๆ สิ”
เจียงฮุ่ยซินสะบัดมือ “เฟยหย่วน คุณดูแค่รูปลักษณ์ภายนอก ความจริงแล้วตระกูลเป่หมิงกำลังตกหลุมพราง”
“คุณแม่ มันถึงขนาดนั้นเลยหรือ?” เป่หมิงยันไม่เชื่อ
“เห้อ เรื่องราวในอดีตจะว่าไปแล้วไม่พูดกับพวกคุณก็ไม่ได้แล้ว ” เจียงฮุ่ยซินถอนหายใจ หลังจากนั้นให้เป่หมิงยี่เฟิงเปิดประตูห้อง ดูข้างนอกไม่มีใคร
เป่หมิงยี่เฟิงหันกลับมา ก็ได้ปิดประตูให้เรียบร้อย
เจียงฮุ่ยซินมองไปยังทุกคน แล้วก็เก็บใบหน้ายิ้ม “พวกคุณรู้ใช่ไหมว่าแม่ของเป่หมิงโม่คือใคร”
ทุกคนพยักหน้า
“หวีหรูเจี๋ยที่เข้ามาอยู่ที่บ้านตระกูลเป่หมิง จะพูดได้ว่าคุณท่านไปแย่งมา”
ประโยคนี้ ทุกคนรู้สึกตกใจ โดยเฉพาะเป่หมิงเฟยหย่วน เขาเป็นคนโต เรื่องตอนนั้นเขาเข้าใจที่สุด
“ป้าซิน ฉันรู้สึกว่าตอนนั้นพวกเขาก็มีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวเลยนะ ทำไมกลับมีน้องรองด้วยล่ะ ?”
เจียงฮุ่ยซินส่ายหัว “คุณรู้เพียงเปลือกนอก เรื่องนี้ฉันเข้าใจดีที่สุด เพราะว่าตอนนั้นฉันเป็นพี่น้องที่แสนดีกับหวีหรูเจี๋ย ฉันได้ยินเธอพูดบ่อย ๆ ว่าไม่ชอบคุณท่าน หลังจากนั้นเธอก็ได้เอามีดไปแทงเป่หมิงโม่ แต่ดีที่เด็กน้อยเขาชะตาแข็ง เลยใช้ชีวิตอยู่มาได้ พอเวลาผ่านไปรู้ว่าหวีหรูเจี๋ยตายแล้ว แล้วฉันล่ะ ? หลังจากที่พบกับคุณท่าน พวกเราสองคนก็รู้สึกดีให้กัน หากพูดไปแล้วก็คือรักแรกพบ สุดท้ายก็อยู่ด้วยกัน ”
เป่หมิงยันฟังแล้วก็เกาหัว “คุณแม่ คุณอย่าพูดอะไรที่ออกนอกเรื่องได้ไหม อันนี้เกี่ยวอะไรกับความเป็นอยู่ของตระกูลเป่หมิง ?”
***
เจียงฮุ่ยซินพูดว่า “ฉันคิดว่าพวกคุณรู้ว่าประธานของบริษัทGTเป็นใครใช่ไหม ?”
เป่หมิงยี่เฟิงพูดว่า “โม้จิ่งเฉิงไงล่ะ หลายวันมานี้ก็เห็นข่าวของเขาตลอดเวลา”
เจียงฮุ่ยซินพยักหน้า “ใช่แล้ว แต่คุณไม่รู้ว่าโม้จิ่งเฉิงเป็นคนรักเขาของหวีหรูเจี๋ย พูดได้ว่าคุณท่านได้ทำให้พวกเราแยกออกจากกัน ขนาดตอนที่หวีหรูเจี๋ยอยู่กับคุณท่าน เธอและโม้จิ่งเฉิงก็ยังติดต่อกันอยู่ และตอนที่หวีหรูเจี๋ยตายไป โม้จิ่งเฉิงก็จะคิดบัญชีกับคุณท่านคนนี้ แต่มิใช่เพียงเท่านี้ ฉันยังรู้อีกว่า เขาได้สร้างกลุ่มสังคมที่เมืองซาบาห์ ซึ่งประธานบริษัทGTก็ยังคงเป็นปริศนา จนถึงวันนี้ได้ประกาศออกมา ฉันเดาว่าที่เขาทำแบบนี้ คือการใช้บริษัทบังหน้าเพื่อฟอกเงิน”
ประโยคนี้ เหมือนกับถูกกระสุนยิงใส่หน้าทุกคนที่ฟังอยู่
พวกเขาเหมือนกับได้สูดลมหายใจที่เยือกเย็น
“คุณย่า ความจริงของคุณคือการที่เราร่วมกิจการกับเขา พวกเราก็ต้องไปอยู่ในคุกก็เพราะว่าเรื่องการฟอกเงินใช่ไหม ?” เป่หมิงยี่เฟิงถามด้วยความนอบน้อม
ในคนกลุ่มนี้ มีเพียงแต่เป่หมิงยี่เฟิงมีความสัมพันธ์กับตระกูลเป่หมิง ดังนั้นเขาก็เลยมีความเป็นห่วงตระกูลเป่หมิงมากที่สุด
เจียงฮุ่ยซินขมวดคิ้ว “แต่ส่วนนี้ฉันไม่มั่นใจ แต่ฉันมั่นใจว่าโม้จิ่งเฉิงกำลังดึงตัวเป่หมิงโม่”
“คุณแม่ คุณดูทีวีมากไปหรือเปล่า เรื่องราวบัดซบเช่นนี้มันจะเกิดในครอบครัวเราได้อย่างไร ” เป่หมิงยันหัวเราะออกมาแล้วส่ายมือ
แต่เป่หมิงยี่เฟิงจับจุดสำคัญได้ “คุณย่าผมเข้าใจแล้ว โม้จิ่งเฉิงเป็นคนรักเก่าของแม่ของคุณอารอง เขาเกลียดคุณท่าน แค่คุณอาสองเป็นลูกของคนรักเก่าของคนรักเก่าแม่ เขาอยากจะยืมมือของคุณอาสองทำให้ตระกูลเป่หมิงจมลง หรือค่อย ๆ กลืนเข้าไป เพราะเป็นการแก้แค้น”
เจียงฮุ่ยซินพยักหน้า “สิ่งที่พูดก็ประมาณนี้ แต่ประเด็นสำคัญคือเป่หมิงโม่ได้เซ็นสัญญากับเขาแล้ว หากละเมิดสัญญาก็จะทำให้ไม่เป็นผลดีกับทางตระกูลเป่หมิง ตอนนี้พวกเราต้องมานั่งคิดว่าจะทำอย่างไรให้เรื่องนี้มันหยุดหรือพัฒนาช้าลง หลังจากนี้ให้เรามาค่อย ๆ คิดแผนการกันเถอะ”
เป่หมิงยี่เฟิงพยักหน้า เขาคิดสักครู่แล้วพูดว่า “คุณย่า ความจริงตอนนี้ผมควบคุมและเข้าใจแผนกออกแบบของตระกูลเป่หมิงแล้วล่ะ และยังรู้เกี่ยวกับหุ้นของตระกูลเป่หมิง ถึงแม้จะไม่มาก แต่เป็นหุ้นที่รอง ฉันคิดว่าจะใช้ตรงนี้มาคานอำนาจของคุณอาสอง และขยายแผนเวลาของ บริษัท GT”
เจียงฮุ่ยซินเห็นด้วยพยักหน้า “สมกับเป็นหลานของคุณท่าน มีมันสมองที่ดีเยี่ยม”
“คุณย่า แต่ตอนนี้ผมมีปัญหาที่จะต้องรีบแก้ไข” เป่หมิงยี่เฟิงมีใบหน้าที่ไม่น่าดู
“มีเรื่องอะไรที่จะพอช่วยได้บ้างล่ะ ?” เจียงฮุ่ยซินถาม
เป่หมิงยี่เฟิงคิดแล้วพูดว่า “ตอนนี้ผมสามารถพูดได้ว่า คนน้อยประสิทธิภาพก็น้อย ไม่มีใครสามารถที่จะช่วยเราได้เลย เดิมทีผมได้ติดต่อกับคนรับผิดชอบตามแผนกต่าง ๆ แต่เพราะเนื่องจากเรื่องของบริษัทGT บางเรื่องก็จะต้องเอนเอียงไปยังคุณอาสอง ดังนั้นผมก็มีความคิดอีกอย่างหนึ่ง ให้ผมในฐานะเป็นผู้ถือหุ้นที่สองของตระกูลเป่หมิง เอาคุณพ่อ คุณแม่และคุณอาสามเข้ามาในหุ้นนี้”
“คุณให้ฉันเข้าร่วมหุ้นกับตระกูลเป่หมิง แต่ฉันเป็นดารา ให้เป็นตัวแทนได้อยู่ หากให้ฉันทำงานอยู่ที่ตรงนั้น คงจะไม่ได้” เป่หมิงอันคนแรกที่ไม่ยินยอม
เจียงฮุ่ยซินเห็นลูกชายตัวเองที่ไม่ยอมอะไรแม้แต่น้อย “ไอ้ลูกชายคนนี้ ถึงว่าคุณพ่อไม่ค่อยจะชื่นชมแกสักเท่าไหร่นัก เพราะว่าแกไม่เห็นความสำคัญของกิจการในครอบครัวนี้เลย จะไปทำงานวงการบันเทิงท่าเดียว ตอนนี้กิจการของคุณท่านเกิดอันตราย แกเป็นหลานของตระกูลเป่หมิง ช่วยอะไรไม่ได้ แล้วจะมีหน้าไปพบคุณท่านอีกหรือ ? ”
***
เป่หมิงยันเอามือสองข้างกอดอกไว้ สายตาที่ไม่ยอม “ฉันเป็นคนในบ้านตระกูลเป่หมิง เพราะอะไรที่ผมไม่อยากจะยุ่งเรื่องของตระกูลเป่หมิง ก็เพราะว่าตั้งแต่เด็กผมได้ยินเรื่องราวมากมาย ดูสิ่งต่าง ๆ ที่มันไม่ดีไงล่ะ และสิ่งที่ไม่ดีพวกนี้ฉันไม่ต้องพูด ในใจของพวกคุณก็น่าจะชัดเจนดี และแข็งแกร่งกว่าบริษัทGT ไม่เท่าไหร่ ฉันยอมอยู่วงการบันเทิง ซึ่งตรงนั้นไม่ได้มีการช่วงชิงที่น่ากลัวเช่นนี้”
เจียงฮุ่ยซินไม่อาจจะยอมรับกับสิ่งที่เป่หมิงยันพูดออกมา เธอก็ได้ถอนหายใจออกมา “ยันยัน แกนี่ยากซื่อบริสุทธิ์จริง ๆ บริษัทที่ใหญ่ขนาดนี้ มันจะมีเรื่องบริสุทธิ์ด้วยหรือ ? ”
เป่หมิงยันฟังคำพูดของเธอ ไม่โกรธแต่กลับหัวเราะออกมาเหมือนกับเหยียดหยัน “งั้นแสดงว่าการร่วมกิจการระหว่างบริษัทเป่หมิงและบริษัทGT ก็มีเล่ห์เหลี่ยมซ่อนอยู่ล่ะสิ ไม่มีอะไรที่จะต้องแบ่งแยกความดีเลว”
“ทำไมไม่มี ตระกูลเป่หมิงผ่านอะไรมามากมาย มีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณท่านสร้างมันมากับมือ ยันยัน แกอย่ามีความคิดที่บริสุทธิ์นักเลย แต่ให้เป็นฮ่องเต้หรืออ๋อง ลองพูดดูซิใครไม่ได้เกิดจากรากหญ้าบ้าง ? ตอนนี้พวกเราไม่ได้ไปสืบค้นปัญหาประวัติศาสตร์ที่มันยาวนาน แต่ตอนนี้พวกเราจะทำยังไงถึงจะถูก”
เจียงฮุ่ยซินรู้สึกว่าไม่อาจจะพูดคุยกับลูกชายตัวเองได้อีก สถานการณ์ความเป็นอยู่ของตระกูล เขากลับไม่ช่วยอะไรเลย ตอนนั้นยังเคียดแค้นที่ทำไมคุณท่านไม่ได้แบ่งทรัพย์สมบัติให้กับเป่หมิงยันเลย แต่ตอนนี้หลังจากพูดคุยกันเสร็จ เธอก็เลยรู้สึกถึงความรู้สึกของคุณท่าน
“ช่างมันเถอะ ดูไปแล้วผมอยู่ที่นี่ก็เป็นส่วนเกิน พวกคุณทำงานใหญ่ไปเถอะ ความคิดผมมันซื่อตรงเกินไป ผมอาจจะเป็นส่วนเกินของบ้านนี้ก็ได้ เป่หมิงเอ้อไม่ได้ไล่ผมออกมา ดูแล้วน่าจะเป็นความผิดเลยนะ แต่ผมก็เข้าใจตัวอยู่แล้ว ลาก่อนทุกคน” เป่หมิงยันที่เก็บความโกรธอยู่ในใจ แล้วก็หันหลังเดินออกไป
“ยันยัน คุณจะไปทำอะไรน่ะ ?” เจียงฮุ่ยซินถามลูกชายที่รีบร้อนเดินออกไป