ตอนที่ 763 คนที่เข้าใจคุณที่สุด
สติของกู้ฮอนชัดเจนว่าแย่มาก ๆ “ฉันไม่รู้เรื่องแต่เรื่องนี้เหมือนกับมันเสียดสีในใจฉัน”
แอนนิยิ้มให้กับเธอแล้วพูดว่า “รู้ไหมทำไมคุณถึงมีปฏิกิริยาแบบนี้ เพราะว่าในใจคุณนั้นยังแคร์เรื่องนี้อยู่ แคร์เรื่องนี้ก็คือการที่ในใจคุณยังมีเป่หมิงโม่อยู่ในใจไงล่ะ”
“เป็นไปได้อย่างไร ฉันจะไปคิดถึงเขายังไงล่ะ ฉันนั้นเกลียดเขามากขนาดนี้” พอพูดประโยคนี้ กู้ฮอนก็เริ่มมีความตื่นเต้นใจมากอีกครั้งหนึ่ง สายตาของเธอนั้นเหม่อลอย ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เยือกเย็น
“คุณดูคุณตอนนี้สิ แสดงถึงความในใจของคุณออกมาหมดแล้ว เพียงแต่มีบางเรื่องที่ยังกดทับในใจของคุณ เลยทำให้คุณนั้นไม่อาจจะไปเผชิญกับมัน หรืออาจจะรอบางเรื่องนั้นได้คลี่คลายแล้ว คุณก็จะมาเผชิญกับมันอีก ก็คงกลายเป็นธรรมดาไปเสียแล้ว”
แอนนิพูดเสร็จ ก็ได้ยินเสียงกดกริ่งแล้ว
“ฉันคิดว่าเขามารับคุณ” แอนนิยิ้มแล้วทำท่าจะไปเปิดประตู
“คุณรอก่อน” กู้ฮอนดึงมือของแอนนิ “ตอนนี้ฉันไม่อยากจะพบเขา คุณบอกไปว่าฉันไม่ได้กลับมาก็แล้วกัน”
“ได้ ให้คุณไปคิดว่าจะเอาอย่างไรกับความสัมพันธ์ในอนาคตของพวกคุณกันดี” แอนนิพูดเสร็จก็เดินไปยังประตูใหญ่
กู้ฮอนเพื่อที่จะไม่ให้เป่หมิงโม่เห็นตัวเอง ก็เลยเดินไปยังห้องอาหาร
แอนนิดูที่กล้องวงจรปิด คนที่ยืนอยู่นั้นไม่ใช่เป่หมิงโม่ แต่เป็นชายที่แปลกหน้า
เธอก็เปิดประตูอย่างช้า ๆ “คุณคือใครหรือ ? ”
ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ได้ยิ้มให้กับแอนนิแล้วพูดว่า “ขอถามหน่อยว่าคุณหญิงกู้อยู่ไหม ?”
ชัดเจนว่ามาหาเธอ น่าจะเป็นคนที่เป่หมิงโม่ส่งมาแน่นอน
แอนนิคิดถึงตรงก็ส่ายหัว “ขอโทษที ตอนนี้เธอยังไม่กลับมา มีอะไรหรือ ? ”
“อ๋อออ คือคุณชายเป่หมิงได้วานให้ผมเอาของสิ่งนี้มาให้คุณหนูกู้ ในเมื่อเธอไม่อยู่ ก็ฝากคุณรับแทนหน่อยแล้วกัน” ขณะที่พูด ผู้ชายก็ได้ไปหยิบเอกสารที่เอวของตัวเองออกมาแล้วส่งให้แอนนิ
“ขอบคุณ” แอนนิรับเอกสารมา “ยังมีเรื่องอะไรอื่นอีกไหม ?”
ผู้ชายยิ้มแล้วส่ายหัว “ไม่รบกวนแล้วครับ ผมจะกลับไปเดี๋ยวนี้”
แอนนิส่งเขาด้วยสายตาผู้ชายที่ขึ้นรถไป หลังจากนั้นปิดประตู แล้วก็หิ้วของกลับเข้าไป
ตอนนี้กู้ฮอนออกมาจากห้องอาหาร บทสนทนาที่หน้าประตูนั้น เธอไม่ได้ยินอะไรเลย
เห็นแอนนิได้ถือของชิ้นใหญ่มา แล้วถามว่า “นี่คืออะไร ?”
แอนนิฉีกออกมาแล้วก็วางไว้บนโต๊ะน้ำชา “นี่คือสิ่งที่เป่หมิงโม่ให้คนเอามาให้ เขาน่าจะรู้ว่าทำให้คุณโกรธ เลยซื้อของพวกนี้มาขอโทษคุณ ของก็เอาไว้ตรงนี้แหละ ก็ดูว่าคุณจะไว้หน้าเขาไหมแค่นั้นเอง”
***
กู้ฮอนเดินกลับไปยังห้องนั่งเล่น แล้วก็แกะกล่องกระดาษอย่างระมัดระวัง
เปิดกล่องออกมา เธอและแอนนิก็ตกใจอยู่ชั่วครู่
ในนั้นได้มีเสื้อที่พับอยู่เรียบร้อย ข้าง ๆ เสื้อ ก็มีถุงเครื่องประดับที่ของเธอ
ในถุงยังมีกล่องอีกอันหนึ่ง พอเปิดมาดู ก็มีรองเท้าส้นสูงที่สวยงามหนึ่งคู่
“เห็นแล้วใช่ไหม เป่หมิงโม่ก็ยังมีคุณอยู่ในใจ ไม่งั้นจะให้คนมาส่งของให้คุณโดยเฉพาะหรือ ดูแล้วเขาก็เป็นตัวแทนเลือกเสื้อผ้าให้คุณแล้วล่ะ ยืนนิ่งทำไมล่ะ ยังไม่ไปลองอีก” แอนนิหัวเราะพูดออกมา
กู้ฮอนมีใบหน้าที่แดงก่ำ เธอก้มหัวแล้วลองเสื้อผ้า ในใจรู้สึกสับสน
เสื้อชุดนี้ก็น่าจะมาจากร้านนั้นแน่ ๆ และดูจากวัตถุที่ทำแล้วก็ไม่ได้แย่ไปจากชุดแสงจันทร์เลย ไม่แน่อาจจะแพงกว่าก็ได้
มือของเธอก็ได้หยิบกล่องขึ้นมา หันหลังขึ้นไปบนตึกแล้ว
ขณะขึ้นตึก เฉิงเฉิงก็ได้อยู่กับจิ่วจิ่วที่ห้องของกู้ฮอน
“หม่ามี๊ เอาอะไรมาหรือ ?” จิ่วจิ่วคลานขึ้นมา แล้วก็วิ่งมาถึงกู้ฮอน
กู้ฮอนก้มหน้าแล้วยิ้มให้จิ่วจิ่วพูดว่า “นี่เป็นเสื้อของหม่ามี๊ หม่ามี๊ขึ้นมาลองชุดน่ะ” ขณะพูด เธอก็ได้เอากล่องเสื้อผ้าไปไว้ที่บนเตียง
จิ่วจิ่วก็คลานไปยังบนเตียงและมองกล่อง ตรงนั้นมีแสงระยิบระยับของเพชร ทำให้เธออดทนไม่ไหวที่จะยื่นมือไปลูกอย่างระวัง
“หม่ามี๊ เสื้อนี้สวยมากเลย รีบมาให้ฉันใส่เร็ว ๆ” จิ่วจิ่วมีความดีใจจนอดทนไม่ไหว (ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือเด็กผู้หญิง ก็จะมีความชื่นชอบในเสื้อผ้าเป็นธรรมดาอยู่แล้ว)
เฉิงเฉิงได้ยินว่าคุณแม่จะมาลองเสื้อผ้า เขาก็เลยเดินออกนอกห้องไป “คุณแม่ ฉันจะกลับห้องนอนแล้วนะ เพราะยังมีงานการทดสอบอะไรอีกหลายอย่างยังไม่ได้เริ่มทำเลย”
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง กู้ฮอนก็ได้ใส่ชุดที่เป่หมิงโม่เลือกให้เธอโดยเฉพาะแล้วไปส่องกระจกดู
“โหหหห หม่ามี๊สวยมากมายเลย เหมือนกับราชินีเลย” จิ่วจิ่วยืนข้าง ๆ กู้ฮอน ดูแม่ที่ส่องกระจกอยู่
กู้ฮอนยิ้มอ่อน ๆ “ลูกเอ๋ย ยังมีใครพูดน่ารักกว่านี้ไหม”
แต่ไม่อาจจะไม่ยอมรับได้เลย เสื้อชุดนี้สวยงามกระแทกตามากกว่าชุดแสงจันทร์เสียอีก
ชุดแสงจันทร์เป็นแนวตะวันตก แต่ชุดนี้เป็นแนวตะวันออกคือกี่เพ้า
ซึ่งทั้งชุดเต็มไปด้วยลวดลายของหงส์
หัวของหงส์ได้ประทับอยู่ตรงที่ไหล่ทั้งสองของเธอ ร่างกายของหงส์ก็อยู่ตามด้านข้างของเรือนร่างเธอ ขนที่หลากสีของมันก็อยู่ตรงส่วนล่างของชุด
หงส์ตัวนี้ได้มีสีสันที่หลากหลายและเส้นไหมสีทองสลับกัน โดยเฉพาะตาของหงส์ที่มีความสวยงามอยู่มากมาย
หากจะมาพรรณนาเสื้อชุดนี้แล้วล่ะก็ ก็คือชุดที่ล้ำค่ามากที่สุด ซึ่งแสดงถึงฐานะและตำแหน่งที่เหมือนอยู่ในตระกูลชั้นสูง หรือระดับเชื้อพระวงศ์ที่นิยมใส่กัน
กู้ฮอนใส่ชุดนี้ ทำให้เรือนร่างที่งดงามของเธอ งดงามยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ต้องยอมรับว่า เป่หมิงโม่เข้าใจเธออย่างมากมาย เสื้อผ้าเหมาะสมกับร่างกาย
ไม่รู้ตอนไหน แอนนิยืนอยู่หน้าประตูห้องของเธอ
“ไม่คิดว่า เป่หมิงโม่เลือกชุดก็ยังมีน้ำยาอยู่ หากคุณใส่ไปในงานเต้นรำแล้วล่ะก็ จะต้องเป็นเหมือนดาราที่เด่นที่สุดในงานนั้นเลย”
กู้ฮอนหน้าแดงแล้วพูดว่า “ล้อเล่นกับฉันอีกละ มันจะดีอย่างที่พวกคุณพูดได้ยังไงล่ะ” ถึงแม้จะพูดเช่นนี้ แต่ผู้หญิงนั้นก็ชอบที่จะได้รับคำชมจากผู้อื่น
***
กู้ฮอนก็ได้ถอดเสื้อออกมาแล้วก็เก็บไว้ในกล่องอย่างเรียบร้อย
เธอและแอนนิก็ได้พาจิ่วจิ่วลงไปข้างล่าง
พอออกมาจากลิฟต์ ก็เห็นลั่วเฉียวกับฉิงฮัวเพิ่งเข้ามาจากข้างนอก
“พวกคุณทำไมกลับมาไวขนาดนี้ ฉันคิดว่าพวกคุณกำลังไปออกเดตกินอาหารกลางวันแสนเลิศหรูใต้แสงเทียน” กู้ฮอนได้เก็บอารมณ์ภายในจิตใจเอาไว้
และต้อนรับด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“กู้ฮอนคุณนี่ตลกจริง ๆ นะ คุณพูดคืออาหารกลางวันนะ จะมีเทียนได้ไง ต่อให้จุดแล้วก็ไม่เห็นหรอก คุณแซวเพื่ออะไร” ลั่วเฉียวมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แล้วเอาสมุดเล่มสีแดง ๆ ออกมาสะบัดเล่น
“พวกเราพี่น้องสามคนไม่คิดว่าจะมีคนหนึ่งมีเจ้าของไปเสียแล้ว เฉียวเฉียว พวกคุณจะจัดงานแต่งตอนไหนล่ะ ? ” กู้ฮอนดีใจแทนลั่วเฉียวที่สามารถหาผู้ชายดีดีอย่างฉิงฮัวได้
พอพูดถึงเรื่องงานแต่ง รอยยิ้มของลั่วเฉียวก็หายไป “ตอนที่ฉันไปจดทะเบียนก็ไม่ได้บอกคุณพ่อ คุณแม่ และพี่ และสถานการณ์ฉันตอนนี้อีก ”
ฉิงฮัวได้ไปตบไหล่ของลั่วเฉียว “เดี๋ยวรอวันที่ผมไปบ้านคุณก่อนนะ จะต้องเอาเรื่องพวกคุณไปบอกพวกเขา คุณเชื่อว่าพวกเขาจะเข้าใจ”
ลั่วเฉียวแบะปากพูดว่า “หากพวกเราทำเช่นนั้น ก็คงจะต้องถูกไล่ออกมาแน่นอน ฉันคิดว่าช่างมันเถอะ รอพวกเรามีลูกก่อน แล้วค่อยอุ้มไปหาพวกเขาก็ได้นะ มีเด็กน้อยช่วยพวกเรา พวกเขาก็จะไม่อะไรหรอก”
ฉิงฮัวพยักหน้า แล้วก็พูดกับกู้ฮอนว่า “คุณหนู ทำไมกลับมาไวขนาดนี้ล่ะ ?”
“เธอน่ะ หากได้รับการเสียดสีนิดหน่อยก็กลับมาแล้ว ” แอนนิหัวเราะออกมา
ลั่วเฉียวมีใบหน้าที่ตื่นเต้นแล้วมองไปยังกู้ฮอน “กู้ฮอน คุณเป็นอะไร ? ถูกเป่หมิงโม่แกล้งอีกแล้วหรือ ?”
กู้ฮอนส่ายหัว “ไม่ใช่คุณคิดเช่นนั้น เขาไม่ได้แกล้งฉัน เห้อออ ช่างมันเถอะ อย่าพูดถึงมันเลย”
“แล้วงานเต้นรำในคืนนี้จะไปไหมล่ะ ?”
“ไม่ว่ากู้ฮอนจะไปหรือไม่ แต่เป่หมิงโม่ก็ได้ส่งชุดที่เขาเลือกมาให้แล้ว” แอนนิพูด แล้วก็เอามือไปชี้มือของกู้ฮอนที่ถือกล่องอยู่
หลังจากนั้นก็พูดอย่างลี้ลับว่า “อย่าเพิ่งพูดนะ เป่หมิงโม่มีสายตาที่ไม่เลวเลยล่ะ โดยเฉพาะเลือกเสื้อให้กู้ฮอนสะสวยมาก ๆ เลย พอละ พวกคุณคุยกันเถอะ ฉันจะไปเตรียมอาหารกลางวัน”
หลังจากนั้นก็พูดกับจิ่วจิ่วว่า “หนูน้อย คุณจะต้องเล่นอยู่กับคุณน้าตรงนี้อย่างน่ารักนะจ๊ะ ห้ามวิ่งไปไหน”
จิ่วจิ่วรู้เรื่องมาก ก็ได้กะพริบตาพยักหน้า หลังจากนั้นก็ได้ดึงตรงชายกระโปรงของกู้ฮอน “ฉันจะเล่นกับคุณน้ากู้ฮอน”
แอนนิไปทำกับข้าว ลั่วเฉียวก็ทนไม่ไหวที่จะเอาถุงกระดาษที่อยู่ในมือของกู้ฮอนนั้นออกมาดู “พวกคุณชมเป่หมิงโม่ไปถึงไหนกัน ฉันอยากจะรู้ว่าชุดแจงจันทร์จะสวยงามขนาดไหน”
ตอนที่เธอเปิดออกมาดู ก็ตกใจอย่างมากมาย “ชุดนี้สวยงดงามจริง ๆ นี่มันสวยงามกว่าชุดมังกรของฟ่านปิงปิงเสียอีก”
เธอได้เอาชุดมาเทียบกับตัวเอง แล้วหันไปหาฉิงฮัว “คุณอาไอ้ฮัว ฉันใส่ชุดนี้เป็นยังไงบ้างล่ะ ?” เธอยิ้มแล้วพูดออกมา สายตาและคิ้วที่ยาว ๆ ของเธอมองไปยังเขา
ทำให้ใจของฉิงฮัวกล้า ๆ กลัว ๆ เขาได้พยักหน้า “คุณใส่อะไรก็สวยหมดแหละ”
“อั้ยย้ะ ประโยคนี้ทำให้ฉันรู้สึกชาไปทั้งตัวเลย” กู้ฮอนหัวเราะมือของเธอก็ถูแขนไปมา
ตอนนี้ จิ่วจิ่วที่อยู่ข้าง ๆ กู้ฮอนก็เลียนแบบแม่ แล้วพูดว่า “รู้สึกสบายจัง”
***
จิ่วจิ่วพูดแบบนี้ ทำให้ทุกคนหัวเราะกันไปหมด ลั่วเฉียวบิดเอว แล้วหัวก้มหัวมองเขา “ฮ่า ๆ เด็กน้อยแบบคุณนี่ทำให้ฉันหัวเราะหรือ รอน้องชายในท้องออกมาก่อนเถอะ ฉันจะไม่ให้เขาเล่นด้วยเลยล่ะ”
จิ่วจิ่วฟังแล้วก็รีบแก้คำพูดไปว่า “ไม่หรอก ไม่หรอก จิ่วจิ่วไม่หัวเราะคุณน้าเฉียวเฉียวแล้ว”
“หึ ยังดีหน่อย” หลังจากนั้นเขาก็ได้มองชุดนี้อย่างรู้สึกเสียดาย “เสียดายเพียงแต่ตอนนี้ฉันใส่อะไรก็ไม่ได้ดูดีมากนัก แต่ฉันยังมีความเชื่อมั่น รอหลังคลอดแล้ว ฉันจะต้องลดความอ้วนให้ได้เลย”
***
หลังจากที่เป่หมิงโม่ให้คนไปส่งเสื้อเสร็จแล้ว เขาก็ได้ขับรถไปยังคฤหาสน์ตระกูลเป่หมิง
“โม่ ทำไมกลับมาไวขนาดนี้ ไม่ใช่พากู้ฮอนไปเลือกเสื้อหรือ ? ” เจียงฮุ่ยซินได้เห็นสีหน้าของเป่หมิงโม่ไม่ค่อยสู้ดีนัก
“คุณแม่ นี่ยังดูไม่ออกอีกหรือ เป่หมิงเอ้อนี่ทำตัวสุภาพในกู้ฮอน สุดท้ายก็ถูกด่ากลับมา” เป่หมิงยันได้ผูกผ้าไว้บนคอตัวเอง และแบกกระเป๋าหนึ่งใบ กำลังจะออกไป
ข้างหลังเขาได้มีคนใช้หยางหยางกำลังตามอย่างระมัดระวัง “คุณอาสาม ค่อย ๆ เดินทางนะ”