เดิมพันรักยัยตัวแสบ – เดิมพันรักยัยตัวแสบ – ตอนที่ 768 ความขัดแย้งของตระกูลเป่หมิง

เดิมพันรักยัยตัวแสบ - ตอนที่ 768 ความขัดแย้งของตระกูลเป่หมิง

ตอนที่ 768 ความขัดแย้งของตระกูลเป่หมิง

“พวกคุณจะทำอะไรฉันไม่เข้าร่วมหรอก สำหรับเรื่องของตระกูลเป่หมิง…..พวกคุณจะเหลือชื่อฉันไว้ก็เหลือไป ถ้าไม่อยากเหลือไว้ก็ตัดออกไปซะ” เป่หมิงยันพูดเสร็จก็เปิดประตูออกไป

“ยันยัน นี่แก แกอยากให้ฉันโมโหตายหรือไง” เจียงฮุ่ยซินมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป มือหนึ่งของเธอจับที่หัวใจ อีกมือหนึ่งหายใจรัว ๆ

เป่หมิงเฟยหย่วนทั้งครอบครัวก็ได้แต่ยืนมอง ไม่ว่าจะช่วยฝั่งไหนก็คงจะไม่ดีเท่าไหร่นัก หากพูดถึงพวกเขาแล้ว ถึงแม้จะแซ่เป่หมิง แต่หากเกี่ยวกับสัมพันธ์แม่ลูกแล้ว ตัวเองก็ยังคงเป็น “คนนอก” อยู่ดี

ตลอดจนถึงเป่หมิงยันเปิดประตูออกไป เป่หมิงเฟยหย่วนก็ได้ออกหน้า “ป้าซิน ใจเย็น ๆ ก่อนนะ น้องสามไม่เคยทำงานกับพ่อมาก่อน เขาก็เลยรู้สึกไม่ค่อยจะอะไรมากมายเท่าไหร่ วันนี้เขาจะเข้าใจถึงตระกูลเป่หมิง ฉันคิดว่าเรื่องนี้ต่อให้เขาอยากจะช่วยก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก พวกเรามาช่วยกันคิดต่อกันเถอะ”

เจียงฮุ่ยซินที่โมโหลูกตัวเองมากมายอยู่ แต่พอฟังคำพูดของเป่หมิงเฟยหย่วนแล้ว ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา “เฟยหย่วนเอ๋ย คุณดูสิ ยันยันถูกฉันเลี้ยงให้เสียคน คุณก็ถูกฉันเลี้ยงตั้งแต่เล็กจนโตขึ้นมา เหมือนกับยันยันที่ฉันเห็นเป็นลูกแท้ ๆ แต่ตอนนี้ภาระอันหนักอึ้งของตระกูลเป่หมิงพวกคุณก็มีหน้าที่ที่ต้องแบกรับ ฉันรู้สึกอดไม่ได้จริง ๆ ”

เป่หมิงเฟยหย่วนเห็นเจียงฮุ่ยซินที่มีความเจ็บปวดใจ เขาก็เลยยื่นมือออกมาจับมือของเธอ

ซึ่งเปลี่ยนใบหน้าที่จริงใจและเมตตา มีท่าทีที่มีความมั่นใจและยืนหยัด “ป้าซิน คุณวางใจเถอะ คนที่เป็นลูกหลานตระกูลเป่หมิงจะต้องทุ่มเทที่สุดอย่างแน่นอน”

…..

กลางดึกในคืนนี้ เจียงฮุ่ยซินถูกเป่หมิงยี่เฟิงมายังส่งบ้านตระกูลเป่หมิง

โล่ฮาเพิ่งจะออกไป หยางหยางก็อยู่คนเดียวที่ห้องรับแขกเดินไปเดินมา

บาดแผลของเขาก็เริ่มเข้าที่และจะหายแล้ว หมอที่รักษาเขาบอกว่า ควรจะรออีกสักหลายวันเพื่อให้หายหมด

เขาเห็นเป่หมิงยี่เฟิงมาส่งคุณย่าแต่ไม่ได้เห็นอาสามก็เลยไปถามว่า

“คุณย่า ทำไมอาสามไม่กลับมาแล้วหรือ ? ฉันกำลังรอเขาพาฉันไปเล่นปืนในวันพรุ่งนี้อยู่เลย”

เป่หมิงยี่เฟิงเห็นหยางหยาง ก็เลยพูดว่า “น้องชายหยางหยาง คุณดูแลคุณย่าดีดีนะ วันนี้อารมณ์คุณย่าไม่ค่อยจะดีนัก”

หยางหยางรู้สึกเข้าใจในทันทีและพยักหน้า หลังจากนั้นก็มองไปยังเจียงฮุ่ยซิน ดูไปแล้วท่าทีและสีหน้าของเธอนั้นไม่เหมือนเดิมเลย

***

วันที่สอง เป่หมิงโม่เอารถกลับมาจอด แล้วก็จับโทรศัพท์จากฉิงฮัว

“เจ้านาย ฉันเพิ่งได้รับการแจ้งเตือน คุณชายยี่เฟิง ใช้อำนาจในฐานะของหุ้นที่สอง ไปเปิดประชุมที่ห้องประชุมชั้นบนสุด เรื่องราวน่าจะเกี่ยวกับเรื่องของบุคลากร”

เป่หมิงโม่ใบหน้าคิ้วขมวด เป่หมิงยี่เฟิงเพิ่งจะเงียบสงบไปทำไมกลับมาวุ่นวายอีกแล้ว การเปลี่ยนแปลงบุคลากร ? ซึ่งชัดเจนว่ากำลังจะเอาคนของตัวเองมาเข้าร่วมตระกูลเป่หมิงแน่นอน

“โอเค เข้าใจละ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”

เป่หมิงโม่ขึ้นลิฟต์ไปก็ถึงห้องประชุมชั้นบนสุด ในตอนนี้ ผู้ถือหุ้นของตระกูลเป่หมิงและผู้รับผิดชอบแผนกต่าง ๆ ก็มาพร้อมกันหมดแล้ว

พวกเขากำลังซุบซิบนินทากันอยู่ แต่พอเห็นเป่หมิงโม่เข้ามาก็ต่างเงียบกริบกันเลยทีเดียว สายตาทุกสายตามองไปยังเขาทั้งหมด

ซึ่งฉิงฮัวตามหลังมาติด ๆ และไปยืนข้างหลังเป่หมิงโม่

ห้องประชุมเงียบมากถึงมากที่สุด แต่กลับไม่มีเงาของเป่หมิงยี่เฟิง

ผ่านไปห้านาที ก็มีบางคนถึงกับนั่งไม่ติด นั่ง ๆ มอง ๆ นาฬิกา และยังมีบางคนหาวง่วงอีกด้วย

แต่เป่หมิงโม่ยังนั่งอยู่ พวกเขาก็เลยไม่อาจจะที่จะแสดงอาการออกมามากมาย

และแล้วก็ผ่านไปห้านาที ตอนนี้ประตูหน้าห้องประชุมก็ได้เปิดออกมา เป่หมิงยี่เฟิงที่กำลังเดินเข้ามา ถูกมองไปด้วยสายตาทั้งหมดในห้อง

พอเดินมองไปจนถึงที่นั่งของตัวเอง “ขอโทษทีทุกท่าน พอดีมีธุระด่วนนิดหน่อย เพื่อเป็นการขอโทษทุกท่าน มื้อกลางวันฉันขอเลี้ยงแล้วกัน”

เป่หมิงโม่มองไปยังเป่หมิงยี่เฟิงแล้วคิดว่า วันนี้ไอ้เด็กคนนี้หัวสมองมันคิดจะเล่นตลกอะไรอีก

เป่หมิงยี่เฟิงเดินมายังด้านหน้าของโต๊ะ “ทุกท่านกระผมจะไม่พูดอะไรมาก ทุกท่านคนรู้ว่าตระกูลเป่หมิงกำลังทำกิจการร่วมกับบริษัท GT มีการเปลี่ยนแปลงเกินขึ้นมากมาย ดังนั้นพนักงานก็คงจะไม่พอต่อการเรียกใช้ ในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้นที่สองของที่นี่ ก็จะต้องคิดและใคร่ครวญอยู่มากมาย สุดท้ายฉันก็คิดถึงวิธีหนึ่ง ก็คือแบ่งตระกูลเป่หมิงออกเป็นกลุ่มและตั้งกลุ่ม”

แบ่งกลุ่ม ? ตั้งกลุ่ม ?

ทุกคนที่นั่งอยู่ก็ต่างตกใจเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าเป่หมิงยี่เฟิงกำลังคิดกำลังทำอะไรอยู่

แม้แต่เป่หมิงโม่ที่นั่งอยู่ตรงนั้น ก็ยังกระตุกคิ้วของตัวเอง เขามองไปยังเป่หมิงยี่เฟิง “ผู้ดูแลเป่หมิง มีความคิดอะไรก็บอก ๆ ทุกคนฟังดู ทุกคนต่างมีงานต้องทำ ไม่มีเวลามากมายที่จะมาฟังคุณไร้สาระหรอกนะ”

เป่หมิงยี่เฟิงพยักหน้า “งั้นผมก็จะพูดแล้วนะ การทำกิจการกับบริษัท GT ฉันคิดว่ามีสองแผนกที่จะต้องแยกออกจากกัน หากสองแผนกนี้มีการเปลี่ยนแปลง คิดว่าจะต้องมีผลกระทบสั่นสะเทือนต่อตระกูลเป่หมิงแน่นอน”

***

เป่หมิงยี่เฟิงเห็นทุกคนมีอาการตอบสนองอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกถึงความแปลกใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาคาดเอาไว้แล้ว

แต่เขาหันมามองยังเป่หมิงโม่ ซึ่งเงียบอย่างผิดปกติมาก

เป่หมิงยี่เฟิงเคยคิดว่าหากเขาพูดคำนี้ออกไป คนแรกที่จะต้องลุกขึ้นมาไม่เห็นด้วยก็น่าจะต้องเป็นเป่หมิงโม่ ตัวเองจะเผชิญหน้ากับเขายังไง เขาก็ได้เตรียมการและคำพูดที่จะพูดเรียบร้อยแล้ว

แต่ดูแล้วน่าจะไม่ได้ใช้มันแล้วล่ะ แบบนี้ก็ดี ตัวเองจะได้ไม่ต้องพูดอะไรมากมาย

เขาได้ยืนมือออกมาแสดงถึงการให้ทุกคนเงียบลง “ขอให้ทุกคนรอผมพูดเสร็จก่อน พวกเราตระกูลเป่หมิงทำกิจการร่วมกับบริษัทGT ซึ่งมีจะต้องมีการงานที่มากมาย แผนกโครงการ แผนกธุรการเป็นแผนกที่สำคัญที่สุด ถึงเวลาหนึ่งสองแผนกนี้จะเจอกับปัญหาที่น่าจะยากที่สุด สำคัญที่สุดคือแผนกโครงการและธุรการ จะเอาไว้ที่ตระกูลเป่หมิงหรือเอาไว้ที่บริษัท GT ซึ่งฉันแนะนำว่า แผนกคือแผนกโครงการและแผนกธุรการ จะต้องมีบุคลากรที่ยอดเยี่ยม ความจริงแล้วที่ฉันพูดว่าจะแบ่งออก ความจริงแล้วก็คือการเปลี่ยนแปลงรูปโฉมเท่านั้นเอง ”

เป่หมิงยี่เฟิงหยุดพูด มองไปยังทุกคนแล้วยิ้มออกมา ดูไปแล้วทุกคนเหมือนจะยอมรับกับความคิดเห็นนี้

เป่หมิงโม่ได้ค่อย ๆ พูดออกมา “ผู้ดูแลเป่หมิง มีปัญหาหนึ่ง ก็คือการเพิ่มบุคลากรของสองแผนกนี้ จะต้องผ่านแผนกบุคคลก่อน คุณจะจัดการอย่างไร ? หนึ่งคนจะแบ่งจากหนึ่งเป็นสอง ซึ่งจะทำให้อำนาจมันลดลงไป ฉันอยากจะฟังความคิดเห็นอันสูงส่งของคุณหน่อย”

เป่หมิงยี่เฟิงหันไปพยักหน้าให้กับเป่หมิงโม่ “ขอบพระคุณการตักเตือนจากประธานเป่หมิง แต่ขณะที่ฉันตัดสินเรื่องนี้อยู่ ก็ได้เตรียมการจัดการทั้งหมดไว้แล้ว”

ขณะพูดอยู่ เขาก็ได้เดินไปยังประตูแล้วเรียกเข้ามา

คนที่เข้ามา ในมือก็ได้ถือโน๊ตบุ๊คหนึ่ง เขารีบนำโน๊ตบุ๊คมาขยายตรงที่เครื่องขยาย หลังจากนั้นก็ปิดไฟทั้งหมดลง ซึ่งเป็นรูปแผนผังขาวดำที่ปรากฏต่อหน้าของเป่หมิงโม่

เป่หมิงยี่เฟิงได้เอาปากกาเลเซอร์ชี้ไปยังด้านหน้าและอธิบาย “บริษัทGTมีชื่อเสียงในระดับประเทศ และทำกิจการร่วมกันกับพวกเรา เช่นนี้ฉันจึงคิดว่าจะต้องเอาคนในแผนกโครงการและแผนกธุรการประมาณหกสิบถึงเจ็บสิบเปอร์เซ็นต์ออกมาเป็นแผนกใหม่ หลังจากนั้นก็ประกาศรับสมัครคนเข้ามาใหม่ ซึ่งทำงานเกี่ยวกับของบริษัทGT โดนเฉพาะ และคนที่เหลือร้อยละสามสิบถึงสี่สิบก็ยังคงการทำงานอยู่ และก็ทำการเปิดสมัครคนใหม่เข้ามาทำงานของตระกูลเป่หมิง”

พอพูดถึงตรงนี้ หัวหน้าแผนกโครงการก็ได้ยกมือขึ้นมาถาม “คุณชายเป่หมิง “ฉันและผู้ดูแลธุรการที่ข้อสงสัยเหมือนกัน หรืออาจจะเป็นความสงสัยของทุกคนในนี้ ก็คือ คุณทำแบบนี้มันไม่เป็นการทำให้อำนาจในการทำงานต่าง ๆ ของตระกูลเป่หมิงน้อยลงไปหรือ ?”

“คุณพูดไม่ผิด แต่ผมไม่คิดว่ามันอ่อนลง แต่กลับเป็นการเพิ่มเติมสร้างเลือดใหม่ พวกเราเป็นโครงสร้างหลักของตระกูลเป่หมิง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ฉันได้คาดการณ์และคิดไว้แล้วว่า บริษัทของพวกเราไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย แต่กลับได้บุคลากรที่เก่งเพิ่มขึ้นอีก และส่วนที่แบ่งให้กับบริษัทGT ก็เป็นคนที่มีประสบการณ์แข็งแกร่ง การประกาศรับสมัครคนที่น้อยก็จะทำให้พวกเขาสามารถทำงานใหม่ ๆ ได้”

เป่หมิงยี่เฟิงอธิบายให้กับหัวหน้าแผนกเสร็จแล้วก็ไม่ได้มีความคิดอื่นอีกแล้ว

“เอาล่ะ ตอนนี้สิ่งสำคัญก็มาถึงละ คนที่จะเหลืออยู่ที่ตระกูลเป่หมิง คนที่จะต้องแยกออกไป ฉันคิดว่าประธานเป่หมิงคงอยากจะฟังคำอธิบายตรงนี้” เป่หมิงยี่เฟิงพูดอยู่ก็ได้ใช้ภาษามือไปยังหน้าประตู

หลังจากมือของเขาได้ลดลงมา ข้างนอกก็ได้มีคนเข้ามาสองคน

เป่หมิงโม่หันไป ก็ได้ขมวดคิ้วอีกครั้ง

***

เป่หมิงโม่ดูหน้าประตูที่มีคนเข้ามาสองก็คือเป่หมิงเฟยหย่วนและหลันเนี่ยน

เขาฟังเป่หมิงยี่เฟิงเสร็จแล้ว ก็เริ่มคิดว่าที่เขาทำเช่นนี้ก็คืออยากจะเอาคนของตัวเองเข้ามาแทรกแซงในตระกูลเป่หมิง เพื่อเพิ่มอำนาจ ไม่คิดว่าจะเอาพวกเขาเข้ามา

“ทุกท่าน ผมจะแนะนำสองคนอย่างเป็นทางการก่อนแล้วกันบุรุษท่านนี้คือลูกชายคนโตของตระกูลเป่หมิงเป่หมิงเฟยหย่วน” เป่หมิงยี่เฟิงขณะที่พูดอยู่ ยังตั้งใจมองไปยังเป่หมิงโม่

เห็นเพียงแต่เป่หมิงโม่นั่งนิ่งราวกับภูเขาไม่ขยับเคลื่อน ใบหน้าของเขากลับไม่มีความไม่เป็นตัวของตัวเองเลย

ต่อไปเป่หมิงยี่เฟิงก็ได้แนะนำหลันเนี่ยนให้กับทุกคน

ลูกชายคนโตของตระกูลเป่หมิงอยู่ที่นี่ เลยทำให้ทุกคนรู้สึกถึงความตกใจและตะลึง

พวกเขาเคยได้ยิน หลังจากที่เป่หมิงโม่เข้ามาดูแลบริษัทเป่หมิง ก็ได้จัดการกับคนในตระกูลของเป่หมิงให้ออกไปทีละคน ริบคืนแม้กระทั่งหุ้น

หลังจากที่เป่หมิงยี่เฟิงกลับมาในครั้งนี้ ทำให้สิ่งต่าง ๆ ที่เป่หมิงโม่ได้สร้างเอาไว้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง

ไม่คิดว่าการกระทำของเป่หมิงยี่เฟิงมันเป็นการกระทำที่ยิ่งใหญ่เหลือเกิน ซึ่งเชิญพวกเขากลับมา และยังแสดงถึงการจะเป็นศัตรูกับเป่หมิงโม่

ตอนนี้ สายตาของทุกคนได้มองไปยังเป่หมิงโม่ พวกเขาจะพูดว่าเขาจะตอบโต้ด้วยอะไร

ทั้งห้องประชุมได้เงียบขึ้นมาทันที แม้นแต่เป่หมิงเฟยหย่วนและหลันเนี่ยนก็มีความตื่นเต้นไปหมด

เป่หมิงโม่มองด้วยสายตาเยือกเย็นไปที่เป่หมิงเฟยหย่วนอยู่ประมาณห้านาที หลังจากนั้นพูดกับเป่หมิงยี่เฟิงว่า “คุณเตรียมจัดการกับสองคนนี้อย่างไร ?”

เป่หมิงยี่เฟิงยิ้ม อาสองคุณน่าจะรู้ชัดเจนกว่าผมนะ ว่าจะให้พวกเขาทำอะไร “คุณชายเป่หมิงเฟยหย่วน เป็นนักศึกษาที่จบจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ฉันอยากจะให้เขาเป็นคนดูแลแผนกโครงการ สำหรับคุณหญิงหลันเนี่ยน จบเศรษฐศาสตร์ไปดูแลด้านธุรการ ฉันคิดว่าปัญหาน่าจะมีไม่มาก ฉันคิดง่ายมาก ๆ พวกเขาล้วนเป็นคนตระกูลเป่หมิง ให้พวกเขาอยู่ที่ฝั่งของตระกูลเป่หมิงน่าจะเหมาะสมที่สุด”

เดิมพันรักยัยตัวแสบ

เดิมพันรักยัยตัวแสบ

Status: Ongoing

เธอเป็นหญิงสาวที่มีความลำบาก ตกลงเป็นแม่อุ้มบุญ เขาเป็น ประธานใหญ่ เธออ่อนโยนและน่ารัก เขาโหดร้ายและเย็นชา.

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท