ตอนที่ 770 คนเก่าแก่กลับมาพบกัน
ตอนนี้ลู่ลู่เห็นพวกเขาก็รู้สึกตกใจเช่นกัน ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ตอนที่เธอรู้ว่าเป่หมิงโม่และลูกสาวเธอมีลูกด้วยกันสองคน
เธอเห็นท่าทางของเป่หมิงโม่ ก็ไม่อาจจะไม่คิดเลยว่าผู้หญิงที่ถูกอุ้มคนนั้นจะเป็นลูกสาวกู้ฮอนไหม
ลูกสาวของเธอ ก็คือเป็นที่อาศัยสุดท้ายของเธอแล้ว ซึ่งกว่าจะหากันจนเจอก็ใช้เวลานานกว่ายี่สิบปี
หากลูกสาวตัวเองเกิดอะไรขึ้นไป เธอก็คงจะรับอะไรไม่ได้อีกเลย ไม่งั้นชีวิตของเธอหลังจากนี้ก็คงอยู่ไปไม่มีความหมาย
เธอเห็นเป่หมิงโม่เข้าไปห้องฉุกเฉิน และท่าทางที่รีบส่งเข้าไป
รอจนเธอมาถึงหน้าห้องฉุกเฉิน ก็เห็นเป่หมิงโม่และโม้จิ่งเฉิงเดินออกมา ซึ่งตอนนี้ไฟที่ห้องฉุกเฉินก็สว่างขึ้นมา
เป่หมิงโม่มีสีหน้าที่ค่อนข้างเคร่งขรึม โม้จิ่งเฉิงก็มีสีหน้าที่ไม่ดีนัก เขาได้ค่อย ๆ ตบไปตรงที่ไหล่เบา ๆ “คุณไม่ต้องเป็นห่วงมากหรอก ฉันคิดว่าคงไม่มีอะไรมากมาย อาจจะเป็นแค่การปวดหวดแล้วอาการกำเริบก็ได้ ”
ถึงแม้จะเป็นการปลอบใจเป่หมิงโม่ ในขณะเดียวกันก็กำลังปลอบใจตัวเอง
เป่หมิงโม่มีอารมณ์ที่สับสนวุ่นวาย เขามีความคิดอารมณ์ที่แย่ที่สุด
ขณะที่ยืนอยู่บนทางเดินก็กำลังหาที่นั่งอยู่ แต่ตอนที่เธอกำลังจะเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นลู่ลู่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา
“คุณป้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ? ”
ลู่ลู่เห็นโม้จิ่งเฉิง แต่ตอนนี้สิ่งที่เธอเป็นห่วงที่สุดก็คือคนที่เข้าไปเป็นลูกสาวตัวเองหรือไม่
ใบหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยความสับสนและตื่นเต้น และมองหน้าไปเป่หมิงโม่ด้วยความเคร่งขรึม แล้วพูดช้า ๆ ว่า “เป่หมิงโม่ ฉันเห็นคนพาผู้หญิงเข้ามาที่นี่ ฉันไม่ได้ชอบนินทาคนอื่นหรอกนะ แต่ตอนนี้อยากรู้ว่าเป็นลูกสาวฉันกู้ฮอนไหม ”
เป่หมิงโม่มองหน้าลู่ลู่แล้วส่ายหัว แล้วก็ยิ้มอย่างฝืนใจว่า “คุณป้า คุณวางใจเถอะไม่ใช่เธอแน่นอน”
เป่หมิงโม่ไม่อยากจะเอาเรื่องนี้บอกให้กับลู่ลู่รู้ เพราะว่าคนคนหนึ่งจะมายอมรับความเป็นความตายของคนคนหนึ่งได้อย่างไร และยังเป็นคนที่พลัดพรากจากลูกตั้งยี่สิบกว่าปี
ลู่ลู่ฟังคำตอบเสร็จแล้ว ก็เลยพยักหน้าขึ้นมา แล้วก็พูดพึม ๆ พำ ๆ ว่า “งั้นก็ดีแล้ว งั้นก็ดีแล้ว”
แล้วก็ค่อย ๆ บังคับรถออกไปจากที่นี่อย่างช้า ๆ
เธอถึงแม้จะรู้เรื่องของเป่หมิงโม่กับกู้ฮอน แต่เธอก็ไม่มีอารมณ์จะไปถามอะไรมากมาย
“ลู่ลู่ คุณรอสักครู่” โม้จิ่งเฉิงเรียกเขาด้วยความรวดเร็ว และเรียกให้เธอหยุด
ลู่ลู่หยุดการกระทำ แล้วก็หันมามองโม้จิ่งเฉิง “คุณชายโม้ มีเรื่องอะไรไหม ?”
โม้จิ่งเฉิงหามาเธอแล้วยิ้ม ๆ “ผ่านไปยี่สิบปีแล้ว ไม่คิดว่าจะพบเจอกันอีก”
ลู่ลู่เงยหน้าขึ้นมาแล้วก็พยักหน้าว่า “ใช่แล้ว ผ่านไปยี่สิบปีแล้ว เป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ ฉันก็ได้เห็นข่าวคราวทีวีที่คุณมาที่นี่ ดูแล้วคุณก็ผ่านมันไปได้ดีเลยนะ เป็นเถ้าแก่ใหญ่แล้ว”
“เถ้าแก่ใหญ่อะไรล่ะ ก็เป็นแค่เชื่อเฉยๆ ” โม้จิ่งเฉิงพูดเย้ยหยันตัวเอง
แล้วสีหน้าของเขาก็ได้เต็มไปด้วยความจริงใจ “ลู่ลู่ ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานแล้ว แต่ผมก็ยังไม่อาจจะลืมสิ่งที่หวีหรูเจี๋ยทำผิดกับคุณเลยนะ หลายปีมานี้ผมตามหาคุณ แต่อาจจะเป็นเพราะเบื้องบนไม่ชอบให้อภัยเธอ ดังนั้นทุกคนก็เหมือนกับคว้าน้ำเหลวกลับไป ตอนนี้ผมก็พบคุณแล้ว ขอให้คุณยอมรับการขอโทษจากผมแทนหรูเจี๋ยด้วยเถอะ”
โม้จิ่งเฉิงพูดถึงตรงนี้ เขาก็ได้โค้งคำนับลู่ลู่ที่นั่งอยู่บนวีลแชร์
ลู่ลู่มองโม้จิ่งเฉิง โดยเฉพาะที่ได้ยินชื่อของหวีหรูเจี๋ย ตอนที่ปีนั้นมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
ตาของเธอก็เริ่มมีความปริ่ม ๆ ของน้ำออกมา เธอได้เอามือของเธอมาเช็ดน้ำตาที่กำลังจะร่วงหล่น แล้วก็ถอนหายใจออกมา
เธอได้ยกมือแล้วโบกไปโบกมา “ช่างมันเถอะ ฉันรู้ว่าคุณรักหวีหรูเจี๋ยมากขนาดไหน และคุณยังพูดอีกว่า เรื่องมันเกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว และหรูเจี๋ยก็ได้ตายไปหลายปีแล้ว คนตายแล้ว ตายแล้ว ตายแล้วก็หมดแล้ว และตอนนี้ฉันยังได้ลูกสาวกลับมา คุณดูซิตอนนี้ฉันเหมือนกับคนที่จะเข้าโลงอยู่แล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่ดีกว่านี้อีกหรือ ? ”
“ลู่ลู่ ถึงแม้คุณจะพูดแบบนี้ ผมยังรู้สึกว่าจะต้องมีการทดแทนให้คุณเป็นสิ่งของหรือไม่ก็เงินอยู่ดี ไม่งั้นในใจก็คงไม่สุขแน่นอน และยังไม่ดีกับหรูเจี๋ยด้วย”
พอพูดถึงตรงนี้ ห้องฉุกเฉินก็ได้ดับลง เตียงหนึ่งหลังได้ถูกพยาบาลค่อย ๆ เลื่อนออกมา
เป่หมิงโม่รีบไปดู เขาได้มองไปยังคุณแม่ของเขา
เห็นเพียงเธอที่มีสภาพก่อนเข้ามาเหมือนกัน ซึ่งยังคงหลับตาอยู่แบบนั้น ใบหน้าที่ซีดจนไม่เหลืออะไร
***
โม้จิ่งเฉิงได้หยุดการสนทนาระหว่างลู่ลู่ ใบหน้าที่ตื่นเต้น เขารับไปยังข้าง ๆ หวีหรูเจี๋ย หลังจากนั้นก็พูดกับหมอว่า “ภรรยาผมเป็นอย่างไรบ้างขอรับ มีอันตรายไหม ?”
หมอถอดหน้ากากพูดว่า “คุณชายโม้ คุณวางใจเถอะ พวกคุณมาส่งทันเวลา พวกเราตอนนี้ได้ควบคุมสถานการณ์โรคแล้ว แต่จะต้องได้รับการตรวจเช็คเป็นระยะ ๆ”
โม้จิ่งเฉิงและเป่หมิงโม่ก็ได้ถอนหายใจออกมา
“หรูเจี๋ย ไม่คิดว่าคุณยังมีชีวิตอยู่” ซึ่งในตอนนี้ ลู่ลู่ได้ยินพวกเขาพูดกัน และได้ไปมองยังเตียง เลยทำให้เธอตกใจขีดสุด
เป่หมิงโม่และโม้จิ่งเฉิงมีความเข้าใจ เป่หมิงโม่พูดกับโม้จิ่งเฉิงว่า “ฉันไปจัดการห้องให้กับเธอก่อน”
ขณะที่พูดอยู่เขาก็ได้พาหวีหรูเจี๋ยออกไปจากห้องฉุกเฉิน
เป่หมิงโม่ไม่ได้ไปสนใจอะไร เพราะว่าให้พวกเขาไปจัดการเงอเถอะ
ความจริงเขาก็รู้ ต่อให้ตัวเองออกหน้าก็ไม่ได้ทำให้ปัญหามันหายไป เพราะตอนเองไม่ใช่เป็นคนในตอนนั้น
ลู่ลู่นั่งอยู่บนรถวีลแชร์ เธอเห็นหวีหรูเจี๋ยปรากฏอยู่ข้างหน้าเธอ ใบหน้าเธอก็ซีดขึ้นมาอีกครั้ง
สายตาของเธอได้มองไปยังคนบนเตียงอย่างเดียว แล้วพูดว่า “เธอยังไม่หาย คุณยังมีชีวิตอยู่……”
ความลับที่เก็บเอาไว้ยี่สิบกว่าปี สุดท้ายก็ถูกเปิดเผยออกมา โม้จิ่งเฉิงไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้เลย
เขาเดินมาข้างหน้าลู่ลู่ แล้วก็นั่งลง มองสายตาของเธอพูดว่า “ลู่ลู่ หลายปีมานี้พวกเราหลอกคุณแล้ว แต่พวกเราก็มีความขมขื่นในใจ หากคุณอยากจะฟัง ฉันก็จะพูดให้ฟัง”
พอพูดเสร็จ สายตาลู่ลู่ก็เริ่มมัวหมองเพราะน้ำตา
เธอมองไปยังโม้จิ่งเฉิง แล้วยิ้มแสยะออกมา “ดูแล้วเมื่อสักครู่นี้ฉันคงมองไม่ผิด เธอยังมีชีวิตอยู่ และคิดไม่ถึงเลยว่า ผ่านไปหลายปี ฉันยังจะเห็นเธออีก โม้จิ่งเฉิงเมื่อสักครู่นี้ฉันคิดว่าคุณมาด้วยความจริงใจ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกถึงการดูถูกคุณ ซึ่งไม่คิดว่าคุณจะเอาเรื่องเป็นตายมาหลอกฉันถึงยี่สิบกว่าปี หากไม่ใช่วันนี้เห็นเผอิญมาเห็น ฉันคิดว่าเรื่องนี้ก็น่าจะยังปิดบังอยู่ต่อไป อาจจะรอฉันตายไปแล้ว พวกคุณก็จะมาบอกที่หน้าหลุมศพว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม ?”
โม้จิ่งเฉิงถูกลู่ลู่พูดด้วยเช่นนี้ จนไม่อาจจะมีคำเถียงออกมาได้เลย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความละอายใจ
“เห้อ…..” ลู่ลู่เห็นท่าทางของเขาเป็นเช่นนี้ แล้วก็ยิ้มแสยะออกมา “เสียดายที่ฉันช่วยคุณไว้มากมาย แต่กลับมาเป็นตอนนี้คืออะไร ? คนหนึ่งทิ้งลูกของฉันให้ตายไป อีกคนหนึ่งหลอกฉันมาเป็นยี่สิบปี พวกคุณนี่เป็นคู่ครองที่ดีจริง ๆ เลยนะ เหมาะสมกันจนไม่มีที่ติ สำหรับคำอธิบายของคุณ ฉันไม่อยากจะให้โอกาสอีกแล้ว หลังจากนี้พวกเราเดินบนทางเดียวกัน ก็จะไม่รู้จักกันอีกต่อไป พวกคุณไม่ต้องมาหาฉัน และไม่ต้องไปรบกวนลูกสาวฉันอีก ฉันไม่อยากให้ลูกสาวฉันทำงานให้พวกคุณคนแบบนี้ เมื่อก่อนอาจจะเสียเธอไปได้ แต่ตอนนี้อาจจะหลอกเธอไปทำอะไรเรื่องอีกอื่นแน่นอน”
ลู่ลู่พูดเสร็จ ก็ได้หมุนวีลแชร์ออกไปจากตรงนี้ ออกจากตรงที่ที่ทำให้เธอเสียใจ
ตอนนี้ เธอก็คิดได้อย่างหนึ่ง “ไม่อยากจะอยู่โรงพยาบาลนี้แล้ว อยู่ที่เดียวกันคนหลอกลวง ทำให้เธอรู้สึกถึงความอับอาย”
ลู่ลู่ได้กลับมายังห้องของตัวเอง และเก็บของของตัวเอง
“คุณแม่ ทำอะไรล่ะ ?”
ขณะที่ลู่ลู่กำลังเก็บของตัวเองและเสื้อผ้าเข้าไปในกระเป๋าเดินทาง
แล้วก็ได้ยินเสียงของกู้ฮอนที่ดังออกมา
***
กู้ฮอนวันนี้กำลังประสบความสำเร็จกับศาล ซึ่งได้ช่วยผู้หญิงที่หมดหวังอาลัยในการแย่งชิงลูกกลับคืนมาจากสามี
ขณะที่ศาลกำลังตัดสินให้พวกเธอชนะคดี กู้ฮอนในใจก็เต็มไปด้วยความสำเร็จและมั่นใจมากยิ่งขึ้น
เธอยิ้มให้กับคนที่ขอให้เธอช่วย
พวกเธอที่กำลังออกมาจากศาล เธอรู้สึกว่าท้องฟ้าสดใสกว่าทุกวัน แสงอาทิตย์ที่เจิดจ้า
ตอนที่จะแยกกับคนที่ขอให้เธอช่วย คุณแม่ที่มีอำนาจในการเลี้ยงลูกอย่างถูกกฎหมาย ที่สองมือนั้นจับมือของกู้ฮอนอย่างแน่นและเต็มไปด้วยน้ำตาพูดว่า
“ทนายกู้ ขอขอบพระคุณมาก ๆ เลยนะที่คุณสามารถช่วยให้ลูกฉันกลับคืนมาได้ อยากจะรู้ว่าผู้เป็นแม่ที่เสียลูกรักไป มันจะต้องเป็นเรื่องที่เสียใจมาก ๆ แน่นอน”
“คุณหญิงหลี่ ขอเกรงใจไม่ต้องมีมากมายหรอก ฉันก็เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ฉันก็เคยเจอเรื่องราวแบบนี้เหมือนกัน แต่ตอนนี้ฉันไม่ได้มีความโชคดีแบบคุณไงล่ะ ไม่อาจจะเอาลูกของตัวเองกลับคืนมาได้ ดังนั้นฉันเลยเรียนกฎหมาย ใช้กฎหมายมาป้องกันตัวให้ฉัน และยังช่วยคนอื่นเอาอิสรภาพและอำนาจของตัวเองกลับมา กู้ฮอนพูดถึงความในใจซึ่งขณะนั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจที่สุด”
“หญิงชั่ว อย่าเพิ่งดีใจไป ข้านี่มีเงินมากมาย ได้เชิญทนายมามากมายแล้ว ข้าไม่ให้เอ็งเอาลูกกลับไปหรอกโว้ยยยย เขาแซ่หลิว จะต้องเป็นคนของตระกูลหลิว”
คนที่พูดอยู่ตรงนั้นก็คือคนที่ถูกฟ้องร้องจนหมดทางสู้ สูงประมาณร้อยเจ็ดสิบกว่า และกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยหยัก
กู้ฮอนได้เอาคนที่มาช่วยเหลืออยู่ข้างหลังเธอ แล้วก็พูดกับชายคนนั้นว่า “ไม่ว่าคุณจะเอาทนายคนไหนมา ก็ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงเรื่องจริงได้หรอก ฉันขอให้คุณไปจัดการกับตัวเองจะดีกว่า ไปคิดคิดดูว่าตัวเองทำอะไรผิดบ้าง”