ตอนที่ 771 รถเก๋งสีขาวของชายหนุ่ม
ชายหน้ารอยหยักมองมาที่กู้ฮอน มุมปากยกขึ้น มองเธอเหยียดๆ จากนั้นก็ยกนิ้วโป้งขึ้นมาชี้ที่จมูกของตัวเองแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าดูหมิ่นว่า “สาวน้อย คุณก็อย่าไม่มีเหตุผลไปหน่อยเลย ในเมือง A แห่งนี้มีใครไม่รู้จักชื่อของผมบ้าง ตอนที่กลับบ้านก็ระวังตัวเอาไว้ให้ดี ถ้าหากว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วล่ะก็ ใบหน้ารูปไข่ที่งดงามของคุณก็คงจะ…….หึๆๆ”
เห็นท่าทางเย่อหยิ่งถือตัวของเขาแล้ว กู้ฮอนก็โกรธเป็นอย่างมาก “คุณรู้หรือไม่ว่า อาศัยเพียงแค่ประโยคนี้ ฉันก็สามารถฟ้องร้องว่าคุณข่มขู่ฉันได้แล้ว ที่นี่เป็นสังคมที่มีระบบกฎหมาย คงจะทำตามอย่างที่ใจคุณต้องการไม่ได้”
“ดี ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็มารอดูกัน ถึงเวลานั้นคุณก็อย่าเสียใจภายหลังก็แล้วกัน” เขาเอ่ยแล้วก็ยื่นมือโบกไปมาเบาๆ
กลุ่มวัยรุ่นอันธพาลมารวมตัวกันอยู่หน้าประตูศาลไม่น้อยในทันที
ชายหน้ารอยหยักเดินกร่างวางท่าออกไป จากนั้นก็หันกลับมาพูดกับกู้ฮอนว่า “ผมจะดูว่าคุณมีความกล้าที่จะเดินออกไปจากที่นี่หรือไม่”
“ทนายกู้ ฉันว่าพวกเราแจ้งตำรวจก่อนเถอะค่ะ เขาคนนี้พูดได้ก็ทำได้” หญิงสาวแซ่หลี่รีบจับแขนเธอเอาไว้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกตึงเครียด
กู้ฮอนมองไปที่ชายหน้ารอยหยัก ความรู้สึกที่อยู่ในใจนั้นแทบจะกดเอาไว้ไม่อยู่บ้างแล้ว เธอมีความรู้สึกหุนหันพลันแล่นอยากจะเดินออกไปทั้งอย่างนี้ ดูสิว่าพวกเขาจะสามารถทำอะไรกับตัวเองได้เมื่ออยู่หน้าประตูศาล
***
ในเวลานั้นเอง เสียงคำรามของเครื่องยนต์ก็ดังมาจากที่ไกลๆจนเข้ามาในระยะใกล้ ชายหน้ารอยหยักพากลุ่มลูกน้องถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เผยให้เห็นทางเส้นเล็กๆเส้นหนึ่ง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันนี้ ทำให้ชายหน้ารอยหยักรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง เขากำลังจะสั่งสอนกู้ฮอนแต่การปรากฏตัวขึ้นของรถคันนี้กลับทำลาย ‘ความสนุก’ ของเขาไป
เขาหันหน้ากลับไปมอง ถุยน้ำลายลงบนพื้น จากนั้นก็มองไปยังรถที่ยังไม่ได้ดับเครื่องยนต์คันนั้นอย่างไม่คลาดสายตา “เฮ้ รีบขับรถออกไปเดี๋ยวนี้นะ อย่ามาเกะกะบิดาตรงนี้”
……
รถคันนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะเคลื่อนตัว
“ปังๆ……”
ชายหน้ารอยหยักเห็นรถไม่ขยับ เขาก็รู้สึกอับอายขึ้นมาเล็กน้อย จึงใช้มือตบลงไปที่หน้าคันรถขาวอย่างวางท่า
ในพริบตาสีขาวสะอาดเคลือบเงาก็มีรอยฝ่ามือสีดำเพิ่มขึ้นมา
ตอนนั้นเองที่ประตูรถเปิดออก ชายหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่งลงมาจากรถ เขาสวมชุดสูทสีขาวที่เข้าคู่กันกับรถคันนี้เป็นอย่างมาก
เขายืนอยู่เบื้องหน้าชายหน้ารอยหยัก สูงกว่าเขาช่วงศีรษะหนึ่งเต็มๆ แต่รูปร่างก็บางกว่าเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด
ชายหนุ่มคนนั้นมองรอยฝ่ามือบนหน้ารถแล้วก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆว่า “นี่คือรอยที่คุณตบหรือ”
ชายหน้ารอยหยักมองพิจารณาชายหนุ่มที่ยืนอยู่เบื้องหน้าขึ้นๆลงๆอยู่ชั่วครู่ แม้ว่าเขาจะสูงกว่าตัวเองหนึ่งช่วงศีรษะ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกถึงความหวาดกลัวแม้แต่นิดเดียว แต่กลับยิ่งเพิ่มความกร่างมากขึ้นไปอีก
เขาหัวเราะเสียงเย็น “เป็นฉันที่ตบเอง แล้วจะอย่างไร ถ้าหากว่าคุณฉลาดสักหน่อย ก็เปิดทางถอยให้กับพวกเราเสีย”
กู้ฮอนที่ยังยืนอยู่ด้านในประตูศาลในตอนนั้น เมื่อเธอเห็นชายหนุ่มลงมาจากรถก็มองออกทันทีว่าเป็น Noton
เธอรู้ชัดเจนแจ่มแจ้งว่าชายหน้ารอยหยักคนนั้นเป็นคนประเภทไหน อีกทั้งตอนนี้ข้างกายเขาก็ยังมีลูกน้องปรากฏตัวเพิ่มขึ้นมาอีกไม่น้อย เธอกังวลมากว่า Noton จะเสียเปรียบเอา
เธอรีบเดินอ้อมหน้ารถไปถึงข้างกายถังเทียนจื๋อ ยื่นมือไปดึงแขนเขาเบาๆ กระซิบกับเขาว่า “Noton คุณรีบไปเถอะ พวกเขาเหล่านี้ล้วนเป็นพวกอันธพาลไร้มารยาท ฉันจะไปแจ้งตำรวจแล้ว สำหรับคนประเภทนี้ต้องให้ตำรวจมาจัดการเก็บกวาดพวกเขา”
ถังเทียนจื๋อหันหน้ามามองกู้ฮอน ใบหน้าของเธอตึงเครียดเล็กน้อย
เขายิ้มบางๆ “คุณเข้าไปนั่งรอผมในรถก่อน รับมือกับคนไม่กี่คนไม่ต้องให้ตำรวจออกหน้าหรอก”
เขาเอ่ยแล้วก็เปิดประตูให้กู้ฮอนเขาไปนั่งในรถอย่างสุภาพบุรุษราวกับว่ารอบด้านไม่มีคนอื่น ทั้งยังให้เธอล็อคประตูรถให้ดี
เป้าหมายของชายหน้ารอยหยักก็คือกู้ฮอน เมื่อเห็นเธอขึ้นรถแล้ว จะปล่อยให้เธอจากไปอย่างปลอดภัยโดยไม่มีเรื่องอะไรได้อย่างไรกัน
เขายกนิ้วขึ้นมา เหล่าลูกน้องด้านหลังก็กรูเข้ามาขวางทางรถคันนี้เอาไว้
“พวกคุณหมายความว่าอย่างไร”
ชายหน้ารอยหยักชี้ไปที่กู้ฮอนที่อยู่ในรถ “ทิ้งเธอไว้ให้กับพวกเรา” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยการข่มขู่อย่างชัดเจน
แน่นอนว่าถังเทียนจื๋อก็ไม่ได้ถูกคำพูดข่มขู่ไม่กี่ประโยคทำให้ตกใจ “คนคนนี้ผมจะต้องพาไปด้วยให้ได้ ถ้าหากว่าพวกคุณไม่อยากมีปัญหาก็เปิดทางให้ผมเสีย แล้วก็เช็ดรอยอุ้งเท้าของคุณที่ทิ้งเอาไว้ให้สะอาดด้วย”
“หือ ดูท่าว่าคุณอยากจะมีเรื่องกับผมใช่หรือไม่ แล้วก็ไม่รู้จักถามว่าผมเป็นใคร ในเมื่อคุณไม่รู้จักดีชั่ว อย่างนั้นผมก็จะสั่งสอนให้คุณได้รู้เอาไว้!” ดูท่าชายหน้ารอยหยักจะถูกถังเทียนจื๋อยั่วจนโมโหแล้ว
ดีร้ายอย่างไรเขาก็เป็นถึงลูกพี่ใหญ่ในพื้นที่แห่งนี้ การแพ้คดีก็ทำให้ในใจเขาโมโหมากแล้ว ตอนนี้ยังมีชายหนุ่มอีกคนหนึ่งกระโดดออกมาท้าทายเขาอีก
***
ในตอนนั้นเขาแทบจะอดทนไม่ไหวแล้ว มือกำหมัดจนมีเสียงดัง “กร๊อบๆๆ”
ตอนนี้เองก็มีลูกกระจ๊อกท่าทางอันธพาลสี่คนเดินมาจากด้านหลังเขา พวกเขาเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามมีแค่คนเดียว ก็อยากจะหาความดีความชอบให้กับตัวเองต่อหน้าลูกพี่ “ลูกพี่ใหญ่ ลูกพี่ไม่ต้องลงมือเองหรอก พวกเราก็สามารถจัดการกับไอ้หมอนี่ได้แล้ว”
เอ่ยจบ ลูกกระจ๊อกแต่ละคนก็ไปยืนจังก้าอยู่เบื้องหน้าถังเทียนจื๋อ
กู้ฮอนนั่งอยู่ในรถ มองสถานการณ์ด้านนอกผ่านกระจกรถอย่างเป็นกังวลอยู่บ้าง
ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง เมื่อเผชิญหน้ากับเหล่าชายหนุ่มที่มีท่าทางน่ารังเกียจแบบนี้ แม้ว่าภายนอกจะแสดงท่าทางเข้มแข็งมากออกมา แต่ว่าก็ยังเป็นผู้อ่อนแออยู่ดี
ในสถานการณ์ที่อันตรายก็ยังคงต้องการคนมาช่วยเหลือเธอ
ถังเทียนจื๋อก็ปรากฏตัวออกมาในตอนนี้ เพียงแต่เขาโดดเดี่ยว พละกำลังน้อย เมื่อเผชิญหน้ากับกลุ่มอันธพาลชั่วร้ายพวกนี้ เรื่องอะไรพวกเขาล้วนทำออกมาได้
กู้ฮอนอดไม่ได้ที่จะกังวลถึงความปลอดภัยของถังเทียนจื๋อ
เพียงแต่ ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที เธอก็รู้สึกว่าความกังวลของเธอนี้ดูแล้วจะคิดมากไปเอง
ตามองดูถังเทียนจื๋อที่คนน้อยกว่าโจมตีลูกกระจ๊อกสี่คนที่เตรียมเอาความดีความชอบล้มลงบนพื้นอย่างสบายๆ
ถังเทียนจื๋อปรบมือเบาๆ มองไปที่ชายหน้ารอยหยัก “พวกคุณจะยอมเปิดทางเส้นนี้ให้หรือไม่”
เหตุการณ์ที่เปลี่ยนไปในพริบตานั้น ไม่เพียงแต่ชายหน้ารอยหยักแต่กระทั่งเหล่าลูกน้องที่เหลืออยู่หลายคนก็ล้วนตะลึงค้างไปแล้ว
เรื่องราวดำเนินมาจนถึงตอนนี้ ชายหน้ารอยหยักเห็นว่าฝ่ายตัวเองเสียเปรียบแล้วก็กลายเป็นสุนัขจนตรอกอย่างเลี่ยงไม่ได้ นิสัยของอันธพาลก็โผล่ขึ้นมา
“พวกเราลุยพร้อมกัน สั่งสอนไอ้หมอนี่หนักๆสักรอบ!” เขาเอ่ยสั่งคำหนึ่ง คนเจ็ดแปดคนโจมตีไปที่ถังเทียนจื๋อพร้อมๆกัน
กู้ฮอนเห็นฝีไม้ลายมือเมื่อครู่ของถังเทียนจื๋อ ถึงจะรู้ว่าเขาชกต่อยเก่งมาก แต่ตอนนี้จำนวนคนมากขึ้น ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะเป็นห่วงเขาอีกครั้ง
การดีดลูกคิดรางแก้วของชายหน้ารอยหยักในครั้งนี้ยังคงดีดพลาด ไม่ถึงสามนาทีแต่ละคนก็เริ่มร้องเรียกหาบิดา ร้องไห้หามารดาแล้ว
ชายหน้ารอยหยักไม่เสียแรงที่เป็นลูกพี่ใหญ่ของสมาคม สามารถยืนหยัดได้เป็นเวลานานเล็กน้อย แต่สุดท้ายแล้วก็ยังคงถูกถังเทียนจื๋อจับลำคอกดเข้ากับหน้ารถด้วยมือเดียวอยู่ดี
ถังเทียนจื๋อหันหน้ามายิ้มบางๆให้กับเขา “ยังมีคนอื่นที่เป็นลูกน้องของคุณอีกไหม จะเรียกมาให้หมดเลยหรือเปล่า ผมไม่มีเวลามากมายจะมาเล่นกับพวกคุณหรอกนะ”
ในตอนนั้นเครื่องยนต์ชองรถยังคงทำงานอยู่ อุณหภูมิบนฝากระโปรงหน้ารถค่อนข้างสูง
ใบหน้าของชายหน้ารอยหยักแนบอยู่บนนั้นก็ถูกลวกจนร้องออกมาราวกับหมูถูกเชือดอย่างไรอย่างนั้น
เขาเอ่ยเสียงขาดๆหายๆว่า “ผมมีตาแต่ไร้แวว ขอร้องคุณปล่อยผมไปเถอะ หลังจากนี้ผู้น้อยไม่กล้าอีกแล้ว”
ถังเทียนจื๋อนั้นก็ถือว่าใจร้ายมากพอ เขาบีบเข้าที่ลำคอของชายหนุ่มคนนั้น ใช้ใบหน้าของเขาเช็ดรอยฝ่ามือไปมาเหมือนกับผ้าขี้ริ้วจนเกิดเสียง ‘ปื๊ดๆ’ ขึ้น
จนกระทั่งรอยมือถูกเช็ดจนสะอาดแล้ว ถังเทียนจื๋อจึงโยนเขาไปอีกทาง มองก็ไม่มองเขาสักครั้ง จากนั้นก็เข้าไปนั่งในรถแล้วขับจากไป
“ผมจะส่งคุณกลับไปที่สำนักงาน” ถังเทียนจื๋อเอ่ยขณะขับรถ
กู้ฮอนพยักหน้า “เรื่องวันนี้โชคดีที่คุณปรากฏตัวขึ้นได้ทันเวลา ขอบคุณนะคะ”
ถังเทียนจื๋อยิ้มบางๆ “ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ ผมก็เพียงแค่บังเอิญผ่านไปเห็น หลังจากนี้คุณก็ระวังหน่อย”
ถึงแม้จะพูดเช่นนี้ แต่เมื่อเขารู้ว่ากู้ฮอนเป็นลูกสาวแท้ๆของอาจารย์ตัวเองแล้ว ก็แอบทำภารกิจดูแลปกป้องเธออย่างเงียบๆ
ในตอนนี้เองที่โทรศัพท์ของกู้ฮอนดังขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นเป่หมิงโม่ที่โทรมา
“ฮัลโหล มีเรื่องอะไรหรือ อืม อืม……ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้” กู้ฮอนวางสายโทรศัพท์ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “Noton รบกวนคุณขับรถไปส่งฉันที่โรงพยาบาลหน่อยค่ะ”
***
กู้ฮอนรีบร้อนมาถึงห้องพักผู้ป่วยของลู่ลู่ที่โรงพยาบาลก็เห็นว่าคุณแม่กำลังเก็บเสื้อผ้าและของใช้ของตัวเอง
“คุณแม่ คุณแม่กำลังทำอะไรคะ”
ลู่ลู่หยุดกิจกรรมในมือ หันหน้าไปมองก็เห็นว่าลูกสาวตัวเองมาแล้ว
กู้ฮอนเห็นสีหน้าของคุณแม่ดูไม่ดีเป็นอย่างมาก ก็รีบเดินไปที่ข้างกายเธอ “คุณแม่คะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมจะต้องเก็บของพวกนี้ด้วยคะ”
“เป็นเป่หมิงโม่ที่โทรเรียกให้ลูกมาสินะ”
คำพูดของคุณแม่ทำให้กู้ฮอนรู้สึกตกใจเล็กน้อย เธอรู้ได้อย่างไรกัน หรือว่าเป่หมิงโม่จะทำให้คุณแม่โกรธกัน
แต่อาศัยความเข้าใจที่เธอมีต่อเป่หมิงโม่ เขาจะไม่มาที่นี่โดยไม่มีเหตุผล
ลู่ลู่เห็นท่าทางตะลึงของลูกสาว ในใจของเธอก็รู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อย “ฮอน แม่เคยบอกกับลูกแล้วไม่ใช่หรือว่า อย่าไปมาหาสู่กับคนตระกูลเป่หมิง ทำไมลูกถึงไม่ฟังล่ะ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่แม่ได้ยินหรือเห็นว่าพวกลูกอยู่ด้วยกัน”
ในใจกู้ฮอนรู้สึกน้อยใจอยู่บ้าง “คุณแม่ หนูทำอย่างที่คุณแม่ต้องการมาโดยตลอด แต่ว่าเขาก็เป็นถึงบิดาผู้ให้กำเนิดเด็กๆ การติดต่อกันเป็นเรื่องยากที่จะเลี่ยง เขาทำให้คุณแม่โมโหใช่หรือไม่ เมื่อสักครู่หนูเพิ่งออกมาจากศาล ก็ได้รับโทรศัพท์ที่เขาโทรหาหนู แต่ว่าไม่พูดอะไรเลย”
“เขาไม่ได้ทำให้แม่โกรธ วันนี้แม่เห็นโม้จิ่งเฉิงกับเขาปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันที่โรงพยาบาล พวกเขาส่งผู้หญิงคนหนึ่งไปที่ห้องฉุกเฉินด้วยสีหน้าท่าทางตึงเครียดมาก อีกทั้งความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นก็ไม่ถือว่าแย่
เธอส่ายศีรษะไปมาราวกับหุ่นยนต์
ลู่ลู่เอ่ยต่อว่า “เดิมแม่นึกว่าเกิดเรื่องขึ้นกับลูกแล้ว แต่เมื่อแม่ตามไปดูแล้วก็พบว่าคนนั้นกลับเป็นหวีหรูเจี๋ย”
เธอเอ่ยด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด ทั้งยังโมโหเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด “ในอดีต แม่คิดว่าเธอตายแล้วมาโดยตลอด แต่เมื่อลูกกลับมาที่ข้างกายแม่อีกครั้ง แม่ก็เคยคิดว่าในเมื่อเธอตายไปแล้ว แม่ก็ไม่จำเป็นต้องโกรธเกลียดคนที่ตายไปแล้วคนหนึ่งอีก แต่คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่า เพื่อที่จะหลบหนี เธอกลับแสร้งทำเป็นตายไปแล้วถึง 20 กว่าปี ฮอน ลูกช่วยแม่เก็บของพวกนี้สักหน่อย แม่ไม่อยากอยู่ที่นี่ แม้ว่าพวกเราจะอยู่โรงพยาบาลเดียวกันก็ไม่ได้”