ตอนที่ 764 คู่รำของคุณล่ะ
“ยันยัน พวกคุณทำอะไรกันน่ะ ?” เจียงฮุ่ยซินถาม
เป่หมิงยันได้ตบไปที่กระเป๋าเทนนิสของตัวเอง “พาหยางหยางไปตีเทนนิส”
“คุณไม่เห็นขาของหยางหยางหรือ จะไปวิ่งไปกระโดดได้อย่างไร ทำไมไม่ใช้สมองคิดให้มากกว่านี้” เจียงฮุ่ยซินก็พูดกับลูกชายของตัวเอง แล้วก็พูดกับหยางหยางว่า “หลานรัก คุณอาสามออกไป ก็ไม่ต้องไปด้วยแล้ว หากรักษาดีแล้ว จะพาไปตีเทนนิสนะ”
ขณะที่เจียงฮุ่ยซินพูดกับหยางหยางและเป่หมิงยันอยู่ เป่หมิงโม่ก็เหมือนกับไม่ได้รับรู้อะไรเช่นนั้น ซึ่งได้เข้าไปยังห้องสมุดอย่างเงียบ ๆ
***
เวลาก็ร่วงเลยผ่านไป เป่หมิงยันก็ยังไม่ได้พาหยางหยางออกไป
หยางหยางไม่ได้ออกไปกับคุณอาสามก็เลยรู้สึกถึงความโมโห เขาก็ได้ถอนหายใจแล้วก็ไปที่ห้องนอนตัวเองเล่นเกม
พระอาทิตย์ตกลง ไฟแสงประดับตามพื้นที่ ในเมืองAได้มีแสงไฟมากมายสวยงาม ทำให้รู้สึกถึงความงดงามและหรูหรา
เป่หมิงโม่กลับมายังบ้านตระกูลเป่หมิงก็ไม่ได้โทรหากู้ฮอนเลยแม้แต่สายเดียว
ก้มหน้ามองนาฬิกา ตอนนี้ควรจะต้องเตรียมตัวออกไปร่วมงานแล้ว เขาได้เปลี่ยนเสื้อเป็นชุดสูท แล้วขับรถไปยังโรงแรมแมนดาริน
***
ในห้องโถงของโรงแรมแมนดาริน ณ ตอนนี้มีแสงไฟประดับมากมาย พนักงานก็ต่างวุ่นวายกับงานเต้นรำที่จะเกิดขึ้น
โม้จิ่งเฉิงได้อยู่ในห้องชุดสูทหรูหรา ที่กำลังจัดเสื้อผ้าของตัวเองอย่างเรียบร้อย
หวีหรูเจี๋ยยืนอยู่ข้างเขา แล้วมีใบหน้าที่ค่อนข้างสับสน “ไม่รู้ว่าเป่หมิงโม่และกู้ฮอนจะเข้าร่วมงานไหม”
โม้จิ่งเฉิงได้จัดการกับชุดของตัวเองเสร็จแล้ว หลังจากนั้นก็ยิ้มให้หวีหรูเจี๋ยพูดว่า “คุณวางใจเถอะ ฉันมีความรู้สึกว่าพวกเขาจะมา”
ขณะพูด เขาก็มีบางคำพูดที่รู้สึกเสียดายว่า “ความจริงแล้วงานเต้นรำครั้งนี้เป็นการเตรียมเพื่อคุณเลยนะ แต่เสียดายที่คุณไม่ได้มาเข้าร่วมด้วยตัวเอง มันรู้สึกที่เสียดายมาก ๆ เลย”
หวีหรูเจี๋ยยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่าคุณดีกับฉันมาตลอด ฉันจะใช้ใจไปสัมผัสกับงานนี้อย่างแน่นอน และยังหวังว่าพวกคุณจะมีความสุข ฉันไม่ได้หวังว่าจะใช้งานเต้นรำมาแก้ไขปัญหาระหว่างฉันกับเป่หมิงโม่ แต่หวังว่ามันจะเป็นโอกาสที่ดี”
เธอพูดแล้วก็มองนาฬิกาตัวเอง “เอาล่ะ เวลาก็จะถึงแล้ว คุณลงไปเถอะ”
***
บริษัทGTได้จัดงานเต้นรำที่โรงแรมแมนดาริน ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบอย่างมากในเมืองA
ขณะหนึ่ง ห้องโถงของโรงแรมแมนดาริน ก็ได้มีผู้คนอื่นมากมายหลั่งไหลเข้ามา
เวลาสองทุ่ม เสียงเวลาได้ดังขึ้น ขณะที่แสงไฟได้ส่องมายังตัวเขาโม้จิ่งเฉิงก็ได้โบกมือและเดินไปยังตรงกลางของงานเลี้ยง
“ขอต้อนรับทุกคนที่มาร่วมงานเต้นรำของบริษัท GT หวังว่าทุกคนจะมีความสุขในค่ำคืนนี้”
หลังจากที่โม้จิ่งเฉิงพูดเสร็จ ทุกคนในงานก็ได้ปรบมือเสียงดังขึ้นมา ขณะที่เสียงปรบมือดังอยู่นั้น เป่หมิงโม่ก็ได้เดินเข้ามาในงานอย่างช้า ๆ
สายตาของทุกคนก็มองไปยังเขา
เป่หมิงโม่ก็มีรอยยิ้มที่นิดหน่อย เดินไปและพยักหน้าไป
ขณะที่ผ่านไปนั้น เขาก็ได้รับเสียงปรบมืออีกครั้งหนึ่งของคนที่เข้ามาร่วมงาน
ขณะที่เสียงปรบมือยังดังอยู่ โม้จิ่งเฉิงก็ได้เดินไปตรงหน้าของเป่หมิงโม่ แล้วจับมือกัน “ประธานเป่หมิง ยินดีต้อนรับคุณเข้าสู่งานเต้นรำ” ขณะพูด เขาก็ได้มองไปยังด้านหลังของเป่หมิงโม่
สุดท้ายสายตาเขาก็รู้สึกเหมือนกับมีอะไรบางอย่างหายไป เพราะว่าไม่เห็นเงาของกู้ฮอน
ความจริงแล้วตอนที่ให้บัตรเชิญกับเป่หมิงโม่ ก็ได้มีการเตรียมใจไว้แล้ว เพียงแต่เขากลับหวังไว้สูงมากมาย
เป่หมิงโม่รู้ว่าเขาจะหาใคร เขาก็เลยยืดอกขึ้นมา เหมือนกับแสดงว่าตัวเองไม่ได้พากู้ฮอนมา
เขาได้พูดอย่างช้า ๆ ว่า “งานเต้นรำของประธานโม้ ฉันจะไม่มาได้อย่างไร”
และในตอนนี้ คนรอบข้างของเป่หมิงโม่ ก็ได้มีคนหนึ่งที่เดินออกมาและใส่ชุดที่งดงามอร่ามตาที่สุด
เธอได้เดินถือแก้วไวน์มาหาเป่หมิงโม่ “เป่หมิงโม่ พวกเราไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
เป่หมิงโม่หันไป คนนั้นคือ ซูยิ่งหวั่น
“อ้าว คุณมายังไงล่ะ ?”
ซูยิ่งหวั่นยิ้ม ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความรื่นใจ เธอได้เข้าใกล้หูของเป่หมิงโม่ แล้วพูดเบา ๆ ว่า “ในสถานการณ์เช่นนี้ จะไม่มีฉันได้อย่างไรล่ะ ทำไมหรือ เหมือนกับว่าคู่รำของคุณจะไม่มาเลยนะ”
โม้จิ่งเฉิงเห็นซูยิ่งหวั่นทำแบบนี้กับเป่หมิงโม่ เขาก็เลยรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง เพราะว่าเขาเป็นพ่อบุญธรรมของกู้ฮอน ถึงแม้หวีหรูเจี๋ยและกู้ฮอนจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดี แต่หากพูดถึงเรื่องของความรู้สึกเขาก็จะเอนไปทางลูกบุญธรรมมากกว่า
พอเห็นผู้หญิงคนอยู่ต่อหน้าคนนี้ และท่าทางที่กระทำต่อเป่หมิงโม่ เขาก็ได้ไอเบา ๆ หนึ่งที แล้วพูดกับเป่หมิงโม่ว่า “ประธานเป่หมิง ฉันขอตัวไปทักทายแขกคนอื่นก่อนนะ หวังว่าคุณจะมีความสุขสนุก”
เป่หมิงเห็นโม้จิ่งเฉิงเดินไปแล้ว ก็พูดกับซูยิ่งหวั่นว่า “ใครบอกว่าคู่รำฉันไม่มา ผู้หญิงที่อยู่ในนี้ก็เป็นคู่รำของฉันได้หมดนั่นแหละ”
ซูยิ่งหวั่นก็จิบไวน์เบา ๆ แล้วก็มองไปยังเป่หมิงโม่ว่า “แล้วรวมถึงฉันไหมล่ะ ?”
ในตอนนี้ โม้จิ่งเฉิงเดินมายังศูนย์กลางของงาน แล้วก็ถือไมค์พูดว่า “งานเต้นรำเริ่มขึ้นแล้ว ในฐานะที่เป็นประธานของบริษัทGT เดิมทีคู่รำคู่แรกน่าจะเป็นผม แต่เสียดาย คู่รำของผมไม่มา ดังนั้นผมก็จะให้โอกาสนี้กับเพื่อนร่วมนามสัญญาในกิจการ ก็คือประธานบริษัทตระกูลเป่หมิง คุณชายเป่หมิงโม่”
โม้จิ่งเฉิงได้ชี้ไปยังเป่หมิงโม่ แสงนั้นก็ส่องไปยังเป่หมิงโม้
ซูยิ่งหวั่นในตอนนี้ ก็รู้สึกมีความมั่นใจมาก ๆ ว่าจะได้เต้นรำกับเป่หมิงโม่
***
คนที่เข้าร่วมงานเต้นรำที่โรงแรมแมนดารินก็น่าจะครบเรียบร้อยแล้ว ก็มีเพียงแค่โม้จิ่งเฉิงและเป่หมิงโม่ที่ไม่มีคู่รำ
งานเต้นรำก็ค่อย ๆ เริ่มขึ้น ผู้หญิงที่งดงามและเสื้ออันงดงามของพวกเขาได้ค่อย ๆ เดินเข้ามาในงาน
ชุดกี่เพ้า ที่ปักลวดลายอันงดงามมากมาย
เสื้อที่เต็มไปด้วยอัญมณีกับลวดลายที่สลับกันไปมา และแสงที่กระทบอยู่ขณะนั้น ทำให้ระยิบระยับมากมาย
การปรากฏของเธอทำให้แขกผู้มีเกียรติที่เป็นผู้หญิงนั้นชิดซ้ายกันเลยทีเดียว
เป่หมิงโม่เห็นคนมาแล้ว ปากของเขาก็อ้าค้าง แล้วก็มองไปยังซูยิ่งหวั่น พูดว่า “ขอโทษที คู่รำของฉันมาแล้ว”
เขายิ้มเขิน แล้วเดินผ่านผู้คนมากมาย แล้วไปยืนอยู่ตรงหน้าขอกู้ฮอน ยื่นมือไปให้เธอทำท่าทางเชิญ “สามารถจะเต้นรำเป็นคู่แรกได้ไหม ”
กู้ฮอนยิ้ม แล้วก็พยักหน้ายื่นมือของเธอให้กับเขา
สองคนมาสถานที่เต้นรำ เป่หมิงโม่ได้เอามือไปโอบกอดเอวของเธอ อีกมือหนึ่งก็จับมือของเธอ แล้วก็ค่อย ๆ เริ่มการเต้นระบำ
แสงไฟทั้งหมดในงานก็ได้สาดส่องมายังพวกเขาสองคน
“ฉันไม่เลือกผิดเลย เสื้อชุดนี้มันเหมาะสมกับคุณแล้วจริง ๆ ฉันคิดว่าคุณจะไม่มาแล้ว หากฉันจำไม่ผิดแล้วล่ะก็ นี่เป็นการเต้นรำของพวกเราครั้งที่สอง ” เป่หมิงโม่พูดไปแล้วยังแฝงด้วยความเชื่อมั่นในตัวเองสูง
กู้ฮอนก็เต้นรำไปแล้วพูดว่า “แต่นี่คือไม่อยากให้ลูกชายนั้นผิดหวัง”
เป่หมิงโม่รู้สึกเหนือความคาดหมาย เขารู้สึกแพ้และยิ้ม “ไม่คิดว่าจะเป็นเฉิงเฉิง”
ต้องยอมรับว่า การเต้นรำของเป่หมิงโม่และกู้ฮอนมันน่าชื่นชมและน่าดูมากมาย
ผู้ชายสง่างาม ผู้หญิงงดงามเหลือหลาย ขณะที่รำอยู่ ทำให้คนที่อยู่ในงานรู้สึกถึงความสดใสและงดงาม
“เป่หมิงโม่ กู้ฮอน พวกคุณเต้นได้สุดยอดมากเลย” โม้จิ่งเฉิงเห็นกู้ฮอนมา ในใจรู้สึกดีใจมากมาย
เขายิ้มแล้วเดินมาหาด้านหน้าของพวกเขา แล้วรอบริกรเดินเอาแก้วไวน์มาให้สามแก้ว ส่งให้พวกเขา
กู้ฮอนยิ้มแล้วพูดกับโม้จิ่งเฉิงว่า “ขอบคุณท่านพ่อ”
เป่หมิงโม่หยิบมาหนึ่งแก้ว “หยิบแก้วไวน์นี้มาให้ฉันพูดอะไรหรือ งั้นก็ขอให้พวกเราสองบริษัทใหญ่ทุกอย่างราบรื่นแล้วกัน”
สามคนได้ชนแก้วกัน
ตอนนี้ ซูยิ่งหวั่นก็เดินมาข้าง ๆ กู้ฮอน เธอไม่อาจไม่ยอมรับได้ว่า กู้ฮอนเป็นคนที่สว่างไสวที่สุดในงานนี้
“กู้ฮอน หลังจากเรื่องนั้นมา พวกเราก็ไม่เจอหน้ากันเลย แต่ฉันก็ยังเห็นคุณในหนังสือพิมพ์ แน่นอนว่าจะเกี่ยวกับการบันเทิง”
กู้ฮอนหันไปแล้วเห็นซูยิ่งหวั่น เมื่อก่อนเธอสองคนได้ต่อสู้กันมาอย่างยาวนาน
แต่ตอนนี้ เธอรู้สึกว่าไม่ต้องอะไรแล้ว เธอมองว่า เธอสองคนไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน
เห็นซูยิ่งหวั่นยิ้มอย่างเสแสร้ง กู้ฮอนก็ได้ยิ้มคืนไป “ใช่แล้ว ไม่ได้เจอกันมาระยะหนึ่งแล้ว ขอบคุณที่ยังติดตามฉัน แต่ฉันไม่อาจจะหาข่าวคราวของคุณได้แม้แต่น้อยเลย ขอโทษจริง ๆ ฉันไม่รู้ว่าช่วงนี้คุณกำลังยุ่งอะไร”
ซูยิ่งหวั่นก็มีสีหน้าที่แข็งทื่อไป แล้วยิ้มว่า “คนดังอย่างฉัน ตลอดเวลาก็ต้องหนีพวกปาปารัสซี่ และช่วงนี้ฉันได้ไปคุยงานเกี่ยวกับกิจการต่างประเทศน่ะ เมื่อวันก่อนเพิ่งจะกลับมา ”
พอพูดถึงตรงนี้ เธอก็ได้ไปมองยังเป่หมิงโม่ แล้วพูดอย่างเป็นห่วงว่า “เมื่อก่อนไม่ใช้ชอบเป็นตัวแทนเป่หมิงโม่ฟ้องร้องคนอื่นหรือ ? ทำไมตอนนี้กลับมาต่อสู้กันแล้วล่ะ ? เดิมทีฉันเป็นห่วงว่าพวกคุณก็จะไม่ได้เจอกันแล้ว แต่วันนี้เห็นมาเห็น สุดท้ายก็วางใจได้ล่ะ”
***
บทสนทนาของซูยิ่งหวั่นและกู้ฮอน เป่หมิงโม่ได้ยินทั้งหมด เขาก็เลยขมวดคิ้วขึ้นมา
แล้วก็หันไปหาซูยิ่งหวั่นพูดอย่างเยือกเย็นว่า “ฉันคิดว่าตอนนี้คุณควรจะลาออกจากวงการบันเทิงนะ ทำไมตอนนี้ยิ่งอยู่ยิ่งนินทากันแล้วล่ะ”
เป่หมิงโม่ที่พูดใส่ซูยิ่งหวั่นเลยทำให้เธอรู้สึกเขินอายและเสียหน้า แล้วก็เธอก็ได้มีรอยยิ้มกลับมาพูดว่า “เป่หมิงโม่ ความจริงฉันก็ไม่ได้มีความหมายอื่นอะไร เพียงแต่เป็นห่วงในฐานะเพื่อนเท่านั้นเอง ในเมื่อคุณไม่ยอมจะฟัง ฉันก็จะไม่พูดเรื่องนี้อีก”
“นั่นดีที่สุด ฉันไม่อยากจะหวังว่าพวกเราจะไม่เป็นเพื่อนกันด้วยเรื่องเพียงเท่านี้”
เป่หมิงโม่พูดเสร็จ ก็ได้เห็นผู้คนมากมายทำการเต้นรำอยู่
เขาก็ได้จับมือของกู้ฮอน “ฉันรู้สึกว่าบรรยากาศที่นี่ไม่ค่อยจะพูด” ขณะที่พูด ก็ได้ออกห่างซูยิ่งหวั่น แล้วก็พากู้ฮอนเดินออกจากพื้นที่ตรงนั้น
กู้ฮอนรู้ว่าเป่หมิงโม่ถูกซูยิ่งหวั่นทำจนเสียอารมณ์
ตลอดจนถึงที่พวกเขาเดินมายังลิฟต์ กู้ฮอนก็พูดว่า “คุณไม่ต้องไปโมโหเขาหรอก อาจจะเป็นเพราะว่าเขาหวังดีก็ได้”
เป่หมิงโม่มองไปที่กู้ฮอน แล้วยิ้มแสยะ “คุณพูดแล้ว “อาจจะ” แสดงว่าคุณไม่ได้เกลียดเขาขนาดนั้นใช่ไหม ?”
“เป็นเพราะว่าฉันรู้ว่า ในใจของเขาชอบคุณอยู่ไงล่ะ ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือตอนนี้ เขาก็ยังคิดว่าฉันเป็นศัตรูหัวใจของตัวเองไงล่ะ”