ตอนที่ 780 หยางหยางมีอันตราย
แต่สิ่งที่ทำให้เธอผิดหวังก็คือ เป่หมิงโม่จ้องมองเธอไม่ถึงหนึ่งนาทีหลังจากนั้นก็หันหน้าไปมองที่อื่น “คุณลืมไปแล้วหรือว่าเธอเป็นตัวการที่ทำให้คุณกับคุณแม่ของคุณ แม่ลูกต้องจากกันไป 20 กว่าปี”
กู้ฮอนพยักหน้า “ไม่ผิด ตอนแรกฉันก็คิดว่าเป็นเช่นนั้น แต่ช่วงหลายวันมานี้ฉันพบว่าเรื่องราวมีจุดหักเห แม้ว่าตอนนี้ฉันจะไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยัน แต่ฉันสามารถยืนยันได้ว่าตอนแรกที่คุณป้าหวีหรูเจี๋ยทำฉันหายไปนั้นเป็นอุบัติเหตุเรื่องหนึ่ง”
ใบหน้าเป่หมิงโม่ปรากฏแววยากจะเชื่อขึ้นมา เขามองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นของกู้ฮอน
หลังจากนั้นเขาก็หมุนตัวเดินไปทางรถของตัวเอง ก่อนเขาจะไปก็เอ่ยประโยคหนึ่งทิ้งเอาไว้ “รอคุณหาหลักฐานทั้งหมดได้เรียบร้อยแล้วค่อยมาพูดเรื่องของคุณกับผมก็แล้วกัน”
กู้ฮอนยืนอยู่บนสนามหญ้ามองเป่หมิงโม่เข้าไปในรถแล้วก็ขับออกไปจากโรงพยาบาลทั้งอย่างนั้น
ที่จริงแล้วเธอมองออกว่าเป่หมิงโม่นั้นเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งในสิ่งที่เธอพูด แต่ว่าหลายปีมานี้จิตใจอันชั่วร้ายของคุณแม่เขายังคงหยั่งรากลึก ถ้าต้องการจะขุดรากถอนโคนก็จำเป็นจะต้องใช้เวลาเล็กน้อย
กู้ฮอนหมุนตัวเดินกลับไปยังห้องพักผู้ป่วยของคุณแม่อย่างเงียบๆ
*
“หม่ามี๊ หม่ามี๊กลับมาแล้ว” เวลากลางคืนทุกคนนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องรับแขกด้วยกัน ตอนนี้ฉิงฮัวยังไม่ได้กลับมา
กู้ฮอนโค้งตัวลงไปอุ้มจิ่วจิ่วขึ้นมา หอมลงบนใบหน้ารูปไข่เล็กๆครั้งหนึ่ง “ทารกน้อย วันนี้อยู่บ้านเชื่อฟังหรือไม่คะ”
จิ่วจิ่วกระพริบนัยน์ตาโตฉ่ำวาวพยักหน้าจริงจังเป็นอย่างมาก
“คุณแม่ สุขภาพของคุณยายเป็นอย่างไรบ้างครับ ทำไมเธอไม่กลับมากับคุณแม่” เฉิงเฉิงกระโดดลงจากโซฟา เดินมาถึงข้างกายกู้ฮอนเช่นกัน
“ใช่แล้ว อาการป่วยของคุณป้าเป็นอย่างไรบ้าง ร้ายแรงไหม” แอนนิและลั่วเฉียวนั้นไม่ได้เจอหน้าเธอเลยทั้งวัน จึงรีบเอ่ยถาม
กู้ฮอนรู้สึกตื้นตันใจสำหรับความห่วงใยของพวกเธอทั้งสองคนที่มีต่อคุณแม่
เธอยิ้มบางๆ “เธอกลับไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้ว คุณหมอบอกว่าไม่หนักหนาอะไร”
***
กลางดึก กู้ฮอนกล่อมจิ่วจิ่วจนหลับไปแล้ว
เธอเพิ่งจะเดินออกมาจากห้องนอนก็ได้ยินเฉิงเฉิงเอ่ยเรียกเธออยู่ด้านหลัง “คุณแม่ครับ”
กู้ฮอนหมุนตัวกลับไป “ลูกรัก มีเรื่องอะไรหรือ”
เฉิงเฉิงกวักมือเรียกกู้ฮอน “คุณแม่ มาที่ห้องของผมครับ ผมมีเรื่องอยากจะพูดกับคุณแม่”
กู้ฮอนยิ้มบางๆให้กับเฉิงเฉิง “ได้ แม่จะไปเดี๋ยวนี้” กู้ฮอนเอ่ยจบก็เดินตามเฉิงเฉิงเข้าไปในห้องนอนของเขา
เธอดึงม้านั่งใต้โต๊ะเขียนหนังสือออกมานั่ง มองไปยังเฉิงเฉิงที่ยื่นศีรษะออกไปมองด้านนอกอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ปิดประตูให้เรียบร้อย
“ลูกรัก มีเรื่องอะไรกันแน่ถึงได้ทำท่าทางลึกลับเช่นนี้”
เฉิงเฉิงเดินกลับมาถึงเบื้องหน้ากู้ฮอน “คุณแม่ วันนี้ผมเจอหน้าหยางหยางที่โรงเรียนจึงตรวจสอบเรื่องเมื่อวานที่เขาบอกอีกครั้งหนึ่ง”
เมื่อกู้ฮอนได้ยินว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องเมื่อวาน เธอก็มีท่าทางสดชื่นขึ้นมา “หยางหยาง เขาพูดว่าอย่างไรบ้าง”
“หยางหยางแสดงให้เห็นว่าเรื่องที่บอกกับพวกเราเมื่อวานล้วนเป็นความจริง อีกทั้งเมื่อคืนวานเขาก็ยังไปแอบฟังความเคลื่อนไหวทางฝั่งของคุณย่าด้วย ผลลัพธ์ก็คือได้ยินว่าคุณย่าพูดว่าจะต้องจัดการหวีหรูเจี๋ยให้เด็ดขาดอะไรเนี่ยแหละครับ ไม่อย่างนั้นก็ไร้หนทางที่จะยืนอยู่ในบ้านตระกูลเป่หมิงได้……”
กู้ฮอนได้ยินเรื่องพวกนี้แล้ว จิตใจก็ตึงเครียดขึ้นมา เธอยกนิ้วขึ้นมานิ้วหนึ่งให้เฉิงเฉิง ให้เขาพูดเสียงเบาเล็กน้อย
จากนั้นมือทั้งคู่ของเธอก็คว้าไปที่ไหล่เล็กๆของลูกชายแน่น เอ่ยพูดด้วยสีหน้าจริงจังและหนักแน่นว่า “ลูกรัก เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ลูกรีบไปบอกหยางหยางว่าอย่าไปแอบฟังเลย ถ้าหากว่าถูกพบเข้า ผลลัพธ์อาจจะค่อนข้างหนักหนานะ!”
เฉิงเฉิงก็เข้าใจว่าคุณแม่หมายถึงอะไร เขารีบเปิดคอมพิวเตอร์ของตัวเอง เปิด QQ ขึ้นมาก็เห็นว่าหยางหยางกำลังออนไลน์อยู่
“นายอยู่ไหม”
หยางหยางตอบกลับมาอย่างรวดเร็วประโยคหนึ่งว่า “OK”
นี่คือวิธีการตอบกลับที่หยางหยางทำเป็นนิสัย
เฉิงเฉิงเอ่ยต่อว่า “หยุดการปฏิบัติการชั่วคราว รอคำสั่งอีกครั้ง”
ผ่านไปครู่หนึ่งหลังจากนั้น หยางหยางก็ตอบกลับมาอีกครั้งว่า “OK”
เห็นหยางหยางตอบกลับมาแล้ว กู้ฮอนถึงจะโล่งใจ เธอไม่อยากให้ลูกต้องไปเสี่ยง
ถ้าหากว่าเจียงฮุ่ยซินเป็นเหมือนกับที่พวกเขาพูดแบบนั้นจริงๆ บวกกับเบาะแสที่ตัวเองได้มาจากพ่อบุญธรรมอีกเล็กน้อย
อย่างนั้นเจียงฮุ่ยซินก็เป็นคนที่น่ากลัวมากคนหนึ่ง ปกติดูแล้วเธอเป็นมิตรเป็นกันเอง แต่เธอทำเรื่องเหล่านั้นกับหวีหรูเจี๋ยในปีนั้นออกมาได้ แม้จะไม่รู้ว่าใช้วิธีการใด แต่ก็บรรลุผลลัพธ์อย่างที่เธอคาดเอาไว้
เพียงแต่ว่าสวรรค์นั้นมีลิขิตของตัวเอง หลังจากเรื่องนี้ปิดบังมาได้ 20 กว่าปี การปรากฏตัวของคุณแม่ทำให้เรื่องนี้ถูกเปิดเผยขึ้นมา
เธออาจจะต้องเริ่มดำเนินการแล้ว สำหรับดำเนินการอะไรนั้นตอนนี้เธอยังไม่รู้แน่ชัด แต่สามารถรู้ได้ว่าเธอนั้นเริ่มจะอดทนไม่ไหวแล้ว
เป้าหมายของเธอในตอนนี้น่าจะเป็นคุณป้าหวีหรูเจี๋ย
กู้ฮอนคิ้วขมวดแน่น เธอควรจะใช้วิธีการใดไปหยุดยั้งไม่ให้เรื่องนี้ดำเนินต่อไปได้กัน
ตอนนั้นเองที่เฉิงเฉิงดึงแขนเสื้อของกู้ฮอน “คุณแม่ครับ ถ้าหากว่าเรื่องที่หยางหยางได้รู้มานั้นถูกต้องล่ะก็ ผมคิดว่าหยางหยางอาจจะมีอันตรายได้”
“ลูกรัก ทำไมถึงพูดเช่นนี้กัน” กู้ฮอนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
“ที่จริงแล้วง่ายมากครับ หยางหยางเป็นคนที่ควบคุมตัวเองไม่เก่งคนหนึ่ง อีกทั้งนิสัยของเขายังดื้อรั้น อาจจะทำให้ความสัมพันธ์กับคุณย่าที่เดิมดีอยู่นั้นแย่ไปแล้ว ถึงเวลานั้นเขาทำเรื่องโง่ๆอะไรขึ้นมานั้นก็ไม่อาจคาดเดาผลลัพธ์ได้แล้ว”
ประโยคนี้ของเฉิงเฉิงเตือนกู้ฮอน ทำให้ในใจของกู้ฮอนรู้สึกอันตรายแทนหยางหยางขึ้นมาในทันที
“คุณแม่ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมคิดหาวิธีที่สามารถช่วยเขาได้วิธีหนึ่งแล้วครับ”
กู้ฮอนมองไปที่เฉิงเฉิง “ลูกรัก ลูกมีวิธีดีๆอะไรหรือ”
***
เฉิงเฉิงมีท่าทางเคร่งขรึมอย่างเห็นได้ชัด เขาเอ่ยกับกู้ฮอนอย่างจริงจังว่า “คุณแม่ ผมคิดว่าพรุ่งนี้จะย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านใหญ่ครับ”
กู้ฮอนได้ยินแล้วก็แสดงท่าทางไม่เห็นด้วยในทันที “เธอโบกมือไปมา พลางเอ่ยว่า “ลูกรัก นี่จะเป็นไปได้อย่างไรกัน แม่ไม่อาจให้ลูกไปอยู่ในสถานที่อันตรายขนาดนั้นได้”
ท่าทางเคร่งขรึมบนใบหน้าของเฉิงเฉิงนั้นเหมือนกันกับเป่หมิงโม่ขนาดย่อส่วน “คุณแม่ คุณแม่วางใจเถอะครับ อันตรายนั้นมีไว้สำหรับหยางหยาง สำหรับผมแล้วไม่นับว่าเป็นเรื่องอันตรายใดๆ อย่างน้อยผมก็เติบโตอยู่ข้างกายคุณย่ามาตลอด ผมยังค่อนข้างเข้าใจเธอ อีกทั้งผมยังสามารถดูแลหยางหยางให้ไม่ให้สร้างเรื่องวุ่นวายอื่นๆออกมาได้ด้วย”
กู้ฮอนคิดอยู่ชั่วครู่ ดูเหมือนว่ามีเพียงความเห็นของเฉิงเฉิงเท่านั้นที่ค่อนข้างน่าเชื่อถือ
เพราะเป่หมิงโม่หรือเจียงฮุ่ยซินนั้นไม่ยินยอมให้หยางหยางย้ายออกมาอาศัยอยู่กับตัวเองอย่างแน่นอน อีกทั้งนี่ก็เป็นถึงกฎระเบียบข้อหนึ่งในสัญญาก่อนหน้านี้
“ก็ได้ อย่างนั้นก็ทำตามที่ลูกพูดเถอะ เพียงแต่ ลูกรัก ลูกต้องรับปากแม่ว่าพวกเราสองพี่น้องจะต้องสามัคคี เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันรู้ไหม แม่ไม่อยู่ข้างกายพวกลูก ลูกที่เป็นพี่ชายจะต้องแบกรับความรับผิดชอบที่หนักกว่า”
เฉิงเฉิงออกแรงพยักหน้า “คุณแม่ก็วางใจเถอะครับ”
กู้ฮอนแม้ว่าจะอาลัยอาวรณ์อยู่บ้าง แต่ก็ยังจัดเตรียมกระเป๋าเดินทางใบเล็กให้กับเฉิงเฉิงทั้งคืนจนเสร็จ
วันรุ่งขึ้นกู้ฮอนก็ส่งเฉิงเฉิงไปเรียนตอนกลางวัน ตอนที่เฉิงเฉิงเรียนอยู่ก็เล่าแผนการที่กำหนดเอาไว้เมื่อคืนวานให้หยางหยางฟัง
แน่นอนว่าหยางหยางนั้นยินดีอย่างสุดซึ้ง วันคืนที่ตัวเองอยู่ที่บ้านใหญ่ แม้ว่าจะมีวิถีชีวิตที่หรูหราสุรุ่ยสุร่าย แต่ก็ต้องเผชิญหน้ากับคนรับใช้กลุ่มหนึ่ง ไม่ก็คุณย่าที่ใบหน้ามีแต่รอยยิ้มเสแสร้ง ทำให้เขารู้สึกว่าไร้หนทางที่จะผ่านวันคืนเหล่านี้ไปได้
คิดไม่ถึงเลยว่าเฉิงเฉิงจะย้ายมาอยู่ด้วยกันกับเขาที่บ้านใหญ่ ช่างเป็นข่าวดีอันยิ่งใหญ่ข่าวหนึ่งจริงๆ
กู้ฮอนส่งเฉิงเฉิงไปเรียนเรียบร้อยแล้วก็ไปยังบริษัทเป่หมิงครั้งหนึ่ง
สำหรับการมาเยือนอย่างกะทันหันของกู้ฮอนนั้นทำให้เป่หมิงโม่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
สำหรับบริษัทเป่หมิงแล้วเธอนับว่าเป็นแขกที่นานๆมาครั้งหนึ่ง
“คุณมาหาผมมีเรื่องอะไรหรือ” เป่หมิงโม่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน เต็มไปด้วยท่าทางมีชีวิตชีวา
การสนทนาระหว่างกู้ฮอนและเป่หมิงโม่นั้น เดิมฉิงฮัวต้องการจะเลี่ยงออกไป แต่ก็ถูกกู้ฮอนหยุดเอาไว้ “ฉิงฮัว คุณไม่ต้องออกไป ฉันมาที่นี่ก็เพราะเรื่องของลูกเท่านั้นเอง”
เป่หมิงโม่เลิกคิ้ว “ลูก พวกเราไม่ได้เขียนไว้บนหนังสือข้อตกลงความร่วมมืออย่างชัดเจนแล้วหรือ เฉิงเฉิงเป็นของคุณ หยางหยางเป็นของผม น่าจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”
“แน่นอนว่าไม่มีปัญหา แต่ว่าอย่างไรฉันก็เป็นถึงคุณแม่ของเด็กทั้งสองคน ฉันครุ่นคิดเพื่อพวกเขาได้อย่างรอบคอบมากกว่าคุณที่เป็นคุณพ่อที่ไม่กลับบ้านทั้งวัน ฉันคิดแบบนี้ หยางหยางในตอนนี้อยู่ที่บ้านใหญ่คนเดียว ต้องโดดเดี่ยวแน่ๆ ฉันคิดว่าช่วงเวลานี้จะส่งเฉิงเฉิงไปอยู่ที่บ้านใหญ่เป็นเพื่อนหยางหยางสักหลายวัน ฉันจะได้ดูแลคุณแม่ของฉันได้ด้วย”
กู้ฮอนเอ่ยจบก็มองไปทางเป่หมิงโม่
เป่หมิงโม่พยักหน้า “ในเมื่อคุณปล่อยให้เฉิงเฉิงกลับไปอาศัยอยู่ที่บ้านใหญ่ได้ ผมก็ไม่มีความเห็นอะไรแม้แต่น้อย คุณสามารถส่งเขาไปได้ตลอดเวลา ถึงตอนไหนที่คุณคิดถึงลูกแล้วก็ค่อยกลับมารับเขากลับไปอยู่ด้วยกันกับคุณ”
เมื่อได้รับการอนุญาตจากเป่หมิงโม่แล้ว เรื่องนี้ก็เหมือนถูกตอกตะปูบนไม้กระดาน ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรแล้ว
กู้ฮอนเอ่ยเรื่องนี้จบแล้วก็ลุกขึ้นยืนเตรียมจะเดินออกไปข้างนอก เป่หมิงโม่กลับหยุดเธอไว้ “คุณจะไปทั้งอย่างนี้หรือ”
กู้ฮอนหันกลับมามองเป่หมิงโม่อย่างแปลกใจ “ฉันพูดธุระจบแล้ว แน่นอนว่าจะไปแล้ว”
มุมปากเป่หมิงโม่ยกขึ้นเล็กน้อย “พวกเราควรจะมีข้อแลกเปลี่ยนกันใช่หรือไม่”
ข้อแลกเปลี่ยนหรือ กู้ฮอนฟังแล้วก็แปลกใจ เป่หมิงเอ้อ ไอ้หมอนี่เป็นพ่อค้าหน้าเลือดจริงๆ ลูกสองคนล้วนไปอยู่ที่บ้านตระกูลเป่หมิงแล้ว เขายังได้คืบจะเอาศอกอีก
***
กู้ฮอนขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางเบ้ปาก “เอ่ยข้อแลกเปลี่ยนของคุณออกมาเถอะ”
เป่หมิงโม่มองท่าทางจนปัญหาของกู้ฮอนแล้วก็ยิ้มน้อยๆ จากนั้นเขาก็เดินอ้อมมาถึงด้านหน้าโต๊ะทำงาน ยืนอยู่ข้างหน้ากู้ฮอนแล้วหลุบตามองเธอ “ที่จริงแล้วข้อแลกเปลี่ยนของผมนั้นง่ายมากสำหรับคุณ ก็คือมาเป็นผู้ช่วยพิเศษของผม”
ผู้ช่วยพิเศษ! ตอนที่กู้ฮอนและฉิงฮัวได้ยินคำนี้ก็อดไม่ได้ที่หนังตาจะกระตุก
สีหน้าของฉิงฮัวเปลี่ยนไปจนไม่น่าดู หรือว่าเจ้านายจะรังเกียจที่ตัวเองไม่เหมาะสมกับตำแหน่งจึงจะเปลี่ยนคนกัน
กู้ฮอนกลับคิดว่า เป่หมิงเอ้อ ไอ้หมอนี่มาไม้นี้อีกแล้ว ครั้งที่แล้วตอนที่เป็นเลขาให้เขาก็ถูกเขาปั่นหัวเสียจนเหลือทน ตอนนี้เป็นอย่างไร ถูกเลื่อนขั้นขึ้นเป็นผู้ช่วยพิเศษแล้ว แล้วจะยังผ่านคืนวันไปได้ด้วยดีหรือ
เป่หมิงโม่ราวกับว่ามองความคิดของพวกเขาออก เดินอ้อมกู้ฮอนไปอยู่หน้าฉิงฮัว ยืนมือไปตบไหล่เขาเบาๆ “นายก็ทำส่วนของนายไปอย่างสบายใจเถอะ ฉันเตรียมการส่วนอื่นสำหรับนายไว้ให้แล้ว”
จากนั้นก็เดินอ้อมกลับมาที่เบื้องหน้ากู้ฮอน “คุณก็อย่าเพิ่งร้อนใจเอ่ยปฏิเสธ สำหรับคุณมีเพียงแต่ข้อดีไม่มีข้อเสีย”
กู้ฮอนกลอกตามองบนใส่เขา
ข้อดี ถ้าหากว่ามีข้อดีล่ะก็ พระอาทิตย์จะต้องขึ้นทางทิศตะวันตกอย่างแน่นอน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ นัยน์ตาของเธอก็มองออกไปนอกหน้าต่าง
“คุณกำลังมองอะไร” เป่หมิงโม่นั้นถือว่าคุ้นชินกับท่าทีที่ไม่ใช้ความรุนแรงก็ไม่ให้ความร่วมมือแบบนี้ของเธอแล้ว
“ฉันกำลังมองว่าพระอาทิตย์ลอยขึ้นมาจากทางทิศตะวันตกใช่หรือไม่” กู้ฮอนนั้นไม่ไว้หน้าเขาแม้แต่น้อย
เป่หมิงโม่ยื่นศีรษะเข้ามา แก้มของเขาเกือบจะแนบกับแก้มของเธอ
ในใจกู้ฮอนรู้สึกตึงเครียดเป็นอย่างมาก เธอเกือบจะสามารถรู้สึกได้ถึงลมร้อนเล็กน้อยที่ลอยมาจากทางเขา
“ถ้าหากว่าคุณต้องการให้มันขึ้นมาจากทางทิศตะวันตก ผมก็สามารถทำให้มันขึ้นมาจากทางทิศตะวันตกได้” เป่หมิงโม่เอ่ยเสียงเบาข้างใบหูเธอหนึ่งประโยคแล้วก็ถอยร่างกลับไป เดินกลับไปที่หน้าโต๊ะทำงานของตัวเองอีกครั้ง พลางเอ่ยพูดกับฉิงฮัวว่า “แจ้งผู้รับผิดชอบของแต่ละแผนกให้มาที่ห้องประชุมของฉัน ฉันมีเรื่องจะพูดกับพวกเขา”